234 กับกฎสังคมล้มเหลว

“เกิดมาก็ครั้งนี้แหละที่ได้เจอความบ้าคลั่งของผู้คน”

ผมบ่นกับภรรยาของผมระหว่างที่ไปรอจองคอนโด โครงการหนึ่งในเช้าวันนี้ (16 พ.ย. 62)

จังหวะที่ผมไปถึงนั้นมีผู้คนมารอแออัดกันที่ลานหน้าอาคารกันเป็นจำนวนมาก จากสายตาคร่าวๆ มากกว่า 400 คนแน่นอน

ลองนึกภาพคนจำนวนมากมายืนเกาะราวกั้นเหล็ก ซึ่งวางขวางยาวราวๆ 40 เมตร อารมณ์เหมือนจะมาแย่งเจอศิลปินดารา (ประมาณมารอ ลิซ่า แบล็คพิงค์)

ทุกคนมาเพื่อเป้าหมายเดียว คือ เอาบัตรคิวไปซื้อคอนโด

ย้ำอีกครั้งว่ามาแย่งกันซื้อ คอนโด!

ท่ามกลางเศรษฐกิจชะลอตัว ยังมีฝูงชนมาแย่งกันซื้อคอนโด ใครว่าคนไทยจน สงสัยจะคิดสั้นไป

คอนโดที่ว่า มีจุดขายตรงที่เป็นของ developer ที่เรียกได้ว่า ดีและน่าเชื่อถือที่สุด ทำเลดีมาก อยู่ติดกับห้างที่กำลังก่อสร้าง บนถนนริมน้ำพระราม 3 ที่สำคัญคือ เหล่าผู้คนที่มาวันนี้คือคนที่จ่ายเงินจองสิทธิ์ 3 หมื่นบาท เพื่อได้ราคาพิเศษ เฉลี่ยตารางเมตรแค่ 9 หมื่นถึง 1 แสนบาท เท่านั้น

นอกจากนั้น ผู้ที่ได้จ่ายเงินจองสิทธิ์ มีเงื่อนไขสำคัญคือ ต้องผ่อนดาวน์ในอัตราสูง ห้องเดี่ยวขนาด 35 ต.ร.ม. เดือนละ 7.5 พันบาท และจ่าย 1 แสนบาททุกๆ ครึ่งปี ส่วนห้อง 2 เตียง 53 ต.ร.ม. จ่าย 1.5 หมื่นต่อเดือน และจ่าย 2 แสนบาททุกๆ ครึ่งปี สรุปการดาวน์คิดเป็นยอดกว่า 25-30% ของมูลค่าทั้งหมด

แต่ คนก็ยังมาเหมือนเค้าจะแจกของฟรี!!

การที่มีคนมาแย่งกันซื้อทั้งๆ ยอดดาวน์ที่สูงมากแบบนี้ บ่งบอกว่าตลาดยังมีกำลังซื้อซ่อนอยู่ ขอเพียงเป็นคอนโดทำเลดี ราคาไม่แพง ยังไงๆ คนไทย คนจีน ก็เอา

การต้องดาวน์สูง และมีเงื่อนไขกว่าจะโอนสิทธ์ให้บุคคลอื่นที่ไม่ได้เป็นผู้ทำสัญญาแรกได้ก็ต่อเมื่อต้องดาวน์ไปจนถึงวันโอน วิธีการนี้สามารถตัดกลุ่มที่ต้องการเก็งกำไรออกไปได้บางส่วน (พวกนี้ติดผ่อนอยู่หลายโครงการแล้ว)

นั่นหมายถึงคนที่มาวันนี้ คือ คนที่ต้องการคอนโดนี้จริงๆ

ข้อนี้ผมเห็นได้ชัด ผมเจอคนรู้จัก คนที่วิ่งกันในสวนสาธารณะ คนที่อยู่หมู่บ้านเดียวกัน คนที่ทำงานสายงานเดียวกัน ในมหกรรมแห่กันซื้อคอนโดนี้ และก็เป็นอย่างที่กลัว ทุกคนเล็งห้อง 2 เตียงนอน วิวแม่น้ำ ซึ่งมีราคาแพงที่สุด

