การจะเป็นนักลงทุนที่ดี และประสบความสำเร็จ สามารถ “ยืนระยะ” ได้อย่างยาวนาน อยู่รอดปลอดภัยได้ในภาวะวิกฤติ และฉกฉวยโอกาสได้ในภาวะตลาดเป็นกระทิง เขาคนนั้นต้องมีสิ่งที่เรียกว่า “การเติบโตจากข้างใน”

การเติบโตจากภายในจิตใจของนักลงทุนคนหนึ่ง ต้องอาศัยระยะเวลา “บ่มเพาะ” ความนิ่ง ความอดทนรอคอยความสำเร็จเป็น เสมือนเด็กที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสุขุมมากขึ้น มีวุฒิภาวะสูงขึ้นนั่นเอง

สิ่งที่จะบ่งบอกว่า … เราได้เติบโตขึ้นมาอีกขั้นหนึ่งแล้ว เป็นเหมือนดัชนีชี้วัดว่า เราเริ่มมีแววแห่งความสำเร็จ และมีโอกาสที่จะเป็นตัวจริงในสนามทุนแห่งนี้ จะมีอะไรบ้างไปติดตามกันดีกว่าครับ …

ประการแรก “เราเริ่มมองภาพใหญ่ มากกว่าจะสนใจภาพเล็ก”

ดัชนีชี้วัดตัวแรก ๆ ที่จะบ่งบอกว่าเราได้เติบโตขึ้นอีกขั้นก็คือ การที่เราเริ่มมองภาพเป็นองค์รวม มากกว่าการมองรายละเอียดยิบย่อยจนเกินไป

หลายครั้งการใส่ใจในรายละเอียดเป็นเรื่องดี ที่จะช่วยเพิ่มความรอบคอบให้กับการตัดสินใจลงทุนในแต่ละครั้ง แต่ทว่า … หากเราใส่รายละเอียดมากเกินไปจะทำให้เรากลัวการลงทุนจนเกินเหตุ และอาจจะพลาด “ภาพใหญ่” ที่กำลังจะเกิดขึ้น และภาพใหญ่ต่างหากที่เป็นแรงขยับขับเคลื่อนราคาหุ้นให้เติบโตตามกาลเวลาในระยะยาว ไม่ใช่ภาพเล็กอย่างที่เราเข้าใจกัน

ประการที่สอง “เราไม่เอาภาพระยะสั้น มาตัดสินใจลงทุนระยะยาว”

หากเราไปถามนักเล่นหุ้นแนวเทคนิคคอล มักจะเอาภาพระยะสั้น ๆ ไทม์เฟรมระยะสั้น ๆ มาตัดสินใจซื้อ ๆ ขาย ๆ หุ้นรายวัน รายสัปดาห์

แต่หากเราไปถามนักลงทุนระยะยาวผู้มากประสบการณ์ เขาเหล่านั้นจะไม่เอาภาพระยะสั้นมาตัดสินใจการลงทุนระยะยาว ถ้าเราเริ่มที่จะเติบโตจากภายใน เราจะมองเห็นว่าอะไรคือ “ความผันผวนระยะสั้น ๆ” และอะไรคือ “แก่นการเติบโตระยะยาว”

การนำภาพระยะยาวมาตัดสินใจลงทุนระยะยาวจึงเป็นสิ่งที่นักลงทุนระยะยาวทำ และเมื่อถึงเวลาของมัน หุ้นก็จะเติบโตสร้างผลกำไร “คำใหญ่” และคุ้มค่ากับการรอคอยเป็นอย่างยิ่ง

ประการที่สาม “อดทนรอคอยความสำเร็จได้อย่างใจเย็น”

การอดทนรอคอยความสำเร็จได้ ถือเป็นดัชนีชี้วัดสำคัญที่บ่งบอกว่าเราเริ่มเติบโตจากภายใน การอดทนรอคอยไม่ใช่การซื้อหุ้นที่ไม่ดี แล้วราคาขยับปรับลง แต่เราไปหวังลม ๆ แล้ง ๆ ว่าหุ้นปั่น หุ้นไม่ดีตัวนั้นจะขยับกลับมา และพุ่งติดจรวด

