กองทุนเด่นที่มีโอกาสทำผลตอบแทนได้ดีในระยะสั้น โดยเน้นการใช้ปัจจัยทางเทคนิคจับจังหวะตลาด
Tactical Call เหมาะกับใคร ?
- นักลงทุนที่มีเงินสด หรือสภาพคล่องส่วนเกิน
- สามารถรับความผันผวนได้สูง
- สามารถยอมรับการตัดขาดทุนได้ทันที
ซื้อ
Mr.Messenger Call: ถึงเวลาหุ้นพลังงานโลก ทะลุ Downtrend Line พร้อมเกิด Buy Signal
- KT-ENERGY
World Energy
Feeder Fund
ราคา Energy Select Sector SPDR® Fund (XLE) ปรับขึ้นทะลุ Downtrend Line พร้อมยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) ขณะที่ MACD พลิกกลับมาเหนือ Signal line และปรับตัวขึ้นเหนือแกน 0 บ่งชี้ถึง Momentum เชิงบวกของราคา
จึงแนะนำลงทุนภายใต้คำแนะนำ Mr.Messenger Call ในกองทุน KT-ENERGY ซึ่งมีผลการดำเนินงานเคลื่อนไหวใกล้เคียงกับราคา XLE โดยมีค่า Correlation กับดัชนีที่ 0.827 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา สะท้อนถึงการเคลื่อนไหวตามราคา XLE โดยมีคำแนะนำดังนี้
1. แนะนำเข้าลงทุนที่ราคา XLE ไม่เกินระดับ $96 (+2.7% จากระดับราคาวันที่ 18/07/2024) ซึ่งเป็นระดับราคาที่เราแนะนำให้พิจารณาชะลอการเข้าซื้อ (หยุดซื้อ) ภายใต้คำแนะนำ Mr.Messenger Call เนื่องจากทำให้ Risk/Reward Ratio เข้าใกล้ระดับ 1:1
2. แนะนำ Take Profit หรือขายทำกำไร เมื่อราคา XLE ถึง $150 (Upside 12.7% จากระดับราคาวันที่ 18/07/2024 และ +9.5% จากจุดหยุดเข้าซื้อ) ซึ่งเป็นระดับ 161.8% ของ Fibonacci Extension
3. แนะนำ Limit Loss หรือตัดขาดทุน เมื่อราคา XLE ต่ำกว่า $87 อย่างมีนัยยะ ซึ่งเป็นระดับจุดต่ำสุดเดิม ณ วันที่ 17 มิถุนายน (Downside -6.6% จากราคาวันที่ 18/07/2024 และ -9.3% จากจุดหยุดเข้าซื้อ)
4. หากดัชนีปรับตัวขึ้นไปไม่ถึงจุด Take Profit ที่แนะนำ เราอาจพิจารณาแนะนำ Trailing Stop ด้วยเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 วัน (20-day MA) หรือใช้ระดับ 100% ของ Fibonacci Extension โดยเราจะประเมินสถานการณ์และแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
KT-ENERGY
KT-ENERGY เป็นกองทุนความเสี่ยงสูง (ระดับ 7) ลงทุนใน BGF World Energy Fund (กองทุนหลัก) โดยกองทุนหลักลงทุนในหุ้นของบริษัทชั้นนําทั่วโลกซึ่งมีธุรกิจหลักในการสํารวจพัฒนาและจัดจําหน่ายพลังงาน และอาจลงทุนในบริษัทที่มุ่งเน้นการพัฒนาและใช้ประโยชน์จากพลังงานทดแทน
อ่านมุมมองจาก Finnomena Investment Teamซื้อ
FundTalk Call: จังหวะขายหุ้นสหรัฐฯ และหุ้น AI พร้อมเพิ่มสัดส่วนในจีน Greater China
- UOBSGC
Greater China Equity
Feeder Fund
แนะนำกองทุน Greater China ซึ่งใช้ Artificial Intelligence คัดเลือกหุ้น
FundTalk จึงแนะนำลงทุนในหุ้นจีนแบบ Greater China โดยกองทุนที่แนะนำคือ UOBSGC ซึ่งลงทุนในกองทุนหลัก United Greater China Fund เป็นกองทุนที่มีการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยคัดเลือกหุ้นที่มีแนวโน้มจะทำผลตอบแทนได้ดีในอนาคต ถึงแม้ว่ากองทุนนี้จะสามารถลงทุนได้ทั้งตลาดหุ้นจีน ฮ่องกง และไต้หวัน แต่ในปัจจุบันกองทุนมีสัดส่วนการลงทุนหลักอยู่ในตลาดหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งเป็นตลาดหุ้นที่คาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นสูงที่สุด
อ่านมุมมองจาก Finnomena Investment Teamซื้อ
