พูดถึงเรื่องการลงทุน ก็ต้องรู้ว่า มันมาพร้อมกับความเสี่ยง ยิ่งการลงทุนในตลาดหุ้น เราก็ยิ่งเห็นว่า ความเสี่ยง มันชัดเจนมากกกว่าการลงทุนในประเภทอื่นๆ นักลงทุนระดับโลก หรือกองทุนข้ามชาติที่เงินหนา รู้ดีว่า การจะเอาชนะผู้เล่นคนอื่นในตลาด สิ่งสำคัญไม่ใช่การหาผลตอบแทนให้ได้ดีที่สุด เพียงอย่างเดียว หากแต่เป็นการควบคุมความเสี่ยงในเหมาะสม จัดการกับมันไม่ให้มารุกรานพอร์ตการลงทุนจนเสียหาย

และนี้คือกลยุทธ์ที่นักลงทุนผู้เชี่ยวชาญบอกมาว่า นักลงทุนรายย่อยควรทำ เพื่อการปราบความเสี่ยงให้อยู่หมัดครับ

1. Focus on long term investment

หัวใจสำคัญที่จะทำให้เรารอดพ้นจากความผันผวนของตลาดในระยะสั้น ก็คือ ตั้งเป้าหมายการลงทุนในระยะยาว ซึ่งผลสรุปในระยะยาว ก็ออกมาค่อนข้างชัดเจน จากการศึกษาย้อนหลังไป 79 ปีในดัชนี S&P500 โดยการตั้งสมมติฐานว่า ลงทุนระยะยาวใช้เวลา 10 ปี นับตั้งแต่ปี 1925 เรื่อยมา พบว่า หากนักลงทุนสามารถยิดการลงทุนได้ยาว 10 ปี จะมีโอกาสกำไรสูงถึง 95% หรือ 75 ปี จากทั้งหมด 79 ปี โดยยอดการลงทุนที่ขาดทุน เป็นสามาเหตุมาจากการไปขายทิ้งในช่วงที่ตลาดเกิดฟองสบู่ทั้งหมด 4 ครั้งพอดี คือปี 1938, 1939, 2008 และปี 2009 ซึ่งหากนักลงทุนถือต่ออีกอย่างน้อย 3 ปี การลงทุนจะกลับมาให้ผลตอบแทนเป็นบวกทันที

2. Diversify your investment

การกระจายความเสี่ยงไปยังหุ้นมากกว่า 1 ตัว ในอุตสาหกรรม หรือประเภทหุ้นที่แตกต่าง วิธีนี้ ในระยะสั้น อาจไม่เห็นผลชัดเจน และคิดไปได้ว่า เป็นกลยุทธ์ที่ผิด ยกตัวอย่างตลาดกระทิงในไทยตั้งแต่ช่วงปี 2010-2013 เป็นต้นมา พบว่า หุ้นกลุ่ม Growth Stock ให้ผลตอบแทนสูงกว่ากลุ่ม Defensive Stock มากกว่าเท่าตัว หรือกรณีปี 2004-2006 ที่หุ้น Small Cap ทำผลตอบแทนฉีกออกจากหุ้นกลุ่ม Big Cap แบบขาดลอย ทำให้นักลงทุนจ้องที่จะพยายามทำ Market Timing และเลือกลงทุนตามกระแสด้วยการซื้อหุ้นไล่ราคาตามนั้น แต่ผลสรุปจากทั้ง 2 ช่วงเหตุการณ์พบว่า เมื่อตลาดหุ้นเกิดการปรับฐาน ทั้งกลุ่ม Growth Stock และ Small Cap ต่างขาดทุนเกินกว่า 30% ซึ่งเป็นการขาดทุนที่นักลงทุนไม่ทันได้รับมือ และยากเกินกว่าจะทำใจ Cut Loss ไปได้ ดังนั้น การกระจายความเสี่ยงไปยังหุ้นหลากหลายกลุ่ม จึงเป็นกลยุทธ์ที่ควรทำ เพราะไม่มีใครในโลกนี้รู้ว่า เมื่อใดที่ตลาดหุ้นจะจบรอบตลาดกระทิง หรือหุ้นตัวนั้นจะวิ่งไปถึงเมื่อใด

3. Invest Regularly

คำที่ได้ยินบ่อยกว่า นั้นก็คือ Dollar Cost Average (DCA) ด้วยวิธีนี้ นักลงทุนไม่จำเป็นต้องไปพยายามวิเคราะห์ตลาดว่า อยู่ในช่วงวัฏจักรใด เพราะการลงทุนด้วยเงินจำนวนเท่าๆกันสม่ำเสมอ เมื่อตลาดขาลง ราคาหุ้นตกลง นักลงทุนจะได้จำนวนหน่วยเพิ่มขึ้น และเมื่อตลาดขาขึ้น ก็ได้จำนวนหน่วยที่ลดลง เป็นการบริหารหน้าตักเราโดยธรรมชาติอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์ DCA นี้ นักลงทุนจะต้องมีวินัยอย่างสูงสุด ห้ามใส่ความกลัวและความโลภเข้าไปในการตัดสินใจอย่างเด็ดขาด

4. Keep in touch with your financial advisor

คำว่า financial advisor ในที่นี้ หมายถึง นักวางแผนการเงิน ไม่ใช่เจ้าหน้าการตลาดอย่างที่เรารู้จักเพียงอย่างเดียว โดยนักวางแผนการเงิน หรือที่ปรึกษาการเงินนั้น จะถูกอบรม และทดสอบ ด้วยหลักสูตรเข้มข้น เพื่อการแนะนำให้ลูกค้า หรือนักลงทุน สามารถทำได้ตามแผนการเงิน และบรรลุเป้าหมาย การมีเพื่อนคู่คิดและคอยชี้แนะ ให้กำลังใจนักลงทุนอยู่ข้าง ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้น จงพยายาม financial advisor ที่คุณสามารถไว้ใจได้นะครับ