สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลดหย่อนภาษีผ่านกองทุน Thai ESGX และมองเห็นโอกาสจากการลงทุนในหุ้นไทย เนื่องจากดัชนี SET Index ปรับตัวลดลงมาใกล้เคียงระดับที่ต่ำสุดในรอบกว่า 5 ปี รวมทั้งอยากเปิดโอกาสสำหรับการลงทุนในหุ้นต่างประเทศด้วย
Finnomena Funds คัดเลือกกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้น โดยจะเป็นการลงทุนในหุ้นไทยไทยประมาณ 80% แต่เปิดโอกาสสำหรับการลงทุนในต่างประเทศด้วย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนที่เหลือประมาณ 20% ของพอร์ต เพื่อให้ตอบโจทย์สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลดหย่อนภาษีและเชื่อว่าการลงทุนในตลาดหุ้นไทยจะมีโอกาสเติบโตได้ แต่ยังอยากกระจายการลงทุนบางส่วนไปยังการลงทุนในหุ้นต่างประเทศด้วย
กระบวนการคัดเลือกกองทุน
เราวิเคราะห์ทั้งปัจจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative) และปริมาณ (Quantitative)
- ปัจจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative) เราพิจารณาจาก Style การบริหารที่มีความโดดเด่น มีจุดเด่นที่มีความแตกต่างจากกองทุนอื่น ๆ รวมถึงพิจารณาวิธีการจัดพอร์ต และให้ความสำคัญกับผู้จัดการกองทุนที่มีประสบการณ์และมี Track Record ที่โดดเด่น เพื่อให้สามารถมั่นใจได้ว่า กองทุนที่นักลงทุนเลือกลงทุน จะตรงกับความต้องการในการลงทุนจริง ๆ และต้องเป็นกองทุนที่มีการบริหารจัดการเป็นอย่างดี โดยผู้จัดการกองทุนที่มีความสามารถ เพื่อให้นักลงทุนสบายใจที่จะฝากการลงทุนไว้กับผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมในระยะยาว
- ปัจจัยเชิงปริมาณ (Quantitative) แม้จะเป็นเรื่องยากในการวิเคราะห์ปัจจัยเชิงปริมาณ เนื่องจากกองทุน Thai ESGX ยังไม่เคยมีผลการดำเนินงานย้อนหลังที่จะแสดงถึงความสามารถในการบริหารจัดการของผู้จัดการกองทุน แต่เราใช้วิธีการเปรียบเทียบกับกลยุทธ์ที่มีความใกล้เคียงกัน (Similar Strategy) กับกองทุนอื่น ๆ ที่ผู้จัดการกองทุนเคยมีการบริหารมาก่อน หรืออาจเทียบกับกองทุนที่มีกลยุทธ์ใกล้เคียงกัน เพื่อที่จะสามารถทำให้วัดผลการดำเนินงานโดยคร่าว ๆ ได้ว่ากองทุน Thai ESGX ที่เราเลือก จะมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีได้เหนือกว่ากองทุนอื่น ๆ ในอุตสาหกรรม (Peer Group) และเหนือกว่าดัชนีชี้วัด (Benchmark)
กลยุทธ์กองทุนหุ้นไทยผสมหุ้นต่างประเทศ 2 Style ที่ Finnomena Funds เลือก
1. MEGATX8020U และ MEGATX8020C
กองทุนที่มีการลงทุนแบบ High Conviction ซึ่งมีสไตล์การคัดเลือกหุ้นแบบ Rules based Approach พิจารณาจาก Market Cap ของบริษัทเป็นหลัก โดยสัดส่วนประมาณ 80% ที่เป็นการลงทุนในหุ้นไทย จะมีลักษณะคล้ายคลึงกับกองทุน MEGA20THAIESG ซึ่งเป็นกองที่เน้นลงทุนในหุ้นไทย สูงสุดจำนวน 20 - 25 หลักทรัพย์ ได้รับการประเมินผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืน (ESG Rating) โดยมุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวสูงกว่าดัชนีชี้วัดอย่าง SETESG TRI ได้ในระยะยาว
หมายเหตุ: ข้อมูลดังกล่าวไม่ใช่ข้อมูลปัจจุบัน ทั้งนี้บริษัทดังกล่าวสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามเกณฑ์การลงทุนและสภาวการณ์การลงทุน ณ ขณะนั้น
