เมื่อ Heinz ไม่ไ่ด้เป็นแค่ซอสมะเขือเทศอีกต่อไป

หลาย ๆ คนในที่นี้อาจจะรู้จัก Heinz บริษัท ซอสชื่อดัง ที่เคยมีสปอตโฆษณาเปิดตอนเข้าห้องน้ำในห้างตอนเด็ก ๆ หรือจะเป็น Viral ชื่อดังจากนักร้องสุดปังอย่าง Ed Sheeran ที่ชื่นชอบและหลงไหลในซอสของ Heinz เป็นอย่างมากจนถึงขนาดสัก Heinz ไว้ที่แขนของตัวเอง จน Heinz ทนไม่ไหวจับ Ed Sheeran มาทำขวดซอสรุ่นลิมิเต็ดกับ Heinz ซะเลย

เมื่อ Heinz ไม่ไ่ด้เป็นแค่ซอสมะเขือเทศอีกต่อไป

ภาพของ Ed Sheeran และขวดซอสรุ่นลิมิเต็ดที่ถูกจัดทำมาเพื่อเขาโดยเฉพาะ! และดีไซน์ผ่านรอยสักบนแขนของนักร้องชื่อดังผู้นี้ ที่มาภาพ: thedrum.com

ในแง่ของการลงทุน Warren Buffett ก็ได้ลงทุนใน Heinz และมีแพ็กเกจสุดพิเศษที่นำ Warren Buffett และคู่ซี้ของเขาที่ขาดไม่ได้อย่าง Charlie Munger มาจับคู่ ซึ่งไม่ได้น้อยหน้าไปกว่า Ed Sheeran เลย!

เมื่อ Heinz ไม่ไ่ด้เป็นแค่ซอสมะเขือเทศอีกต่อไป

ภาพแสดงแพ็กเกจสุดพิเศษของคู่ซี้นักลงทุนในตำนานอย่าง Warren Buffett และ Charlie Munger! ที่มาภาพ: forbes.com

ปัจจุบันตัวบัฟเฟตต์ก็ยังลงทุนอยู่ในฐานะแบรนด์ใหม่ในชื่อของ Kraft Heinz ที่จับ Kraft บริษัท อาหาร Market share อันดับต้น ๆ ในสหรัฐ มีผลิตภัณฑ์สามัญสุดป๊อปสำหรับชาวอเมริกันอย่าง ชีส มะกะโรนีชีส ไปจนถึงขนมอย่างเจลลี่

สิ่งเหล่านี้พิสูจน์ให้เห็นว่า Heinz เป็นบริษัทซอส ที่คนให้ความสนใจอย่างเข้มข้นไม่แพ้ไปกับความเข้มข้นของตัวซอสเอง

เรามาสำรวจในแง่ของการลงทุนว่า Kraft Heinz ในตอนนี้หากเป็นแง่ของการลงทุนจะมีความน่าสนใจหรือมีข้อควรรู้อะไรบ้าง

ราคาหุ้นของ Kraft Heinz ร่วงหนักอย่างต่อเนื่องนับมาตั้งแต่ปี 2017 ร่วงโรยจากจุดสูงสุดที่ราว ๆ  92 เหรียญต่อหุ้น มาที่ 40.27* เหรียญต่อหุ้น หรือคิดเป็น 56.22% ซึ่งเป็นผลมาจากกำไรที่ติดลบแบบมหาโหด

ในส่วนของบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน Heinz มีค่าความนิยม (Goodwill) หรือสินทรัพย์ที่มีความติสท์ abstract ระดับนึงพวก ลิขสิทธิ์ มูลค่าในเชิงแบรนด์อะไรทำนองนั้น Kraft Heinz มีสัดส่วนในสินทรัพย์ดังกล่าวที่ค่อนข้างมากซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราว ๆ 33.15%** ของสินทรัพย์ทั้งหมดเลยทีเดียว