ผมก็ได้แต่ถอนใจ…

ท่ามกลางกลุ่มคนที่ออรวมกันอยู่ ผมนั่งรอกับภรรยาอยู่ด้านนอก และบางเวลาผมก็ได้เจอคนที่จำผมได้ มาทักทายกันเรื่อยๆ

ผมไม่ได้ไปออ ไม่ได้รุม ไม่ใช่เพราะผมไม่อยากได้ แต่เพราะผมจ้างคนมารอต่อคิวตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมาแล้ว และเค้าก็อยู่ในตำแหน่งที่ผมคิดว่าผมไม่น่าหลุด 20 คนแรก

และแน่นอนว่าไม่ใช่ผมคนเดียวที่จ้างคนมาจองคิวให้ หลายคนก็ใช้วิธีนี้ พี่ที่ผมรู้จักถึงขนาดจ้างคนมาเฝ้า 6 วันก่อนล่วงหน้า ด้วยค่าจ้าง 2 พันบาทต่อวัน

ในงานแห่ซื้อคอนโดนี้ ผมได้เห็นกลุ่มคน ที่มาแย่งต่อเอาบัตรคิว ไม่ว่าจะเป็นมารับจองคิว มาแย่งเอาบัตรคิวเพื่อไปขายต่อ หรือ มาเร่รับจ้าง หลอกคนที่มาใหม่ว่า ถ้าจ้างเค้า เค้าจะแย่งเอาบัตรคิวลำดับต้นๆ มาให้ได้ เพราะเค้ามีเตรียมคนไว้หน้าแถวแล้ว

กลุ่มคนเหล่านั้น ดูด้วยตาเปล่าก็แยกชัดเจนว่าเป็นประเภทอะไร ทั้งรูปร่าง บุคลิก เสียง

ผมเห็นพฤติกรรมคนเหล่านั้น ขอสรุปสั้นๆ เลยว่า ถ่อย มาก ทั้งการเร่งเร้าเจ้าหน้าที่ การพยายามจัดแถวของตัวเองเพื่อกดดันเจ้าหน้าที่

สิ่งที่น่าสังเกตก็คือ ในช่วงที่เกิดความวุ่นวาย กลุ่มคนเหล่านี้ จะตั้งตัวเป็นผู้นำ ตะโกนเรียกผู้คนให้มาต่อแถวกับเค้า ใช้ความเป็นกลุ่มก้อนคนสร้างกระแสกดดัน ทำให้คนอื่นๆ ไขว้เขว และต้องยินยอมมาต่อแถว (ยิ่งต่อแถวก็ยิ่งเสริมอำนาจ)

ผมยืนมองอยู่รอบนอก เพื่อดูพฤติกรรม เหล่าผู้คนที่ต้องยินยอมมาต่อแถว มาทำตามคำสั่ง ทั้งๆ ที่คนเหล่านั้นการศึกษาดีกว่า รายได้ดีกว่า กลับต้องมายอมทำตามคำสั่ง ของกลุ่มคนที่แบบ … ตั้งตัวขึ้นมา เพื่อจะเอาผลประโยชน์เข้าตัวเอง

ส่วนการจัดการ จัดระเบียบของเจ้าหน้าที่โครงการ ผมคิดว่าทำได้ดีระดับหนึ่ง มี แผน 1 2 3 แต่ขอติงนิดนึงว่า ประเมินความไร้ระเบียบของฝูงชนต่ำไป

ช่วงที่เจ้าหน้าที่พยายาม เปิดช่องทางเข้า เพื่อให้เดินไปตามทางตามแนวที่กั้นนั้น ควรต้องเริ่มจัดระเบียบมาตั้งแต่แรก ไม่ใช่ปล่อยให้ทุกคนมาออรอกันที่ทางเข้า วิธีการที่ดีคือควรมารอจัดแถว 1 วันล่วงหน้า และตรวจสอบคนที่จะมาต่อแถว ต้องมีเอกสารการจองสิทธิ์เท่านั้นถึงจะอยู่ในแถวได้