FundTalk Call: แนวทางลงทุนในยุคดอกเบี้ยโลกขาลงกับ US Aggregate Bond Index
- MUBONDUH-A
Global Bond Discretionary F/X Hedge or Unhedge
โอกาสเข้าลงทุน MUBONDUH-A
MUBONDUH-A เป็นกองทุนที่ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน JPMorgan Funds – US Aggregate Bond Fund ที่มี Duration ประมาณ 6 ปี โดยมีนโยบายการลงทุนแบบ Active ให้ผลการดำเนินงานเคลื่อนไหวใกล้เคียงกับดัชนี U.S. Aggregate Bond Index ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายไม่ป้องกันความเสี่ยง
ซื้อ
FundTalk Call: กองทุนหุ้นเกาหลีใต้ โอกาสลงทุนธีม AI ของดีราคาถูก
- DAOL-KOREAEQ
Asia Pacific Ex Japan
Feeder Fund
DAOL-KOREAEQ ที่ลงทุนใน JPMorgan Funds – Korea Equity Fund โดยมี Performance ที่โดดเด่นในช่วงที่ผ่านมา และสามารถชนะดัชนีสม่ำเสมอในช่วงเวลาที่ผ่านมา และมี Tracking Error ที่ต่ำ
อ่านมุมมองจาก Finnomena Investment Teamซื้อ
Mr.Messenger Call: โอกาสลงทุนหุ้นเวียดนามอีกครั้ง หลังดัชนียืนเหนือ Golden ratio
- PRINCIPAL VNEQ-A
Vietnam Equity
จึงแนะนำลงทุนภายใต้คำแนะนำ Mr.Messenger Call ในกองทุน PRINCIPAL VNEQ-Aและ KKP VGF-UI* (*ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย กองทุนรวมที่เสนอขายผู้ลงทุนสถานบันและผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ กองทุนรวมที่มีความเสี่ยงสูงหรือซับซ้อน)
โดยทั้ง 2 กองทุนเป็นกองทุนที่ลงทุนหุ้นเวียดนามที่มีนโยบายการลงทุนแบบ Active และผลการดำเนินงานเคลื่อนไหวใกล้เคียงกับดัชนี VN30 ซึ่งมีค่า Correlation กับดัชนี VN30 ที่ 0.92 และ 0.91 ตามลำดับในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา สะท้อนถึงการเคลื่อนไหวตามตลาดหุ้นเวียดนาม โดยมีคำแนะนำดังนี้
1. แนะนำเข้าลงทุนที่ดัชนี VN30 ไม่เกินระดับ 1,362 จุด (+2.4% จากระดับราคาวันที่ 13/06/2024) ซึ่งเป็นระดับราคาที่เราแนะนำให้พิจารณาชะลอการเข้าซื้อ (หยุดซื้อ) ภายใต้คำแนะนำ Mr.Messenger Call เนื่องจากทำให้ Risk/Reward ratio เข้าใกล้ระดับ 1:1
2. แนะนำ Take Profit หรือขายทำกำไร เมื่อดัชนีถึง 1,587 จุด (Upside 18% จากระดับราคาวันที่ 13/06/2024 และ +16.5% จากจุดหยุดเข้าซื้อ) ซึ่งเป็นระดับใกล้เคียงจุดสูงสุดเดิมในเดือนพฤศจิกายน 2021 (Fibonacci retracement ที่ 100%)
3. แนะนำ Limit Loss หรือตัดขาดทุน เมื่อดัชนีปิดตลาดต่ำกว่า 1,138 จุดอย่างมีนัยยะ ซึ่งใกล้เคียงระดับ Fibonacci 38.2% (Downside -14% จากราคาวันที่ 13/06/2024 และ -16.4% จากจุดหยุดเข้าซื้อ)
4. หากดัชนีปรับตัวขึ้นไปไม่ถึงจุด take profit ที่แนะนำ เราอาจพิจารณาแนะนำ Trailing Stop ด้วยเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 วัน (20-day MA) หรือใช้ระดับ Fibonacci retracement ที่ 78.6% เป็นแนว Trailing stop (ดัชนีระดับ 1,432 จุด upside 7.4% จากราคาวันที่ 13/06/2024 +4.9% จากจุดหยุดเข้าซื้อ) เราจะประเมินสถานการณ์และแจ้งอีกครั้ง
อ่านมุมมองจาก Finnomena Investment Teamซื้อ
Mr.Messenger Call: แนะนำหุ้นจีน Greater China หลังดัชนีทำ Higher High พร้อม Buy Signal
- UOBSGC
Greater china
