Tactical Call 31 มี.ค. 66

กองทุนเด่นที่มีโอกาสทำผลตอบแทนได้ดีในระยะสั้น โดยเน้นการใช้ปัจจัยทางเทคนิคจับจังหวะตลาด

Tactical Call คืออะไร และทำไมต้องเชื่อเรา ?

Tactical Call เหมาะกับใคร ?

  • นักลงทุนที่มีเงินสด หรือสภาพคล่องส่วนเกิน
  • สามารถรับความผันผวนได้สูง
  • สามารถยอมรับการตัดขาดทุนได้ทันที

ถือ

FINNOMENA Tactical Call: Dollar Index อ่อนค่าหนุน EM ทะยาน

  • TMBEMEQ

    Emerging Market Equity (Passive)

    Feeder Fund

  • K-SEMQ

    Emerging Market Equity

    Feeder Fund

เปรียบเทียบกองทุน

MSCI Emerging Market ปรับตัวขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน (MA50) ได้อย่างแข็งแกร่ง พร้อมด้วย RSI ที่ระดับ 62 จุด และการปรับตัวขึ้นของ MACD เหนือระดับ 0 สะท้อน Momentum ที่แข็งแกร่ง จึงมีคำแนะนำดังนี้


1. iShares MSCI Emerging Markets ETF แนะนำเข้าลงทุนที่ระดับราคาไม่เกิน 39.20 ดอลลาร์ (+1.03%) จากระดับราคาปิดตลาดวันที่ 15/11/2022 ซึ่งเป็นระดับราคาที่เราแนะนำให้พิจารณาชะลอการเข้าซื้อ (หยุดซื้อ) ภายใต้คำแนะนำ Tactical Call เนื่องจากทำให้ Risk/Reward ratio เข้าใกล้ระดับ 1:1


และหากหลังจาก FINNOMENA Investment Team แนะนำ Tactical Call แล้ว iShares MSCI Emerging Markets ETF ปรับตัวลงต่ำกว่า 39.20 ดอลลาร์ และปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 39.20 ดอลลาร์อีกครั้ง FINNOMENA Investment Team ยังคงแนะนำให้ชะลอการเข้าซื้อ (หยุดซื้อ) ภายใต้คำแนะนำ Tactical Call เนื่องจากปัจจัยทางเทคนิคอาจเปลี่ยนแปลงไปจากช่วงที่ให้คำแนะนำครั้งแรก


2. แนะนำ Take Profit เมื่อถึงระดับ 43.10 ดอลลาร์ ซึ่งตรงกับแนว Fibonacci Retracement 38.2 และตรงกับจุดสูงสุดของ Bear Market Rally ในช่วงเดือนมิถุนายน 2022 (Upside 9.95%) จากระดับราคาปิดตลาดวันที่ 15/11/2022 

 

3. และแนะนำ Limit Loss หรือตัดขาดทุนทันที เมื่อดัชนีปิดตลาดต่ำกว่า 35.10 ดอลลาร์ (Downside -9.5%) ซึ่งตรงกับเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 วัน (MA20) ที่เป็น MA สำคัญในฐานะของสัญญาณ Momentum ระยะสั้น เพื่อรักษาเงินต้นและวินัยการเก็งกำไร



นักลงทุนที่เหมาะกับ Tactical Call ระยะสั้นนี้ควร…

1. เป็นนักลงทุนที่มีเงินสด หรือสภาพคล่องส่วนเกิน และรับความผันผวนได้สูง

2. ใช้เงินลงทุนในสัดส่วนไม่เกิน 10% ของภาพรวมพอร์ตการลงทุนทั้งหมด

3. นักลงทุนต้องยอมรับการ Limit Loss หรือ การตัดขาดทุนได้ทันที

อ่านมุมมองจาก FINNOMENA Investment Team

ถือ

ซื้อ CSI 300 รับข่าวดีจีนเปิดเมือง หลัง False Break หลุดแนวรับและกลับมาผ่าน Shoulder ได้อีกครั้ง

  • SCBCHAA

    กองทุนหุ้นจีน A Shares

    Feeder Fund

  • KT-Ashares-A

    กองทุนหุ้นจีน A Shares แบบ Active

    Feeder Fund

เปรียบเทียบกองทุน

การยกเลิกการกักตัวนักท่องเที่ยวต่างชาติของคณะกรรมาธิการสุขภาพแห่งชาติจีนในช่วงวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา พร้อมกับเตรียมอนุญาตให้ประชาชนในจีนสามารถเดินทางออกนอกประเทศได้อย่างเป็นระบบในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งจะทำให้การเดินทางเข้า-ออกประเทศผ่านเส้นทางทางทะลและทางบกกลับมาเป็นเหมือนปกติอย่างค่อยเป็นค่อยไปในลำดับต่อไป


