สถานการณ์ปัจจุบัน ตลาดหุ้นไทยได้การไหลกลับของเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศ ตั้งแต้ต้นปี 2562-5 ก.ค.62 ไหลเข้ามาแล้ว 5 หมื่นล้านบาท ผมเคยเขียนไปหลายครั้งในช่วง พ.ค.62 แล้วว่า มันมีความคล้ายกับปี 2559 ทั้งการแอบเปิด Long ใน SET50 Futures และการเริ่มไล่ซื้อหุ้นจริง ซึ่งในปี 2559 ต่างชาติขนเงินมาซื้อในตลาดไทย ก.พ.-ก.ย.59 กว่า 1 แสนล้านบาทดันให้ดัชนีบวกได้กว่า 19%
ผมมั่นใจว่าในปี 2562 ต่างชาติจะซื้อและดัน SET Index ไม่น้อยไปกว่าปี 2559-2561 เหตุเพราะ ปัจจุบันต่างชาติมีสถานะการถือครองหุ้นไทย %Foreign Ownership แค่ 30-31% ถือว่าเป็นระดับที่น้อยมากที่สุดในรอบเกือบ 10 ปี ซึ่งคีย์หลักที่ทำให้ตอนนี้เงินต่างชาติเข้ามายังไทยมากที่สุดในภูมิภาคคือ
จุดสำคัญคือการขายหนักใน 5 ปีที่ผ่านมากว่า 4.87 แสนล้านบาท การซื้อกลับจึงสามารถคาดหวังว่าจะมีปริมาณที่สูงในระดับหนึ่ง ซึ่งผมเชื่อว่าปีนี้ Fund Flow จะไหลเข้าตลาดหุ้นไทยไม่น้อยไปกว่า 1.5 แสนล้านบาท
เม็ดเงินของต่างชาติที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง นอกจากจะช่วยดันตลาดหุ้นไทยแล้ว สภาพคล่องที่มากขึ้น จะทำให้นักลงทุนในประเทศมีความเชื่อมั่น และกล้ามากขึ้น ยุคของหุ้นขนาดกลางและเล็กจะกลับมาอีกครั้ง หุ้นที่มี Story ที่ดี รายได้โต กำไรพบจุดต่ำสุด จะได้รับความนิยม
ตั้งแต่ต้นปีวงเงิน Block Trade เริ่มขยับจาก 1.8 หมื่นล้านบาท มาล่าสุดตอนนี้คือ 3.7 หมื่นล้านบาท (เพิ่มมากว่า 2 หมื่นล้านบาท) และแทบไม่ต้องเดาว่าไปกระจุกอยู่ที่หุ้นกลุ่มไหน
ผมเชื่อว่าวงเงิน Block Trade จะทะยานขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุผลดังนี้…
ตอบโดยไม่ต้องคิด ก็ขยายวงเงิน ขยายเพดาน ออกไปสิครับ น้ำขึ้นก็ต้องรีบตัก ดังนั้นไม่ต้องห่วงเลยว่าเมื่อรวมกำลังวงเงิน Block trade จากทุกโบรก ยังไงๆก็เกินวงเงินที่เคยทำจุดสูงสุดไว้เดิมที่ 5.2 หมื่นล้านบาท เชื่อขนมกินได้เลยว่า วงเงินมันจะทะยานไปจนถึง 6 หมื่นล้านบาทอย่างแน่นอน
วงเงิน Block Trade ที่กำลังทะยานขึ้นไม่หยุด ลองนึกภาพนะครับว่าจะดัน SET Index ไปได้ไกลแค่ไหน เมื่อเราไปดูที่มูลค่าการซื้อขายของ SET Index ในปัจจุบัน เพิ่มขึ้นมาเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 5.9 หมื่นล้านบาทต่อวัน (เพิ่มจากต้นปีที่ 4.7 หมื่นล้านบาท) ที่น่าสนใจคือ สัดส่วนของ บัญชีซื้อขายเพื่อบริษัทขยับจาก 11% ต้นปีมาเป็น 15% นักลงทุนรายย่อยมีสัดส่วนเพิ่มเป็น 40% จาก 36% ต่างชาติคงที่ 35% มีแต่สถาบันในประเทศที่มีสัดส่วนลดลงจาก 18% เมื่อต้นปีเหลือเพียง 10%
จะเห็นได้ว่านักลงทุนรายย่อยในประเทศ ออกอาการคึกคักกันแล้ว มูลค่าการซื้อขายรวมก็เพิ่ม สัดส่วนของรายย่อยก็เพิ่ม และยังไปเพิ่มในส่วนของ Block Trade ผ่านการซื้อขายของบัญชีเพื่อบริษัทหลักทรัพย์อีก
เอาตรงๆตอนนี้มันกำลังเพิ่งเริ่มเท่านั้น ด้วยเม็ดเงินจากต่างชาติ ความคึกคักของเงินรายย่อยในประเทศ และพลานุภาพของวงเงิน Block Trade ที่จะทะยานเกิน 6 หมื่นล้านบาท SET Index ไป 1,850 จุด ไม่ยากเลยจริงๆ
1,840 – 1,850 จุด มันเป็นเป้าหมายของ Consensus ที่หาได้จาก Bloomberg เมื่อมีเป้าอยู่ที่ตรงนี้ แรงเชียร์ของโบรกเกอร์ การปรับสมมติฐาน การปรับมูลค่าพื้นฐาน จะตามมาอย่างแน่นอน
ผมเชื่อว่าตลาดกำลังจะเข้าสู่สภาวะ ขึ้นแบบ “ไร้เหตุผล และไม่ต้องการความเข้าใจใดๆทั้งสิ้น”
รูป : มูลค่า Block Trade เปรียบเทียบกับ SET Index
สิ่งที่ต้องระวัง ไม่ใช่เรื่องดัชนีเป้าหมาย ไม่ใช่เรื่องการเต็มมูลค่าพื้นฐาน หรือ ไม่ใช่เรื่องการติดแนวต้านใดๆ แต่ที่ควรต้องเฝ้าระวังกันให้หนักๆคือ “สัญญาณอิ่มตัวของความโลภ” ซึ่งหนึ่งในจุดที่สามารถใช้เป็นตัวชี้ได้คือ วงเงิน Block Trade หากวันใดมันทะยานทำ New High เกิน 5.2 หมื่นล้านบาท และไปถึง 6 หมื่นล้านบาท (ดูจากรูปภาพประกอบ) ผมเชื่อว่านั่นจะเป็นสัญญาณบอกถึงจุดจบของตลาดที่กำลังรออยู่
โปรดระมัดระวังการลงทุน ด้วยความปราถนาดีจาก
ประกิต สิริวัฒนเกตุ
แนะนำบทความ
อ่าน “Block Trade เทวา หรือ ซาตาน : ภาค สู่จุดจบตลาดหุ้น ตอนที่ 1” ได้ที่นี่
https://www.finnomena.com/prakit_siriwattanaket/block-trade-god-or-satan/
หมายเหตุ : ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | การลงทุนในผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนที่มีความเสี่ยงสูงหรือมีความซับซ้อนซึ่งมีปัจจัยอ้างอิง มีความแตกต่างจากการลงทุนในปัจจัยอ้างอิงโดยตรง ซึ่งอาจทำให้ราคาของผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนดังกล่าวมีความผันผวนแตกต่างจากราคาของปัจจัยอ้างอิงได้ | ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจเงื่อนไขการจ่ายผลตอบแทนและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องก่อนทำการลงทุน