ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2559 ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับ 4 สายการบินในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทั้งการบินไทย บางกอกแอร์เวย์ ไทยแอร์เอเชีย และนกแอร์
เริ่มกันที่การบินไทย
- รายได้รวม 44,126 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 216 ล้านบาท
- ค่าใช้จ่ายรวม 44,962 ล้านบาท ลดลง 3,619 ล้านบาท
- ขาดทุนจากการดำเนินงาน 836 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 3,403 ล้านบาท
- สาเหตุหลักมาจากต้นทุนค่าน้ำมันเครื่องบินที่ลดลง และการบริหารความเสี่ยงราคาน้ำมันได้ดีขึ้น
- ส่งผลให้ผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 2559 มีกำไรสุทธิ 1,476 ล้านบาท ดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 18,118 ล้านบาท
ด้านบางกอกแอร์เวย์
- รายได้รวม 6,697.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.2% มีกำไรสุทธิ 680.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.2% เป็นกำไรสุทธิที่เป็นส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัท 662.4 ล้านบาท
- ผลมาจากจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มมากขึ้นรวม 1.4 ล้านคน โดยมีอัตราการเติบโตของผู้โดยสารในไตรมาส 3 อยู่ที่ 8.9%
- ส่งผลให้ผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 2559 บางกอกแอร์เวย์สมีรายได้รวม 20,528 ล้านบาท เพิ่มสูงขึ้น 1,866.8 ล้านบาท หรือ 10% และมีกำไรสุทธิ 2,143.6 ล้านบาท เพิ่มสูงขึ้น 363.8 ล้านบาท หรือ 20.4%
ส่วนไทยแอร์เอเชีย
- รายได้รวม 8,145.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิ 729.2 ล้านบาท
- มีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยมีผู้โดยสารรวม 4.33 ล้านคน เพิ่มขึ้น 21%
- ผลประกอบการในช่วง 9 เดือนปี 2559 มีรายได้รวมอยู่ที่ 24,853.8 ล้านบาท กำไรสุทธิรวม 3,328.6 ล้านบาท
- สำหรับในไตรมาส 4 ปี 2559 ไทยแอร์เอเชียวางเป้าหมายในการเพิ่มเส้นทางบินในตลาดประเทศอินเดียและกลุ่มประเทศ CLMV
ปิดท้ายกันที่นกแอร์
- ขาดทุนสุทธิ 958.56 ล้านบาท โดยขาดทุนเพิ่มขึ้น 126% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งขาดทุนสุทธิ 423.54 ล้านบาท
- สาเหตุมาจากรายได้ที่เติบโตน้อยกว่าที่วางแผนไว้ ประกอบกับมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น
- ขณะที่ผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนแรกมีผลขาดทุนสุทธิ 2.11 พันล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 269% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 571.85 ล้านบาท
อ่านเต็มๆได้ที่ : http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1479347352
FINNOMENA Hot News Digest
คือการนำข่าวเรื่องการเงินการลงทุนที่สำคัญ ๆ ในแต่ละวัน มาทำการย่อย (digest) ให้เข้าใจง่าย ๆ รวมถึงอธิบายถึงผลที่อาจจะเกิดขึ้นจากเรื่องดังกล่าว โดยทีมงาน FINNOMENA เพื่อให้นักลงทุนได้เสริมความเข้าใจในข่าวสารต่าง ๆ ได้ดีขึ้น และเรียนรู้ที่จะวิเคราะห์เรื่องราวต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเอง