Fed-Slow-Rate-Hike

เมื่อคืนนี้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) นางเจเน็ต เยเลน (Janet Yellen) มีการแถลงมุมมองเศรษฐกิจและนโยบายการเงิน ที่ Economic Club of New York หลังจากที่ผู้ว่าฯเฟดหลายสาขา ออกมาให้ความเห็นหลังการประชุม FOMC สวนทางกับผลการประชุมวันที่ 16-17 มี.ค. ในทำนองว่า เฟดควรรีบขึ้นดอกเบี้ยมากกว่า ซึ่งเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับผลการประชุม ทำให้ตลาดการเงินค่อนข้างผันผวนไร้ทิศทางในสัปดาห์ที่ผ่านมานะครับ

การแถลงมุมมองครั้งนี้ นักวิเคราะห์ก็คาดกันว่า น่าจะหยุดความผันผวนของตลาด และกำหนดทิศทางได้ชัดขึ้น วันนี้ผมเลยขออนุญาตสรุปประเด็นที่เจเน็ต เยลเลน แถลงต่อสื่อตามนี้ครับ

  1. ในถ้อยแถลง เฟดค่อนข้างพอใจกับอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯในช่วงที่ผ่านมา และเห็นว่า อัตราการจ้างงานขยายตัวได้ดีตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ แต่ขณะเดียวกัน ก็ชี้ให้เห็นความเสี่ยง การชะลอตัวของภาคการผลิตในสหรัฐฯ และการส่งออก (หลังจากที่ดอลล่าร์แข็งค่าขึ้นมา) ถือว่าเป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯในระยะยาว ซึ่งถ้าให้เจาะจงลงไป ความเสี่ยงนั้น สาเหตุก็มาจาก เศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวต่ำกว่าที่เฟดประเมินไว้ ซึ่งเกิดจากเศรษฐกิจจีน และกังวลเรื่องทิศทางการดำเนินนโยบายของธนาคารกลางจีน (PBOC) ต่อค่าเงินหยวนด้วย สะท้อนว่า สหรัฐฯ เชื่อว่า จีนมีโอกาสประกาศนโยบายอ่อนค่าเงินหยวนเพิ่มเติม หากเศรษฐกิจจีนอยู่ในทิศทางชะลอตัวมากกว่าที่ทางการจีนประเมินไว้
  2. เจเน็ต เยลเลน มองว่า อัตราเงินเฟ้อปรับตัวขึ้นในทิศทางน่าพึงพอใจ และดีกว่าที่คาดไว้ตอนประชุมเดือน ธ.ค. ปีที่แล้ว แต่ย้ำว่า ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่า เงินเฟ้อจะไปถึงเป้าหมาย 2% อย่างที่ตั้งใจ ความเสี่ยงก็อย่างที่บอกไปในข้อ 1. นั้นเอง
  3. กรเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขทางเศรษฐกิจ ในช่วงไตรมาส 1/2016 ที่ผ่านมา ทำให้เฟดต้องปรับมุมมองและนโยบายให้สอดคล้องตามภาวะของเศรษฐกิจโลกด้วย อันนี้เป็นสาเหตุที่ประมาณการ Dot Plot ที่ออกมาตอนการประชุมกลางเดือน มี.ค. ถูกปรับลดลง เยลเลนบอกว่า ความเสี่ยงที่อยู่ข้างหน้า จำเป็นที่จะต้องชะลอการขึ้นดอกเบี้ยในอัตราเร่งที่ช้าลงกว่าที่คาดไว้ตอนประชุมเดือน ธ.ค. และย้ำว่า การดำเนินนโยบายด้านดอกเบี้ยของเฟด ต้องทำอย่างระมัดระวัง (Dovish Tone สอดรับกับถ้อยแถลงหลังการประชุม FOMC เมื่อกลางเดือน มี.ค.)
  4. เจเน็ต เยลเลน มองว่า อุปสรรคต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ (Headwinds) คือ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก (ที่มากกว่าเดิม), ภาคการผลิตที่เริ่มหดตัว, การแข็งค่าของค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ (เพราะมุมมองการขึ้นดอกเบี้ย) จะค่อยๆลดลงเมื่อระยะเวลาผ่านไป แต่สิ่งนี้ เป็นแค่การคาดการณ์ของเฟดเท่านั้นนะ ไม่มีใครบอกได้หรอกว่า ความเสี่ยงเหล่านี้จะหมดไปจริงๆ “no one can be certain about the pace at which economic headwinds will fade,” พูดแบบนี้ ก็ยิ่งสะท้อนว่า เฟดไม่น่าจะกล้ารีบขึ้นดอกเบี้ยจริงๆนะครับ
  5. พูดถึงสิ่งที่ตลาดกังวล ณ ตอนนี้ว่า ดูเหมือนธนาคารกลาง จะแทบไม่เหลือเครื่องมือทางการเงินใดๆอีกแล้ว ในกรณีที่เกิดความเสี่ยง หรือ Downside Risk ต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ หากไม่รีบขึ้นดอกเบี้ย ณ ตอนนี้ , เจเน็ต เยลเลน ให้ความเห็นว่า เฟด มีการพิจารณาเครื่องมือต่างๆ และพร้อมดำเนินมาตรการที่เห็นว่าสมควรไว้แล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เฟด จะทำอะไรก็ตาม ต้องขึ้นอยู่กับข้อมูลที่เป็นหลักฐานชัดๆ ไม่ใช่คาดการณ์อนาคตเอาเอง (data-dependent approach)

