Trump Shock !!! เมื่อโลกหมดศรัทธา ดอลลาร์อาจไร้ค่า กลายเป็นเศษกระดาษ

Financial Time เผยแพร่บทความบนคอลัมน์ The Big Read ในหัวข้อ Is the world losing faith in the almighty US Dollar โดยตั้งคำถามที่น่าสนใจถึงจุดจบของเงินดอลลาร์ เมื่อโลกกำลังหมดศรัทธา หลังสหรัฐอเมริกาเปิดฉากสงครามเศรษฐกิจกับทั้งโลก

Trump Shock !!! เมื่อโลกหมดศรัทธา ดอลลาร์อาจไร้ค่า กลายเป็นเศษกระดาษ

ดอลลาร์สหรัฐครองอำนาจทางการเงินมาเกือบ 100 ปี ในฐานะสกุลเงินหลักของโลก หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ว่ากันว่าความเชื่อมั่นนี้กำลังถูกท้าท้าย และพังทลายลงโดยใช้เวลาไม่ถึง 100 วัน !!!

นับตั้งแต่ Liberation Day เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2025 ที่ Donald Trump ประกาศมาตรการภาษีตอบโต้รุนแรง สิ่งที่น่ากลัวกว่าการตกใจของตลาดหุ้น คือกระแสเทขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ และการสูญเสียมูลค่าของเงินดอลลาร์ สวนทางกับสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำที่ราคาพุ่งทำสถิติสูงสุดต่อเนื่อง

Trump Shock !!! เมื่อโลกหมดศรัทธา ดอลลาร์อาจไร้ค่า กลายเป็นเศษกระดาษ

Source: LSEG, Financial Time as of 17/04/2025

ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (Dollar Index) ลดลง -2.8% ในสัปดาห์เดียว เป็นการอ่อนค่ามากที่สุดในรอบ 3 ทศวรรษ และยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง หากนับตั้งแต่ต้นปี 2025 จนถึงปัจจุบัน Dollar Index ลดลงไปแล้ว -8.2% (as of 17/04/2025)

Trump Shock !!! เมื่อโลกหมดศรัทธา ดอลลาร์อาจไร้ค่า กลายเป็นเศษกระดาษ

Source: LSEG, Financial Time as of 17/04/2025

ยิ่งเมื่อเทียบกับสกุลเงินปลอดภัยอื่น ๆ เช่น ฟรังก์สวิส ยูโร และเยนญี่ปุ่น จะเห็นว่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงแบบเห็นได้ชัด ทั้งที่ควรจะแข็งแกร่งในช่วงตลาดปั่นป่วน สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ดูเหมือนว่าดอลลาร์จะถูกกันออกจากกลุ่มสกุลเงินปลอดภัยในช่วงนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่สร้างความประหลาดใจให้กับนักวิเคราะห์และนักลงทุนจำนวนมาก

Trump Shock !!! เมื่อโลกหมดศรัทธา ดอลลาร์อาจไร้ค่า กลายเป็นเศษกระดาษ

Source: LSEG, Financial Time as of 17/04/2025

อย่างไรก็ดี หากมองให้กว้างขึ้น Dollar Index ยังคงสูงกว่าจุดต่ำสุดในปี 2022 ถึง 12% และสูงกว่าจุดต่ำสุดในปี 2008 เกือบ 40% 

บทบาทของดอลลาร์ ความสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก

เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีสัดส่วนราว 1 ใน 4 ของเศรษฐกิจโลก แต่เกินกว่า 57% ของทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศทั่วโลกยังคงเป็นสกุลเงินดอลลาร์ นอกจากนี้ ยังมีแหล่งเงินในรูปแบบอื่นอีกมากมายที่ใช้เงินดอลลาร์เป็นทุนสำรอง ซึ่ง IMF ไม่ได้นับรวม ปัจจุบันดอลลาร์จึงยังคงเป็นสินทรัพย์สำรองที่แท้จริงอย่างไม่ต้องสงสัย

ดอลลาร์ยังมีบทบาทสำคัญในด้านการค้า 54% ของใบแจ้งหนี้การส่งออกทั่วโลกกำหนดให้ใช้เป็นดอลลาร์

ข้อมูลจาก Atlantic Council ระบุว่า 60% ของเงินกู้และเงินฝากระหว่างประเทศทั้งหมดใช้ดอลลาร์ 

70% ของการออกพันธบัตรระหว่างประเทศใช้ดอลลาร์

88% ของตลาดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศเกี่ยวข้องกับดอลลาร์

แสดงให้เห็นว่าเงินดอลลาร์หมุนเวียนเป็นเส้นเลือกหลักของระบบการเงินโลก

แม้แต่ธนบัตรของสหรัฐเองก็ถูกถือครองอย่างแพร่หลายไปทั่วโลก เพราะการถูกยอมรับอย่างกว้างขวาง รู้ไหมว่าครึ่งนึงของธนบัตรสหรัฐ มูลค่ากว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ที่หมุนเวียนอยู่ในระบบ ถูกถือครองโดยชาวต่างชาติ

ความต้องการดอลลาร์ที่มหาศาลนี้ แปลเป็น “เบี้ยประกัน” ฝังแน่นให้กับสินทรัพย์ของสหรัฐฯ พูดง่าย ๆ ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ สามารถกู้ยืมเงินได้ในอัตราที่ถูกกว่าที่ควรจะเป็น 