หนุนให้ดัชนี CSI300 ซึ่งเป็นตัวแทนของตลาดหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ปรับตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่องสู่ระดับ 3,980.89 จุดในวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา ยืนเหนือ Shoulder Line ซึ่งเป็นรูปแบบการกลับตัวของดัชนีได้อีกครั้ง พร้อมด้วยการปรับตัวขึ้นเหนือ เส้นค่าเฉลี่ย 20 วัน (MA 20) และ 100 วัน (MA 100) พร้อมด้วยการตัดขึ้นของ Signal line ใน MACD เหนือระดับ 0 สะท้อน Momentum ที่ดีในระยะสั้น และยืนยันแนวโน้มการปรับตัวขึ้น FINNOMENA Investment Team จึงแนะนำลงทุนภายใต้คำแนะนำ Tactical Call ในกองทุน SCBCHAA และ KT-Ashares-A 


  1. แนะนำเข้าลงทุนที่ไม่เกินระดับ 4,125 จุด (+3.62% จากระดับราคาปิดตลาดวันที่ 06/01/2023) ซึ่งเป็นระดับราคาที่เราแนะนำให้พิจารณาชะลอการเข้าซื้อ (หยุดซื้อ) ภายใต้คำแนะนำ Tactical Call เนื่องจากทำให้ Risk/Reward ratio เข้าใกล้ระดับ 1:1 และหากหลังจาก FINNOMENA Investment Team แนะนำ Tactical Call แล้ว ดัชนี CSI 300 ปรับตัวลงต่ำกว่า 4,125 จุด และปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 4,125 จุดอีกครั้ง FINNOMENA Investment Team ยังคงแนะนำให้ชะลอการเข้าซื้อ (หยุดซื้อ) ภายใต้คำแนะนำ Tactical Call เนื่องจากปัจจัยทางเทคนิคอาจเปลี่ยนแปลงไปจากช่วงที่ให้คำแนะนำครั้งแรก
  2. แนะนำ Take Profit เมื่อดัชนีปรับตัวขึ้นถึง 4,430 จุด (Upside 11.28%) ซึ่งเท่ากับระดับ Fibonacci 38.2% ของแนวโน้มขาลงปัจจุบั
  3. แนะนำ Limit Loss หรือตัดขาดทุนทันที เมื่อดัชนีปิดตลาดต่ำกว่า 3,830 จุด (Downside 3.79%) ซึ่งเป็นระดับที่เป็น Shoulder ของรูปแบบในรอบนี้ และใกล้เคียงกับเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน (MA 50) ซึ่งเป็นเส้นค่าเฉลี่ยที่สะท้อนถึงแนวโน้มระยะกลาง


นักลงทุนที่เหมาะกับ Tactical Call ระยะสั้นนี้ควร…

  1. เป็นนักลงทุนที่มีเงินสด หรือสภาพคล่องส่วนเกิน และรับความผันผวนได้สูง
  2. ใช้เงินลงทุนในสัดส่วนไม่เกิน 10% ของภาพรวมพอร์ตการลงทุนทั้งหมด
  3. นักลงทุนต้องยอมรับการ Limit Loss หรือ การตัดขาดทุนได้ทันที

อ่านมุมมองจาก FINNOMENA Investment Team

ถือ

ดัชนี VN30 ส่งสัญญาณกลับตัวในระยะสั้น

ปัจจัยเสี่ยงที่ทยอยคลายตัว ทั้งกรณีความกังวลสภาพคล่อง, ปัญหาหนี้บริษัทอสังหาริมทรัพย์ และการกลับเข้าเป็นสมาชิกของ WFE (World Federation of Exchanges) ของตลาดหุ้นเวียดนาม หนุนให้ดัชนี VN30 ซึ่งทดสอบจุดต่ำสุดที่ระดับ 905 จุด ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีโอกาสที่จะเป็นจุด Bottom ในระยะสั้น จากสัญญาณDivergence ของ RSI ในช่วงกลางเดือน ณ ช่วงเวลาที่ดัชนีทำจุดต่ำสุดที่ 905 จุด เมื่อประกอบกับการปรับตัวขึ้นผ่านเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 วัน (MA 20 Days) สู่ระดับ 983 จุด พร้อมด้วยการตัดขึ้นของ MACD เหนือ Signal Line สะท้อน Momentum ที่ดีในระยะสั้น


1. ดัชนี VN30 แนะนำเข้าลงทุนที่ระดับราคาไม่เกิน 1,065 จุด (+6.03% จากระดับราคาปิดตลาดวันที่ 28/11/2022) ซึ่งเป็นระดับราคาที่เราแนะนำให้พิจารณาชะลอการเข้าซื้อ (หยุดซื้อ) ภายใต้คำแนะนำ Tactical Call เนื่องจากทำให้ Risk/Reward ratio เข้าใกล้ระดับ 1:1