จึงแนะนำลงทุนภายใต้คำแนะนำ Mr.Messenger Call ในกองทุน UOBSGC ซึ่งมีผลการดำเนินงานเคลื่อนไหวใกล้เคียงกับดัชนี FTSE Greater China (ปรับเป็นสกุลเงินบาท) โดยมีค่า Correlation กับดัชนีที่ 0.82 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา สะท้อนถึงการเคลื่อนไหวตามดัชนี โดยมีคำแนะนำดังนี้
1. แนะนำเข้าลงทุนที่ดัชนี ไม่เกินระดับ 14,734 จุด (+1.1% จากระดับราคาวันที่ 19/06/2024) ซึ่งเป็นระดับราคาที่เราแนะนำให้พิจารณาชะลอการเข้าซื้อ (หยุดซื้อ) ภายใต้คำแนะนำ Mr.Messenger Call เนื่องจากทำให้ Risk/Reward ratio เข้าใกล้ระดับ 1:1
2. แนะนำ Take Profit หรือขายทำกำไร เมื่อดัชนีถึง 16,260 จุด (Upside 11.5% จากระดับราคาวันที่ 19/06/2024 และ +10% จากจุดหยุดเข้าซื้อ) ซึ่งเป็นระดับ Fibonacci Projection ที่ 161.8%
3. แนะนำ Limit Loss หรือตัดขาดทุน เมื่อดัชนีปิดตลาดต่ำกว่า 13,212 จุดอย่างมีนัยยะ ซึ่งใกล้เคียงระดับ Fibonacci 61.8% (Downside -9.3% จากราคาวันที่ 19/06/2024 และ -10% จากจุดหยุดเข้าซื้อ)
4. หากดัชนีปรับตัวขึ้นไปไม่ถึงจุด Take Profit ที่แนะนำ เราอาจพิจารณาแนะนำ Trailing Stop ด้วยเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 วัน (20-day MA) เราจะประเมินสถานการณ์และแจ้งอีกครั้ง
อ่านมุมมองจาก Finnomena Investment Teamซื้อ
Mr.Messenger Call: หุ้นอินเดีย รับอานิสงค์ MSCI เพิ่มน้ำหนัก เศรษฐกิจโตแกร่ง
- B-BHARATA
India Equity
Feeder Fund
- TISCOINA-A
India Equity
Feeder Fund
Mr.Messenger Call: หุ้นอินเดีย รับอานิสงค์ MSCI เพิ่มน้ำหนัก เศรษฐกิจโตแกร่ง
นักวิเคราะห์จาก Nuvama Alternative & Quantitative Research คาดว่าจะมีเม็ดเงินไหลเข้าตลาดหุ้นอินเดียราว 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายหลัง MSCI ประกาศเพิ่มน้ำหนักตลาดหุ้นอินเดียในดัชนี MSCI EM Index สู่ระดับ 18.2% ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ ซึ่งปัจจุบันตลาดหุ้นอินเดียมีน้ำหนักในดัชนี MSCI EM Index เป็นอันดับที่ 2 รองจากตลาดหุ้นจีนที่มีน้ำหนักราว 25.4%
แนวโน้มการเติบทางเศรษฐกิจในระยะยาวของอินเดียสูงกว่ากลุ่มประเทศกำลังพัฒนา โดย IMF คาดการณ์ว่า GDP ของอินเดียในปี 2024 จะเติบโต 6.3% ขณะที่กลุ่มประเทศ Emerging and Developing Asia เติบโตเพียง 4.8% ทำให้อินเดียประเทศที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติในช่วงที่ผ่านมา
ในเชิงโครงสร้างประชากรของอินเดียมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดย IMF คาดการณ์ว่าจำนวนประชากรอินเดียจะเพิ่มขึ้นสู่ 1.5 พันล้านคนในปี 2030 จาก 1.4 พันล้านคนในปี 2020 ขณะที่สัดส่วนวัยทำงาน (อายุ 15-64 ปี) จะเพิ่มขึ้นสู่ 68.9% จากระดับ 67.2% ทำให้ในเชิงโครงสร้างประชากรมีความได้เปรียบกว่าประเทศอื่น ๆ ที่สัดส่วนผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น
แม้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกจะชะลอตัวลงในปีที่ผ่านมา แต่ภาคการผลิตของอินเดียยังขยายตัวได้ดีสวนทางเศรษฐกิจโลก ซึ่งสะท้อนผ่านดัชนี PMI ภาคการผลิตของอินเดียยังอยู่ในแดนขยายตัว (สูงกว่า 50) มาอย่างต่อเนื่อง
ภาคการบริโภคของอินเดียที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง เป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนหลักต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอินเดียในช่วงที่ผ่านมา โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของเดือนอินเดียปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ช่วงโควิด-19