ดังนั้นการลงทุนใน Kraft Heinz อาจต้องใช้ศิลปะในการลงทุน อย่างความเข้าใจในธุรกิจและผู้บริหารเป็นหลัก เพื่อประเมินความเป็นไปได้ของกระแสเงินสดในอนาคต รวมถึงศักยภาพในการทำกำไรที่เป็นไปได้ในแต่ละไลน์ของทุกผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ ๆ ใน Kraft ที่อาจทำให้การลงทุนมีความซับซ้อนมากขึ้นจากผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย

เมื่อ Heinz ไม่ไ่ด้เป็นแค่ซอสมะเขือเทศอีกต่อไป

ภาพแสดงแบรนด์และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ หลังการจับมือร่วมกันของ Kraft และ Heinz ที่มาภาพ: potatopro.com

สัดส่วนของค่าความนิยม (Goodwill) มีการปรับลดลงมาบ้างเนื่องจากมีการปรับปรุงและพัฒนาสินค้าในส่วนของแบรนด์ Kraft และ Oscar Mayer (บริษัท เนื้อแปรรูป เจ้าของรถไส้กรอกในตำนาน!) จนทำให้ต้องมีการลดค่าความนิยมหรือความแข็งแกร่งของแบรนด์ลงไป

เมื่อ Heinz ไม่ไ่ด้เป็นแค่ซอสมะเขือเทศอีกต่อไป

ภาพแสดงแคมเปญการขอแต่งงานหน้ารถไส้กรอกของ Oscar Mayer เมื่อปีที่แล้ว แคมเปญมาร์เก็ตติ้งสุดแสนจะครีเอท ที่มาภาพ: mlive.com

จนเป็นเบื้องลึกเบื้องหลักของการร่วงโรยของกำไรในปี 2018 

ที่ทางบริษัทต้องตั้งรายจ่ายเพิ่มในของการสูญเสียค่าความนิยมและสินทรัพย์ที่จับต้องคิดเป็นราว ๆ 1.50 หมื่นล้านเหรียญ จึงเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้รายได้จากการดำเนินงานในปี 2018 ลดลงถึง (1,024.20%) หากเทียบกับช่วงไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว

ถึงอย่างนั้น Kraft Heinz นับตั้งแต่รวมตัวกันยังไม่เคยผิดสัญญากับนักลงทุนในการจ่ายปันผลโดยมีการจ่ายปันผลอย่างต่อเนื่องมานับตั้งแต่ปี 2015 ถึงแม้จะมีช่วงที่มีกำไรจากการดำเนินงานลดลงหรือติดลบไปบ้างก็ตาม แต่ก็ยังจ่ายปันผลได้จากกำไรต่อหุ้นที่ยังเป็นบวก ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่เรียกได้ว่า “ของมันต้องมี” ในหุ้นขนาดใหญ่

Kraft Heinz ยังคงมีการเติบโตของรายได้แบบทบต้น (CAGR) ในช่วง 5 ปีย้อนหลังที่ 7.38% ซึ่งถือว่าทำได้ไม่เลวสำหรับธุรกิจที่มีสเกลค่อนข้างใหญ่และสเกลในสหรัฐไปอย่างเต็มสูบ ดังนั้นสิ่งที่น่าสนใจก็คือการขยายตลาดไปในประเทศกำลังพัฒนาต่าง ๆ เพื่อขยายการเติบโตของรายได้และผลักดันราคาหุ้นให้นักลงทุนคาดหวังได้มากขึ้น

แต่ถึงอย่างนั้นการจะให้คนเอเชียมาบริโภคผลิตภัณฑ์จากชีส ก็ดูจะไม่ใช่เรื่องง่ายหากเทียบกับซอส เนื่องจากวัฒนธรรมการกินที่อาจจะค่อนข้างแตกต่างกัน (ดินแดนแลนด์เครื่องเทศ)