และหากหลังจาก FINNOMENA Investment Team แนะนำ Tactical Call แล้ว ดัชนี VN30 ปรับตัวลงต่ำกว่า 1,065 จุด และปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 1,065 จุดอีกครั้ง FINNOMENA Investment Team ยังคงแนะนำให้ชะลอการเข้าซื้อ (หยุดซื้อ) ภายใต้คำแนะนำ Tactical Call เนื่องจากปัจจัยทางเทคนิคอาจเปลี่ยนแปลงไปจากช่วงที่ให้คำแนะนำครั้งแรก


อย่างไรก็ตาม สำหรับการลงทุนระยะยาวตามคำแนะนำ Long Term Call ซึ่งพิจารณาจากการเติบโตของปัจจัยพื้นฐานเชิงโครงสร้างของระบบเศรษฐกิจ ประชากรและการบริโภค (Structural Growth) ยังมีความน่าสนใจในระยะยาว เมื่อประกอบกับ Valuation อยู่ในระดับ Deep Discount ที่ซื้อขายกันที่ระดับ PE 8.2x หรือเท่ากับ -3SD เมื่อเทียบกับตัวเองในอดีตช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เราจึงยังคงแนะนำลงทุนอย่างต่อเนื่อง แม้ดัชนี VN30 จะปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 1,065 จุดตาม Tactical call ในครั้งนี้ก็ตาม เนื่องจาก 


ความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญของรูปแบบการลงทุน อาทิ

  • วัตถุประสงค์การลงทุน : Long Term Call เป็นไปเพื่อลงทุนจากปัจจัยพื้นฐานที่ดี Valuation ที่เหมาะสม เพื่อสะสมลงทุนในระยะยาว ขณะที่ Tactical Call เป็นไปเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น
  • เงื่อนไขการลงทุน : Long Term Call เป็นการเข้าลงทุนเพื่อสะสมสินทรัพย์ที่มีมูลค่าต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง ซึ่งลดความเสี่ยงผ่านการซื้อเมื่อดัชนีมีมูลค่าถูกเมื่อเทียบกับการเติบโตในระยะยาว ขณะที่ Tactical Call เป็นการเข้าลงทุนตามสัญญาณทางเทคนิค(Technical Analysis) และคุมความเสี่ยงโดยการ Stop Loss


2. แนะนำ Take Profit เมื่อดัชนีปรับตัวขึ้นถึง 1,160 จุด (Upside 15.50%) ซึ่งเท่ากับระดับ Fibonacci 38.2% ของแนวโน้มขาลงปัจจุบัน


3. และแนะนำ Limit Loss หรือตัดขาดทุนทันที เมื่อดัชนีปิดตลาดต่ำกว่า 969 จุด (Downside 3.52%) ซึ่งเป็นระดับที่ดัชนีกลับมาปรับตัวหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 20 วัน


นักลงทุนที่เหมาะกับ Tactical Call ระยะสั้นนี้ควร…

1. เป็นนักลงทุนที่มีเงินสด หรือสภาพคล่องส่วนเกิน และรับความผันผวนได้สูง

2. ใช้เงินลงทุนในสัดส่วนไม่เกิน 10% ของภาพรวมพอร์ตการลงทุนทั้งหมด

3. นักลงทุนต้องยอมรับการ Limit Loss หรือ การตัดขาดทุนได้ทันที

อ่านมุมมองจาก FINNOMENA Investment Team

ขาย

ซื้อดัชนี S&P 500 หลังดัชนีปรับตัวทะลุเส้นแน้วโน้มขาลงอย่างสวยงาม

  • SCBS&P500A

    กองทุนหุ้นสหรัฐฯ

    Feeder Fund

  • AFMOAT-HA

    กองทุนหุ้นสหรัฐฯ ปราการสูง

    Feeder Fund

  • MEGA10-A

    กองทุนหุ้นสหรัฐฯ ทรงอิทธิพล

เปรียบเทียบกองทุน

ในวันที่ 25 มกราคม ที่ผ่านมา FINNOMENA Investment Team ได้แนะนำลงทุนในรูปแบบการเก็งกำไรระยะสั้นในดัชนี S&P 500 ผ่านกองทุน SCBS&P500A, AFMOAT-HA และ MEGA-10 โดยตั้งจุด Stop loss ไว้เมื่อดัชนี S&P 500 มีราคาปิดลงมาต่ำกว่าระดับ 3,970 จุด (Downside 1.26%) ก่อนที่วันที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมาดัชนี S&P 500 จะลงมาปิดที่ระดับ 3,918 จุด ต่ำกว่าจุด Stop Loss ที่กำหนดไว้ พร้อมทั้งต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน บ่งชี้ถึงโอกาสกลับตัวเป็นแนวโน้มขาลง


FINNOMENA Investment Team จึงแนะนำให้ Stop Loss การลงทุนในกองทุน SCBS&P500A, AFMOAT-HA และ MEGA-10 สำหรับนักลงทุนที่ลงทุนตามคำแนะนำ Tactical Call เพื่อรักษาวินัยและรักษาเงินต้นเพื่อการเก็งกำไรครั้งต่อไปในอนาคต

อ่านมุมมองจาก FINNOMENA Investment Team