ในแง่ของ Valuation ปฏิเสธไม่ได้ว่า ตลาดหุ้นอินเดียเป็นตลาดที่ Valuation อยู่ในระดับสูงมาตลอด ปัจจุบัน forward 12-m P/E ของดัชนี MSCI India อยู่ที่ 22 เท่า หรือที่ระดับ +1.5 S.D. เทียบกับตัวเองในรอบ 10 ปี แต่มูลค่าที่สูงย่อมแลกมาด้วยการเติบโตที่สูงเช่นกัน โดยข้อมูลจาก Bloomberg consensus คาดการณ์ว่ากำไรของตลาดหุ้นอินเดียจะเติบโต 20.5% และ 14.6% ในปี 2024 และ 2025
ด้วยศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจระดับสูง ทำให้แนวโน้มเม็ดเงินจากต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นอินเดียหลัง MSCI เพิ่มน้ำหนักตลาดหุ้นอินเดียในการคำนวนดัชนี Mr.Messenger Call จึงแนะนำลงทุนในหุ้นอินเดียผ่านกองทุน B-BHARATA และกองทุน TISCOINA-A
อ่านมุมมองจาก Finnomena Investment Teamถือ
Mr.Messenger Call: หุ้นยุโรปทำนิวไฮ พร้อมเกิดสัญญาณ Golden Cross
- ONE-EUROEQ
กองทุนหุ้นยุโรป
Feeder Fund
- ABEG
กองทุนหุ้นยุโรป
Feeder Fund
ดัชนีตลาดหุ้นยุโรป (STOXX Europe 600) ปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ พร้อมเกิดสัญญาณ Golden Cross (เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน ตัดขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน) และกำลังเข้าสู่ Extension Wave 5
Mr.Messenger Call จึงแนะนำลงทุนในกองทุน ONE-EUROEQ และ ABEG ซึ่งมีค่า Correlation กับดัชนี STOXX EURO 600 ที่ 0.94 และ 0.72 โดยมีคำแนะนำ ดังนี้
- แนะนำเข้าลงทุนที่ดัชนี ไม่เกินระดับ 514 จุด (+2% จากระดับราคาวันที่ 15/03/2024) ซึ่งเป็นระดับราคาที่เราแนะนำให้พิจารณาชะลอการเข้าซื้อ (หยุดซื้อ) ภายใต้คำแนะนำ Tactical Call เนื่องจากทำให้ Risk/Reward ratio เข้าใกล้ระดับ 1:1
- แนะนำ Take Profit หรือขายทำกำไร เมื่อดัชนีถึง 563.9 จุด (Upside 12% จากระดับราคาวันที่ 15/03/2024 และ +9.5% จากจุดหยุดเข้าซื้อ) ซึ่งใกล้เคียงระดับ Fibonacci 161.8% ตาม Extension Wave 5
- แนะนำ Limit Loss หรือตัดขาดทุนทันที เมื่อดัชนีปิดตลาดต่ำกว่า 465 จุดอย่างมีนัยยะ ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดเดิมในปี 2024 (Downside -7.6% จากราคาวันที่ 15/03/2024 และ -9.5% จากจุดหยุดเข้าซื้อ) โดยเราอาจพิจารณาแนะนำ Trailing Stop ด้วยเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 วัน (20-day MA) โดยเราจะประเมินสถานการณ์และแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
ถือ
Mr.Messenger Call: คว้าโอกาสการเข้าเก็งกำไรใน Russell 2000 หลังปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
- SCBRS2000(A)
หุ้นสหรัฐฯ ขนาดกลางและเล็ก
Feeder Fund
- ASP-USSMALL
หุ้นสหรัฐฯ ขนาดกลางและเล็ก
Feeder Fund
Sentiment เชิงบวกในตลาดหุ้นสหรัฐฯ จากความผ่อนคลายทางด้านนโยบายทางการเงินหลังการประชุม FOMC รอบล่าสุด ความคาดหวังการลดดอกเบี้ยในปี 2024 ท่ามกลางตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง หนุนให้ดัชนี Russell 2000 ที่มีความอ่อนไหวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 52 สัปดาห์ในวันที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา
FINNOMENA FUNDS Investment Team จึงแนะนำลงทุนภายใต้คำแนะนำ Tactical Call ในกองทุน SCBRS2000(A) ซึ่งเป็นกองทุน passive fund ที่ลงทุนตามดัชนี Russell 2000 และกองทุน ASP-USSMALL ซึ่งเป็นกองทุน active fund ที่เน้นลงทุนในหุ้นขนาดกลางและเล็กแบบ High Conviction โดยมี Russell 2000 เป็นดัชนีเปรียบเทียบ และมีค่า Correlation 0.896 โดยคำแนะนำมีดังนี้
1. แนะนำเข้าลงทุนที่ราคาหน่วยลงทุน Russell 2000 (RUT) ไม่เกินระดับ 2,054 จุด (+1.6% จากระดับราคาวันที่ 20/12/2023) ซึ่งเป็นระดับราคาที่เราแนะนำให้พิจารณาชะลอการเข้าซื้อ (หยุดซื้อ) ภายใต้คำแนะนำ Tactical Call เนื่องจากทำให้ Risk/Reward ratio เข้าใกล้ระดับ 1:1
2. แนะนำ Take Profit หรือขายทำกำไร เมื่อราคาหน่วยลงทุน RUT ปรับตัวขึ้นถึง 2,300 จุด (Upside 11% จากระดับราคาวันที่ 20/12/2023 และ 12% จากจุดหยุดเข้าซื้อ) ซึ่งเป็นระดับ fibonacci 78.6%
3. แนะนำ Limit Loss หรือตัดขาดทุนทันที เมื่อราคาหน่วยลงทุน RUT ปิดตลาดต่ำกว่า 1838 จุด หรือระดับ fibonacci 23.6% (Downside 9% จากราคาวันที่ 20/12/2023 และ -11% จากจุดหยุดเข้าซื้อ) โดยเราอาจพิจารณาแนะนำ Trailing Stop ด้วยเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 วัน (20-day MA) โดยเราจะประเมินสถานการณ์และแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
นักลงทุนที่เหมาะกับ Tactical Call ระยะสั้นนี้ควร…
- เป็นนักลงทุนที่มีเงินสด หรือสภาพคล่องส่วนเกิน และรับความผันผวนได้สูง
- ใช้เงินลงทุนในสัดส่วนไม่เกิน 10% ของภาพรวมพอร์ตการลงทุนทั้งหมด
- นักลงทุนต้องยอมรับการ Limit Loss หรือ การตัดขาดทุนได้ทันที
ขาย
FundTalk Call: ถึงเวลาของหุ้นโลก และ AI เมื่อ Fed ชัดเจน และราคาน้ำมันไม่ไปต่อ
- FundTalk คาดว่าความกังวลปัญหาเงินเฟ้อคลี่คลาย เนื่องจากน้ำมันลง จึงแนะนำลงทุนในกองทุน AI Growth Theme อย่างกองทุน TISCOAI ซึ่งลงทุนในกองทุน Xtrackers AI and Big Data โดยกองทุนดังกล่าวลงทุนในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว และกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ที่ดำเนินธุรกิจหลักเกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) การประมวลผลข้อมูล (Data Processing) และความปลอดภัยของข้อมูล (Data Security) โดยกองทุนได้คัดเลือกหุ้นที่มีสิทธิบัตรด้าน AI ถึง 88 บริษัทจาก 1,853 บริษัทในดัชนี Nasdaq และเน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่มากกว่าหุ้น Growth ส่งผลให้ผลตอบแทนในช่วงที่ผ่านมาโดดเด่น
- FundTalk คาดตลาดสหรัฐฯ กลับมา Outperform โดยเฉพาะ Global Brand Mega Cap ที่เป็น Clear Winners จึงแนะนำลงทุนในกองทุน MEGA10-A ซึ่งลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ 10 ตัวของสหรัฐฯ ในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยกองทุนดังกล่าวลงทุนในบริษัทที่เน้นความเป็นผู้นำในด้านตราสินค้า (Brand Value) จากการจัดอันดับโดยสถาบันจัดอันดับตราสินค้า (Brand) ระดับสากล ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) และมีสภาพคล่องสูงสุด 10 บริษัทแรก เช่น Microsoft Alphabet และ Amazon ซึ่งถือว่ามีการลงทุนในหุ้นที่เป็นผู้ชนะด้าน AI อย่างชัดเจน