ถึงขนาดที่อดีตประธานาธิบดีฝรั่งเศส Valéry Giscard d’Estaing เคยเรียกร้องว่านี่เป็น “อภิสิทธิ์ที่เกินขอบเขตของอเมริกา” ทำให้สหรัฐฯ มีอำนาจในการทำลายระบบการเงินของประเทศอื่นได้ผ่านมาตรการคว่ำบาตร

จาก Nixon Shock สู่ Trump Shock

Nixon Shock

Nixon Shock คือ การปิดฉากยุคหนึ่งของระบบการเงินและเปิดประตูสู่ยุคใหม่ โดยประธานาธิบดี Richard Nixon ประกาศนโยบายเศรษฐกิจใหม่ต่อครอบครัวชาวอเมริกันที่นั่งดูทีวีในค่ำคืนวันอาทิตย์ โดยมีมาตรการสำคัญอย่างการเก็บภาษีนำเข้า 10% และประกาศยกเลิกการผูกค่าเงินดอลลาร์ไว้กับทองคำ ในวันที่ 15 สิงหาคม 1971

เหตุการณ์คืนนั้นถือเป็นจุดสิ้นสุดยุค Gold Standard หรือระบบการเงินแบบ Bretton Woods ที่ใช้มายาวนานตั้งแต่ปี 1944 ทำให้ดอลลาร์สหรัฐที่หนุนด้วยทองคำ และเป็นดั่งดวงอาทิตย์ที่สกุลเงินอื่นโคจรรอบ ได้จบสิ้นลงแล้ว

การสิ้นสุดของระบบนี้ นำไปสู่ยุคใหม่ของการแลกเปลี่ยนเงินตราที่ลอยตัวเสรี เกิดการไหลเวียนของเงินทุนทั่วโลกโดยไม่ผูกพันกับทองคำ และถูกควบคุมจากรัฐบาลกลางน้อยลง 

เปิดทางให้ดอลลาร์กลายเป็นสกุลเงินที่ไม่ต้องหนุนด้วยทองคำ (Fiat Currency) ทว่ากลับไม่ได้ไร้ค่าอย่างที่หลายคนคิด แต่ยังคงรักษาการเป็นสกุลเงินสำรองหลักของโลกต่อไป เนื่องจากความเชื่อมั่นในรัฐบาลและเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แทบจะครองโลก

50 ปีต่อมา… โลกเจอกับสิ่งใกล้เคียงกันที่เรียกว่า Trump Shock จากการประกาศเก็บภาษี Reciprocal Tariffs อันก้าวร้าวทั้งในแง่ของผลกระทบและวิธีคิดที่ดูง่ายจนน่าตกใจ

สิ่งน่ากังวลตอน Nixon Shock วนมากวนใจเงินดอลลาร์อีกครั้งในยุค Trump Shock ท่ามกลางบรรยากาศในหมู่นักลงทุนอันตึงเครียด ดอลลาร์ซึ่งปกติจะแข็งค่าขึ้นในช่วงวิกฤต กลับสูญเสียมูลค่าลงอย่างหนัก

ถ้าดอลลาร์ไร้ค่า แล้วอะไรจะแทนได้?

เกิดคำถามมากมายว่าตลาดกำลังประเมินใหม่ถึงความน่าดึงดูดเชิงโครงสร้างของดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินสำรองโลก และหลายประเทศอาจกำลังเข้าสู่กระบวนการลดการพึ่งพาดอลลาร์อย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงกล่าวว่า สถานะสกุลเงินสำรองของดอลลาร์ไม่น่าจะสิ้นสุดลงในเร็ววัน เพราะยังไม่มีตัวแทนที่เหมาะสม 

ไม่ว่าจะเป็น ‘ยูโร’ ซึ่งเป็นเงินตราที่ใช้โดย 20 ประเทศที่แตกต่างกัน ‘หยวน’ ถูกรัฐบาลจีนควบคุมอย่างเข้มงวดเกินไป หรือแม้แต่ ‘ฟรังก์สวิส’ และ ‘เยนญี่ปุ่น’ ก็ยังมีขนาดที่เล็กเกินไป

เปรียบเปรยที่ได้ว่า “ดอลลาร์ไม่ใช่เสื้อตัวที่สวยที่สุดในตู้ แต่เป็นตัวเดียวที่ดูจะใส่ได้พอดีในตอนนี้”

ยิ่งไปกว่านั้น บทบาทนำของดอลลาร์ฝังแน่นอยู่ในโครงสร้างเศรษฐกิจโลกอย่างลึกซึ้ง ด้วยปัจจัยอิสระที่เชื่อมโยงกันอย่างซับซ้อน จนแม้แต่รัฐบาล Trump ก็น่าจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานะเดิมได้อย่างแท้จริง

แต่ที่น่ากังวลมากกว่านั้นอาจเป็นสิ่งที่ Trump กำลังจะทำต่อไป ซึ่งยากจะคาดเดาได้ เช่น การแทรกแซงธนาคารกลาง ควบคุมเงินทุน ถอนตัวจาก IMF รวมไปถึงการขู่ผิดนัดชำระหนี้บางส่วน สิ่งเหล่านี้ที่ไม่เคยอยู่ในพจนานุกรม อาจจะเกิดขึ้นก็ได้ในยุคของ Trump 2.0


Source: Financial Time

ThaiESGX