การอดทนรอคอยที่ดี คือ การซื้อหุ้นดี ๆ ในราคาที่เหมาะสม ไม่ใช่ซื้อในราคาแพงลิบลิ่ว และรอคอยความสำเร็จเป็น คือ อดทนจนกว่าจะพบกับความสำเร็จ เห็นเดือนเห็นตะวัน

ประการที่สาม “ซื้อหุ้นเป็น และขายหุ้นเป็น”

หลายคนซื้อหุ้นไม่เป็นก็จะติดดอย และถ้าขายไม่เป็นก็จะขายหมู เลวร้ายกว่านั้นก็คือ ขายขาดทุน หรือขายตอนที่ราคาขยับปรับลงจนเสียโอกาสทำกำไรก้อนงาม

เคยบ้างมั้ยครับ ที่เราซื้อหุ้นถูกตัวในราคาที่ถูกต้องแล้ว หุ้นขึ้นทะยานอย่างที่เราคิด แต่พอมันขึ้นไปจนสุดทาง เรากลับไม่ขายทำกำไร แต่พอมันเริ่มดิ่งลง กำไรเริ่มหาย หรือซ้ำร้ายกลับมา “ขาดทุน” เราจึงเริ่มคิดที่จะขายหุ้น และทันทีที่เราขายทิ้ง หุ้นเจ้ากรรมกลับขยับปรับตัวขึ้นหน้าตาเฉยเลย

หากเราพบกับประสบการณ์ดังกล่าว และแก้ไม่หายเสียที มันชี้วัดไปในตัวว่า เรายังไม่เติบโตมากพอที่จะเป็นนักลงทุนที่ยืนระยะยาว ๆ ได้ ควรรีบทบทวน และแก้ไขปรับตัวให้เร็วที่สุด

นักลงทุนที่เติบโตจากภายใน จะใจเย็น และทยอยซื้อหุ้นที่เขามั่นใจในราคาที่เหมาะสม เมื่อหุ้นขึ้นมารวดเร็ว และเกินมูลค่า ก็สามารถขายทำกำไรเป็น นอกเสียจากว่าเขาเจอหุ้นดีจริง ๆ และไม่คิดจะขายตราบเท่าที่มันยังเติบโต สร้างผลตอบแทนแบบ “ทบต้น” และสามารถทำกำไรหลายเด้ง

ประการสุดท้าย “ความโลภ และความกลัวจะน้อยลงไปโดยอัตโนมัติ”

สำหรับนักเล่นหุ้นทั่วไป เวลาเห็นหุ้นกำลังวิ่ง ก็จะเกิดความโลภ “อยากซื้อ” และต้องติดดอย ในทางกลับกัน เวลาเห็นหุ้นกำลังดิ่ง ก็จะเกิดความกลัว “อยากขาย” และทันทีที่ขาย หุ้นก็จะขยับปรับขึ้นต่อหน้าต่อตา สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้อย่างมากมายมหาศาล

หากคุณยังมีพฤติกรรมดังกล่าว มันแน่ชัดว่า เรายังไม่เติบโตจากข้างในจริง ๆ การดูกราฟราคาหุ้นเป็นเพียงปัจจัยภายนอก ตราบใดที่ใจข้างในของเรายังไม่นิ่ง เราก็จะมีอาการติดดอย คัทลอส เป็นบ่อย ๆ

ข้อสรุปก็คือ … ถ้าคุณเริ่มเติบโตจากภายใน คุณจะรู้ได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องให้ใครมาบอกว่าคุณได้เติบโตจากข้างในแล้วนะ … และหากคุณเติบโตจริง ผลตอบแทนจากการลงทุนจะเริ่มดีขึ้นเอง ซึ่งผลลัพธ์ก็คือ สิ่งที่ชี้วัดอย่างไม่ต้องสงสัยเลยล่ะครับ

โดย นายแว่นลงทุน

iran-israel-war