เชื่อว่าหลายๆคนคงเคยทำงานประจำมา และคงมีหลายๆคนที่เบื่องานประจำ แล้วคิดจะออกมาเป็นนักลงทุนเต็มตัว แต่รู้หรือไม่? ว่าอาชีพ ‘นักลงทุน’ ก็มี ‘งานประจำ’ ที่ต้องทำเช่นกัน แถมในช่วงแรกๆ นักลงทุนหลายๆคน อาจจะต้องทำงานหนัก และเครียดกว่าทำงานประจำซะอีก และที่สำคัญอาชีพนักลงทุนนั้น เป็นงานที่ต้องมีวินัย และต้องพัฒนาตัวเองอยู่เป็นประจำอีกด้วย …

แล้ว ‘งานประจำของนักลงทุน’ จะต้องทำอะไรบ้าง ไปดูกันเลยครับ … ^^

1. การศึกษาหาความรู้ และพัฒนาตัวเองอยู่เป็นประจำ

สิ่งแรกเลยที่ใครคิดจะเป็นนักลงทุนต้องทำ ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนแนวไหน นั่นก็คือ การหาความรู้เรื่องการเงินและการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือ, การหาฟังตาม Youtube, การหาความรู้ตามเพจ Facebook หรือ Blog ต่างๆ, หรือจะเป็นการเข้าฟังสัมมนาฟรี ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งสิ่งที่สำคัญ เราจะต้องรู้จักเลือกที่จะรับความรู้จากคนที่สำเร็จจริงๆ มีชื่อเสียงจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นบุคคลงระดับโลกอย่าง Warren Buffett, Peter Lynch, Benjamin Graham หรือจะเป็นไอดอลนักลงทุน VI ของไทย อย่าง ดร.นิเวศน์ ก็ได้ นอกจากนี้แล้ว เราควรจะหาความรู้ด้านอื่นๆ ที่นอกเหนือจากเรื่องการลงทุน เพื่อความรอบรู้เรื่องต่างๆ เช่น ทฤษฎีปรัชญาสำคัญต่างๆ จิตวิทยามนุษย์ การตลาด การบริหาร เป็นต้น ซึ่งสิ่งที่สำคัญคือ ความรู้นั้นเราจะต้องนำมาวิเคราะห์ กลั่นกรอง และสรุปความรู้ในแบบของเรา และต้องสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริงๆอีกด้วย ดังนั้นนักลงทุนทุกๆคนควรจะตั้งกฎให้ตัวเองในการหาความรู้ เช่น จะต้องอ่านหนังสือให้ได้อย่างน้อย 1 เล่มต่อสัปดาห์ หรือจะเข้าฟังสัมมนาฟรีในเรื่องที่เราสนใจ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง หรือจะเป็นการดูวิดีโอความรู้จาก Youtube อย่างน้อยวันละคลิป เป็นต้น ซึ่งจะทำให้เราเป็นคนที่มีวินัย พัฒนา และก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วครับ

2. การมีสังคมนักลงทุนและพบปะพูดคุยกับนักลงทุนด้วยกัน

อาชีพนักลงทุนนั้น เป็นอาชีพหนึ่งที่ต้องอยู่กับตัวเอง และมีโลกส่วนตัวสูงมากๆ แต่เราควรจะต้องแบ่งเวลา อย่างน้อยเดือนละ 2-3 ครั้ง เพื่อเข้าสังคมนักลงทุน พบปะพูดคุยกับเพื่อนนักลงทุน เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ มุมมอง และแนวคิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ด้านการลงทุน ครอบครัว สุขภาพ หรือด้านต่างๆในชีวิต ซึ่งล้วนแต่มีความสำคัญด้วยกันทั้งสิ้น โดยอาจตั้งใจไว้ว่าจะไปเข้าสังคม พบปะพูดคุยกัน สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง หรือจะเป็นการเข้าไปพูดคุยตามเว็บบอร์ดต่างๆ เช่น board.thaivi.org เป็นต้น นอกจากนี้ สิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ อย่าลอกการบ้านกัน! เราจะต้องศึกษารายละเอียด และวิเคราะห์ให้มั่นใจด้วยตัวเองเท่านั้นครับ !