กองทุน MEGATX8020U ลงทุนในหุ้น ESG ไม่น้อยกว่า 80% ซึ่งจะมีลักษณะคล้ายกับกองทุน MEGA20THAIESG ส่วนที่เหลือประมาณ 20% ลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ 10 บริษัทคล้ายกับกองทุน MEGA10
หมายเหตุ : ข้อมูลดังกล่าวไม่ใช่ข้อมูลปัจจุบัน ทั้งนี้บริษัทดังกล่าวสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามเกณฑ์การลงทุนและสภาวการณ์การลงทุน ณ ขณะนั้น
ส่วนกองทุน MEGATX8020C ลงทุนในหุ้น ESG ไม่น้อยกว่า 80% ซึ่งจะมีลักษณะคล้ายกับกองทุน MEGA20THAIESG ส่วนที่เหลือประมาณ 20% ลงทุนในหุ้นจีน 10 บริษัทคล้ายกับกองทุน MEGA10CHINA
กองทุน MEGATX8020U และ MEGATX8020C จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ชอบการลงทุนในหุ้นเน้น ๆ ไม่กี่ตัว ถ้าหากเป็นนักลงทุนที่ชื่นชอบการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ และคาดว่าการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ จะสามารถเติบโตได้ในระยะยาว ก็อาจพิจารณาเลือกกองทุน MEGATX8020U ในขณะที่นักลงทุนบางคน อาจจะชื่นชอบการลงทุนในหุ้นจีน เนื่องจากมองว่าหุ้นจีนจะสามารถเติบโตแซงคู่แข่งขึ้นมาได้ ก็อาจจะพิจารณาการลงทุนในกองทุน MEGATX8020C
2. SCBTAPX
บริหารพอร์ตเชิงรุก (Active Management) ลงทุนในตราสารทุน โดยจะลงทุนในตราสารทุนไทยไม่น้อยกว่า 80% และเพื่อโอกาสการลงทุนที่มากกว่า กองทุนจะมีการกระจายการลงทุนไปยังตลาดหุ้นทั่วโลกได้ในสัดส่วนไม่เกิน 20% โดยเน้นเอาชนะดัชนีชี้วัด SET TRI 85% และ S&P Global LargeMidCap 15%
โดยจุดเด่นของกองทุนคือกระบวนการคัดเลือกหุ้นโดยผสมผสาน 2 กลยุทธ์หลักเข้าด้วยกัน
- Multi-Factors Investing ใช้การวิเคราะห์เชิงปริมาณ (Quantitative Analysis) โดยพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ที่คาดว่าจะสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ในระยะยาว ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ใช้ในกองทุน SCBLARGEA ที่ Finnomena Funds ให้เป็นกองทุน F-Pick ซึ่งกองทุนก็สร้างผลการดำเนินงานเหนือดัชนี SET50 ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดได้
- Machine Learning Models ใช้เทคนิคทาง Machine Learning ซึ่งเป็นระบบที่พัฒนาขึ้นโดย SCBAM มาประกอบการคัดเลือกหุ้นที่จะเข้าไปลงทุน โดยเทคนิคดังกล่าวถูกใช้ในกองทุนอย่าง SCBMLCAA ซึ่งเป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นจีนที่ Finnomena Funds ให้เป็นกองทุน F-Pick สำหรับการลงทุนในหุ้นจีนเช่นกัน
กองทุน SCBTAPX บริหารโดย คุณสถิตย์พงษ์ จันทรจิรวงศ์ ซึ่งเป็น Fund Manager ที่บริหารกองทุน SCBLARGE และ SCBMLCAA ที่ได้กล่าวไปข้างต้นทั้ง 2 กอง ทำให้กองทุน SCBTAPX เป็นอีกหนึ่งกองทุนที่มีกลยุทธ์น่าสนใจ
จัดทำโดยบลป. เดฟินิท สำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยงและศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวม SSF RMF Thai ESG และ Thai ESGX กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขภาษี จะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขกองทุน | ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FINNOMENAPORT | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299