หุ้นลงหนักแบบนี้ ลงทุนแบบไหนดี หุ้นท่องเที่ยวมั้ย หุ้นน้ำมันมั้ย ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่ถ้ามันยังลงไม่จบ ก็ติดดอยนะ งั้นเอางี้ หุ้น SET50 ดีมั้ย เลือกมาซัก 5-10 ตัว เวลาผ่านไปเดี๋ยวดีเอง
ช่วงเวลานี้ หลายคนน่าจะเป็นแบบนี้ คือ ไม่กล้าลงทุน ไม่รู้จะซื้อหุ้นตัวไหนดี กลัวซื้อไปแล้วลงต่อ ไม่รู้ว่าตลาดจะกลับมาฟื้นตัวเมื่อไหร่ ผมอยากให้ไอเดียการกระจายความเสี่ยงแบบนี้เป็นทางเลือกดูครับ
หุ้นหลายตัวที่อาจไม่ได้รับผลกระทบจากทั้งไวรัส หรือราคาน้ำมันที่ลดลง แต่เวลาตลาดตกใจ คนก็เทขายกันออกมา ทำให้ร่วงกันหมด ก็อาจเป็นโอกาสถ้าเราจะเลือกลงทุนหุ้นกลุ่มนี้ พอตลาดหายตกใจ ราคาก็น่าจะกลับขึ้นไปในที่สุด เช่น หุ้นโรงพยาบาลที่รักษาคนไทยเป็นหลัก หุ้นขายสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคนจีนหรือนักท่องเที่ยว หุ้นที่ต้นทุนจะลดลงถ้าราคาน้ำมันลง เป็นต้น
พักหลัง เราจะเห็นว่าหุ้นเล็กหลายตัว ราคาไม่ค่อยขึ้น แม้ว่าผลประกอบการจะดูดีก็ตาม แต่ว่าหุ้นกลางหุ้นใหญ่ที่กองทุนสนใจมีโอกาสขึ้นได้มากกว่า อาจจะเป็นด้วยสัดส่วนของนักลงทุนรายย่อยเริ่มลดลง ต่างชาติก็ยังขายสุทธิอยู่ กองทุนเลยกลายมาเป็นผู้เล่นรายหลักที่มีบทบาทมากขึ้น ถ้าเราเห็นแนวโน้มแบบนี้ เราก็อาจจะลองเลือกหุ้นขนาดกลางขนาดใหญ่ที่มีการเติบโต ที่น่าจะเป็นเป้าหมายของกองทุนติดพอร์ตไว้ก็น่าสนใจไม่น้อย
แน่นอนว่า ในระยะยาว หุ้นที่กำไรเติบโตอย่างต่อเนื่อง ราคามันควรจะขึ้นไปในทิศทางเดียวกัน เราต้องไปนั่งไล่ดูงบการเงินที่ออกมาว่า หุ้นตัวไหนที่ยังโตได้ดี พื้นฐานดี มีแผนการเติบโตแบบชัดเจน ก็ยิ่งเป็นโอกาสดีในการสะสมตอนที่ราคาถูก หรือตัวไหนที่เรารอมานาน เราชอบมาก แต่ราคาแพง ตอนนี้ก็อาจะเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าซื้อเช่นกัน หุ้น Growth Stock อาจจะหายากหน่อย แต่ถ้าหาเจอ มันเหมือนกับเจอเพชรในตมครับ
เพราะเราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น การกระจายความเสี่ยงน่าจะเป็นทางเลือกที่ช่วยเราได้ และนี่ก็คือหลักการกระจายความเสี่ยง 4 แบบที่อยากฝากไว้ครับ เพื่อที่ว่าพอร์ตรวมของเราจะได้เติบโตอย่างมั่นคงและสามารถฝ่าวิกฤตครั้งนี้ไปได้อย่างปลอดภัย
Stock Vitamins
Article, Basic, Knowledge, Short Content, การกระจายความเสี่ยง, การลงทุน, ตลาดหุ้น