3. การติดตามผลการดำเนินงานของบริษัท

การเป็นนักลงทุนนั้น ก็เหมือนกับเราได้ลงทุนทำธุรกิจจริงๆ ซึ่งสิ่งที่สำคัญของการทำธุรกิจ นั่นก็คือ การติดตามผลการดำเนินงานของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นการอ่าน 56-1 การตรวจสอบวิเคราะห์งบการเงิน สินทรัพย์ หนี้สิน รายได้ กำไร(ขาดทุน) กระแสเงินสด และอื่นๆ ของบริษัท ว่าผลการดำเนินงานนั้น เป็นไปตามที่เราได้วิเคราะห์ คาดการณ์ และคาดหวังไว้หรือไม่ หรือแนวโน้มธุรกิจได้มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางใด ซึ่งการติดตามและวิเคราะห์นั้นก็แล้วแต่แนวทางหรือสไตล์ของนักลงทุนแต่ละคน โดยนักลงทุนจะต้องคอยติดตามและตรวจสอบผลการดำเนินงาน ปีละ 4 ครั้ง หรือทุกๆไตรสมาส (หรือบางท่านอาจจะติดตามทุกเดือนเลยก็ได้) ซึ่งการตรวจสอบผลการดำเนินงานในแต่ละครั้งใช้เวลาวันละหลายๆ ชั่วโมง เพื่อให้มีความละเอียด รอบคอบ และสร้างความมั่นใจในการลงทุนมากที่สุด

4. การพบปะผู้บริหาร หรือเยี่ยมเยียนบริษัท (Company Visit)

งานของนักลงทุนที่ต้องทำเป็นประจำนั้น นอกจากการอ่าน ตรวจสอบและวิเคราะห์ งบการเงิน ผลประกอบการ หรือ 56-1 แล้ว สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ขาดไม่ได้นั่นก็คือ การพบปะพูดคุยกับผู้บริหารของบริษัทที่เราลงทุนอยู่ หรือบริษัทที่เราสนใจและต้องการจะลงทุน ซึ่งจะทำให้เรามีโอกาสในการพูดคุยหรือซักถามข้อมูล รายละเอียด หรือข้อสงสัยต่างๆ เพื่อที่จะได้สร้างความมั่นใจในการลงทุนของเราให้มากที่สุดนั่นเอง แต่ถ้าหากใครไม่สะดวกที่จะไปพบปะพูดคุยกับผู้บริหารถึงบริษัท ก็สามารถที่จะฟังได้จากงาน opportunity day ของบริษัทที่เราลงทุน หรือบริษัทที่เราสนใจ โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ จัดขึ้นทุกไตรมาสครับ
(โดยสามารถดูตาราง Opportunity day ได้ตามลิงค์นี้เลยครับ https://www.set.or.th/set/oppdaybyperiod.do?language=th&country=TH)

5. การหมั่นสังเกตสิ่งรอบตัว และติดตามเทรนธุรกิจอยู่เสมอ

โลกทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วมาก โดยปัจจัยหลักนั้นมาจาก ‘เทคโนโลยี’ ที่เปลี่ยนแปลงและพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด ส่งผลให้เทรน หรือแนวโน้มธุรกิจนั้น เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน ดังนั้น งานอย่างหนึ่งที่สำคัญมากๆ และเป็นงานที่นักลงทุนต้องทำอยู่เป็นประจำก็คือ ต้องคอยหมั่นสังเกตสิ่งต่างๆรอบตัว โดยเฉพาะสิ่งที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจและการลงทุน เช่น เวลาที่เราไปเดินห้างหรือไปตลาด สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลง หรือสิ่งใหม่ๆที่เกิดขึ้นบ้างหรือไม่ หรือมีธุรกิจอะไรที่คนใช้บริการเยอะมากเป็นพิเศษ หรือธุรกิจอะไรเงียบเหงาไม่มีคนเข้าร้านเลย เป็นต้น นอกจากนี้ การคอยติดตามโลก Social หรือการอ่านหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับธุรกิจ หรือเทรนแฟชั่นของโลก ก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นเดียวกัน เนื่องจากจะทำให้เราเห็นเทรนธุรกิจ และคาดการณ์ถึงแนวโน้มเศรษฐกิจของโลกได้อย่างถูกต้อง ซึ่งจะทำให้เราเลือกที่จะลงทุนได้ถูกธุรกิจ ส่งผลให้ธุรกิจเติบโตไปตามเทรนหลักๆของโลกนั่นเอง

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับ มาถึงตรงนี้แล้วยังอยากลาออกมาเป็นนักลงทุนกันอยู่รึเปล่า? กว่าจะเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ในช่วงแรกๆของการเป็นนักลงทุนนั้นทุกคนต้องผ่านความยากลำบาก และต้องเจอกับวิกฤตมาแล้วด้วยกันทั้งสิ้น การจะตัดสินใจออกจากการทำงานประจำ มายึดอาชีพเป็นนักลงทุนเต็มเวลา เป็นเรื่องที่ใหญ่ และสำคัญมาก ทุกๆคนจะต้องพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ และต้องเตรียมตัวให้พร้อมที่เจอกับ ‘งานประจำของนักลงทุน’ ครับ ^^

โดย คลินิกการลงทุน

iran-israel-war