ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ระบุว่า วิลเลียม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) MINT รายงานซื้อใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ (วอร์แรนท์) รุ่นที่ 5 หรือ MINT-W5 จำนวน 40.10 ล้านหน่วย ที่ราคาหน่วยละ 2.64 บาท มูลค่ารวม 105.88 ล้านบาท ซึ่งเป็นการซื้อครั้งที่สามรอบปีนี้

ทั้งนี้ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยระบุว่าวอร์แรนท์ดังกล่าวมีราคาใช้สิทธิ 36.364 บาทต่อหุ้น ในอัตราใช้สิทธิ 1 วอร์แรนต์ ต่อ 1.1 หุ้นใหม่ วันที่ใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 3 พ.ย. 2560 และหมดอายุ 4 พ.ย. 2560

การเคลื่อนไหวของราคาหุ้น MINT ในรอบเดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยเดือนส.ค.ราคาลดลง 3.64% จาก 41.25 บาท มาอยู่ที่ 39.75 บาท โดยราคาสูงสุดอยู่ที่ 42.50 บาท ต่ำสุดที่ 38.25 บาท ขณะที่เดือนก.ย.ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.25% จากราคา 39.75 บาท เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 40.75 บาท โดยราคาสูงสุดอยู่ที่ 41 บาท ต่ำสุดที่ 38.50 บาท

ด้านบล.บัวหลวง ระบุว่า ราคาหุ้นในช่วงเดือนส.ค.-ก.ย.ได้สะท้อนผลกระทบจากการแปลงสภาพ MINT-W5 ที่จะเกิดขึ้นในเดือนพ.ย. 2560 ไปหมดแล้ว และการแปลงวอร์แรนท์ในครั้งนี้บริษัทจะได้เงินเข้ามา 7.7 พันล้านบาท ส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนสุทธิลดลงอย่างมีนัยสำคัญจาก 1.3 เท่า ณ สิ้นเดือนมิ.ย. มาอยู่ที่ 0.7-0.8 เท่าในปี 2560 โดยฝ่ายวิจัยคาดว่าบริษัทอาจเลือกที่จะนำเงินที่ได้มานี้ไปจ่ายหนี้คืนระยะสั้น แบ่งเป็นหุ้นกู้มูลค่า 4.7 พันล้านบาท และ 2.7 ล้านบาท ที่จะครบอายุในไตรมาส 4/60 และปี 2561 ตามลำดับ หรืออาจจะสำรองเงินที่เหลือไว้สำหรับการซื้อกิจการในอนาคต ซึ่งการจ่ายหนี้คืนจะช่วยลดดอกเบี้ยจ่ายให้บริษัทได้ประมาณ 300 ล้านบาทต่อปี และเพิ่มกำไรได้ประมาณ 4%

สำหรับการใช้สิทธิ์แปลงสภาพ MINT-W5 ในครั้งนี้จะทำให้จำนวนหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้น 5% แต่จะไม่ส่งผลกระทบต่อกำไรหลักต่อหุ้น โดยประมาณการกำไรหลักต่อหุ้นยังคงเติบโตแข็งแกร่งที่ 16% ในปี 2560 และ 15% ในปี 2561

ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 3ปี2560 กำไรหลักจะสูงขึ้น 18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 50% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2ปี2560 เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่น ประกอบกับประสิทธิภาพสูงขึ้นจากการปรับปรุงโรงแรม Tivoli ที่จะแล้วเสร็จ 5 แห่ง ภายในสิ้นปีนี้ และอีก 3 แห่งในครึ่งแรกของปี 2561 ทั้งนี้ประเมินว่าแนวโน้มการเติบโตจะแข็งแกร่งต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 4ปี2560 และ ไตรมาส 1ปี2561 เนื่องจากฐานที่ต่ำ รวมทั้งยังเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวทั้งในประเทศไทยและมัลดีฟ รวมทั้งยังได้รับกำไรเพิ่มขึ้นจากการถือหุ้น Riverside มากขึ้น 16.7% (MINT ถือหุ้นบริษัทในจีนรวม 85.9%) และการขายอสังหาฯ ในจังหวัดภูเก็ต

Source : กรุงเทพธุรกิจ

ที่มา : http://daily.bangkokbiznews.com/detail/310771