การสเกลไปในประเทศอย่างรัสเซีย หรือยุโรปกำลังพัฒนาอาจจะดูเป็นเรื่องที่เหมาะสมกว่า ซึ่งทางบริษัทก็ได้มีการทำธุรกิจในภูมิภาคเหล่านั้นเช่นกัน และได้เปลี่ยนการจัดหมวดหมู่รายได้ดังกล่าวในปี 2017 โดยนำกลุ่มธุรกิจในภาคตะวันออกกลางและแอฟริกา มารวมเป็น “ภาคธุรกิจยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (EMEA)” และแยกส่วนธุรกิจของเอเชียไว้เป็น “ภาคธุรกิจเอเชียแปซิฟิค” ซึ่งอาจช่วยให้การแบ่งกลุ่มตามพฤติกรรมของลูกค้า ตรงจุดตามวัฒนธรรมการกินมากขึ้น

รายได้ย้อนหลังของ Kraft Heinz

ปี 2016 2.63 หมื่นล้านเหรียญ หรือ 8.21 แสนล้านบาท

ปี 2017 2.61 หมื่นล้านเหรียญ หรือ 8.15 แสนล้านบาท

ปี 2018 2.63 หมื่นล้านเหรียญ หรือ 8.21 แสนล้านบาท

ปี 2019 2.50 หมื่นล้านเหรียญ หรือ 7.81 แสนล้านบาท

ปี 2020 2.62 หมื่นล้านเหรียญ หรือ 8.18 แสนล้านบาท

ณ ตอนนี้ Kraft Heinz กำลังอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่านแห่งยุค และกำลังอยู่ในช่วงของการพัฒนา ปรับปรุงโครงสร้าง ซึ่งเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้กำไรมีการปรับลดลงในบางช่วง และแสดงให้เห็นว่าการปรับตัวของกำไรนั้นมาจากความตั้งใจที่จะปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์ เป็นหลัก ดังนั้นความแข็งแกร่งในเชิงแบรนด์ของธุรกิจจึงอาจคงไว้เช่นเดิม

Heinz ในฐานะซอสถือได้ว่าเป็นภาคส่วนรายได้ของบริษัทที่มีความแข็งแกร่งและการเติบโต ดังนั้นสิ่งที่ต้องจับตามองต่อไปอาจจะเป็นวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร รวมไปถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ Kraft เอง 

และจากรายงานของบริษัทรายได้จากผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของ Kraft ก็ดูเหมือนจะยังไม่คงเส้นคงวานัก แต่ก็ยังมีความตั้งใจในการพัฒนาให้เห็น

การจับมือร่วมกันของ Kraft และ Heinz ดูจะเป็นเรื่องที่เหมาะสมในแง่ของชื่อที่คล้องจองพ้องเสียง แต่การจับมือครั้งนี้จะกลายเป็น “Diversification” หรือ “Diworsification” ก็คงเป็นเรื่องที่ต้องจับตาดูกันต่อไปครับ

ขอให้ทุกคนโชคดีครับ

Mr. Serotonin

ที่มาข้อมูล: reuters 

*ข้อมูลราคา ณ วันที่ 15 เมษายน 2021

**ข้อมูลสัดส่วน จากการรายงานของบริษัท เดือน ธันวาคม 2020

***ข้อมูลอัตราแลกเปลี่ยน USD เป็น THB ณ วันที่ 15 เมษายน 2021 08:21 UTC

References

https://www.forbes.com/sites/alapshah/2019/08/12/obscure-berkshire-hathaway-filing-reveals-what-warren-buffett-thinks-about-kraft-heinz/?sh=56cd89f03b82

https://www.mlive.com/news/2020/09/oscar-mayer-wienermobile-making-free-appearances-at-marriage-proposals.html

https://www.potatopro.com/ru/news/2015/heinz-and-kraft-merge-form-kraft-heinz-company

https://www.thedrum.com/news/2019/08/12/heinz-replicates-ed-sheerans-ketchup-tattoo-limited-edition-bottles