จังหวะที่เจ้าหน้าที่ เริ่มปล่อยให้คนเดินเข้าไปในทางเดินที่กั้นด้วยเส้นกั้นนั้น ความล้มเหลวของกฎสังคม ก็เกิดขึ้น เมื่อทุกคนเฮโลกันเข้าไป แต่ละคนไม่ได้วิ่งไปตามแนวช่อง (เหมือนเดินเข้าช่องซื้อตั๋วหนัง หรือแนวทางเดินก่อนไปถึงจุดตรวจของในสนามบิน) ทุกคนเฮโล วิ่งมุด ลอด เพื่อให้ได้ไปให้เร็วที่สุด สุดท้ายก็ไปออรวมกันที่หน้าประตูอาคาร เละเทะ สิ้นดี

ส่วนผม ยืนดูอยู่รอบนอก ด้วยความคิด ที่ตัดสินใจไปแล้วว่า ผมไม่เอาละคอนโดนี้ เพราะผมไม่คิดว่า อะไรก็ตามที่คนมาแห่แย่งกันซื้อแบบนี้ มันจะเป็นเรื่องที่ดี เป็นของที่ใช่

ผมมักจะเชื่อเสมอว่า ของที่ดีจริง คนส่วนใหญ่ต้องมองไม่เห็น หรือ มักจะมองเห็นช้า

การตั้งตนเป็นผู้นำของกลุ่มคนเถื่อน ความไร้ระเบียบ ความต้องการแย่งของ มันทำให้ผมนึกถึงภาพยนต์หลายๆ เรื่อง ที่มีเนื้อหาระบบสังคมล่มสลาย ทั้งจากการเกิด กลียุค วินาศภัย สงคราม และ เกิด ซอมบี้ อย่างในภาพยนต์ญี่ปุ่น เรื่อง I am a hero

ในเรื่อง I am a hero เมื่อเกิดซอมบี้ครองเมือง กลุ่มมนุษย์ที่เหลืออยู่ก็มารวมกัน กฎสังคมก็เกิดขึ้น เพียงแต่ สังคมที่เปราะบาง ผู้ที่เลวที่สุด กร่างที่สุด ก็จะจัดตั้งตัวเองเป็นผู้นำ ส่วนพวกนิสัยดีๆ การศึกษาดีๆ ก็ไม่มีใครกล้าหือ ก็ต้องจำยอมไป

ย้อนกลับมาที่การแย่งจองคิว เมื่อเกิดความวุ่นวาย เจ้าหน้าที่โครงการตัดสินใจใช้แผน 2 คือ ใช้วิธีจับสลาก ซึ่งผมเห็นด้วยกับวิธีการนี้มาก และ ในความเป็นจริง ควรประกาศตั้งแต่แรกแล้วว่าจะใช้การจับสลากในเวลาอะไรก็ว่ากันไป

วิธีการจับสลากกลายเป็นการดัดหลัง พวกนักแย่งจองคิวที่ไม่ได้ต้องการซื้อจริงออกไป หลายคนเลิกกร่าง และเดินจากไป เหลือเพียงแต่ผู้ที่ต้องการซื้อคอนโด

ผมเองก็รอให้เจ้าหน้าที่จับสลากเรียกชื่อ กำหนดลำดับคิว

รอ รอ รอ และก็ รอ ผ่านไปชื่อแล้วชื่อเล่า…

ในที่สุดก็ได้คิว 234 จากจำนวนคิวทั้งหมด 300 คิว

ผมได้แต่ยิ้ม เดินไปขอเงินจองสิทธิ์คืน ก่อนจะเดินทางกลับ…

ของที่ไม่ใช่ของเรา ยังไงก็ไม่ใช่ของเรา ไม่มีอะไรให้เสียใจ…

ประกิต สิริวัฒนเกตุ