สรุปทั้ง 5 ประเด็น ก็ถือว่าคลายความสงสัยให้กับนักลงทุนได้นะครับว่า เฟด มีมุมมองว่า อัตราดอกเบี้ยควรขึ้นก็จริง และขึ้นในอัตราเร่งที่ช้าลง (dovish speech)

เมื่อคืนนี้หลังการแถลง ค่าเงิน USD อ่อนค่าลงมาทันทีเมื่อเทียบกับสกุลหลักอื่นๆ US Dollar Index ลงมาที่ 95.15

sc (3)

รูปประกอบที่ 1 : US Dollar Index 1 Year
ที่มา : www.stockcharts.com

ฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ Dow Jones ปิดบวกเกือบๆ 100 จุด (+0.56%)

sc (4)

รูปประกอบที่ 2 : Dow Jones Index 1 Year
ที่มา : www.stockcharts.com

เมื่อค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐอ่อนค่า อีกหนึ่งสินทรัพย์ที่มาแน่นอนก็คือ ทองคำ บวกกลับเมื่อคืนมายืนเหนือ $1,240 อีกรอบ

sc (5)

รูปประกอบที่ 3 : Spot Gold 1 Year
ที่มา : www.stockcharts.com

แต่ราคาน้ำมันกลับไม่ขยับขึ้นด้วย เพราะปัจจัยที่สำคัฐกว่า รออยู่ตรงหน้า คือ ปริมาณสำรองน้ำมันที่ยังอยู่ในระดับสูง , การประชุมกันระหว่าง OPEC และ non-OPEC Leaders วันที่ 18 เม.ย. ที่การ์ต้า ถึงความตกลงในการคงกำลังการผลิตน้ำมันครั้งสำคัญ และถ้าดูภาพทางเทคนิค จะเห็นว่า ตั้งแต่ขึ้นมาทดสอบเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ก็ย่อลงมาต่อเนื่องตลอดเลย

sc (6)

รูปประกอบที่ 4 : WTI Crude Oil 1 Year
ที่มา : www.stockcharts.com

มุมมองของผม

ไม่ได้รู้สึกประหลาดอะไร เพราะ หากเป็นเรื่องนโยบายกรเงินแล้ว คนที่เราควรฟังมากที่สุดก็คือ ประธานเฟด คนนี้นะครับ ดังนั้น ความผันผวนที่เกิดขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะตลาดไปให้น้ำหนักกับมุมมองรายบุคคลมากจนเกินไป สุดท้าย เมื่อพี่ใหญ่อย่างเจเน็ต เยลเลน ออกมาบอกเอง ก็แปลว่า ปีนี้ เฟดจะชะลอการขึ้นดอกเบี้ยแน่นอน ดังนั้น ทิศทางค่าเงินดอลล่าร์จะไม่แข็งค่าเร็วอย่างที่เราเคยคิดกันไว้ เปิดโอกาสให้ เงินทุนไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยง (Risky Asset) เพิ่มขึ้นในช่วงที่ยังไม่มีการขึ้นดอกเบี้ย

แต่มองอีกมุมหนึ่ง ขึ้นได้ช้า ก็แปลว่า เศรษฐกิจมีความเสี่ยง เลยไม่กล้าขึ้นดอกเบี้ยเร็วเหมือนที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ แถมเครื่องมือที่เฟดมีก็จำกัด จะอัด QE เพิ่ม ก็ไม่ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆเหมือนในอดีต ประสิทธิภาพของมันจะลดลงแน่นอน ดังนั้น ลงทุนอย่างระมัดระวังในช่วงที่เหลือนะครับ