สำหรับการสูญเสียมูลค่าตลาดของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีนมีมูลค่าดังนี้:

– Alibaba: สูญเสีย 303.1 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกง

– Baidu: สูญเสีย 107.54 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกง

– JD.com: สูญเสียเงิน 30.674 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกง

– Netease: สูญเสีย 27.334 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกง

เมื่อวันพุธที่ผ่านมาสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกาได้ใช้กฎหมายที่ขู่ว่าจะถอนบริษัทต่าง ๆ ของจีนออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ เว้นแต่จะปฏิบัติตามมาตรฐานการสอบบัญชีของสหรัฐฯ หรือที่เรียกว่า “Holding Foreign Companies Accountable Act”

โดยบริษัทภายใต้สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. จะต้องมีการตรวจสอบโดยหน่วยเฝ้าระวังของสหรัฐฯ และจำเป็นต้องแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้เป็นเจ้าของหรือถูกควบคุมโดยหน่วยงานของรัฐในเขตอำนาจศาลต่างประเทศ ก.ล.ต. กล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันพุธ

นอกเหนือจากความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบแล้ว บริษัทเทคโนโลยีของจีนยังเผชิญกับความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นในประเทศเนื่องจากปักกิ่งยังมีการกำหนดกฎหมายป้องกันการผูกขาดในเทคโนโลยีการเงินและอีคอมเมิร์ซ

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่ากลุ่มบริษัทเทคโนโลยีของจีนผู้ก่อตั้ง Tencent ได้พบกับเจ้าหน้าที่ต่อต้านการผูกขาดของจีนในเดือนนี้เพื่อหารือเกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อกำหนดของกลุ่มของเขา

ในการปราบปรามที่มีรายละเอียดสูง การเสนอขายหุ้น IPO ของ Ant Group เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น บริษัท ที่ใหญ่ที่สุดในโลกถูกระงับทันทีก่อนการเปิดตัวเพียงไม่กี่วัน

นอกเหนือจากความกังวลดังกล่าวแล้วภาคเทคโนโลยีโดยรวมทั่วโลกยังได้รับแรงกดดันเนื่องจากผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวสูงขึ้น ผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบต่อหุ้นเติบโตซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในภาคเทคโนโลยี

แต่หากมองในแง่ดี การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่อาจเกิดขึ้นจากการระบาดของโรค นักลงทุนอาจมองหาการกระจายการลงทุนของพอร์ตไปยังด้านอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ด้านเทคโนโลยี เช่น หุ้นที่มีความสามารถในการทำกำไรเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว

ที่มา: CNBC