FINNOMENA Market Analysis: เจาะกลุ่มหุ้นได้ประโยชน์ จากแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2.25 ล้านล้านดอลลาร์ ของโจ ไบเดน
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เปิดเผยรายละเอียดของแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 2.25 ล้านล้านดอลลาร์ ในระยะเวลา 8 ปี ซึ่งมีเป้าหมายพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน และเพิ่มตำแหน่งการจ้างงาน
จากจำนวนเงินในแผนการลงทุนที่มีปริมาณสูง อีกทั้งร่างแผนการดังกล่าว ยังได้ออกมาตามหลังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ส่งผลให้รัฐบาลสหรัฐฯ มีความต้องการเงินทุนสำหรับแผนการลงทุนนี้ ประธานาธิบดีไบเดนจึงมีแผน เตรียมปรับขึ้นอัตราภาษีเงินได้จาก 21% ไปที่ 28%
โดยแผนการลงทุนดังกล่าวมีรายละเอียดดังนี้
ใช้งบ 6.21 แสนล้านดอลลาร์ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่ง ไม่ว่าจะเป็นสะพาน ทางหลวง ถนน สนามบิน และท่าเรือ ในจำนวนนี้จะมีเงินจำนวน 1.74 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อพัฒนาและสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้า
ใช้งบ 4 แสนล้านดอลลาร์ สนับสนุนสวัสดิการผู้สูงอายุและผู้พิการ รวมไปถึงปรับปรุงโรงพยาบาลทหารผ่านศึก
อีดฉีดงบ 3 แสนล้านดอลลาร์ แบ่งเป็น 1.11 แสนล้านดอลลาร์ ปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคด้านน้ำ 1 แสนล้านดอลลาร์ พัฒนาระบบอินเตอร์เน็ต และ 1 แสนล้านดอลลาร์ สร้างเครือข่ายไฟฟ้าที่มีความยืดหยุ่นสูง
ใช้งบจำนวน 3 แสนล้านดอลลาร์ สร้างที่พักอาศัยสำหรับครอบครัวชนชั้นกลางและผู้มีรายได้น้อย รวมถึงการปรับปรุงและสร้างอาคารเรียน
งบประมาณขนาดใหญ่อีกส่วนกว่า 5.80 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนการวิจัย พัฒนาศูนย์วิจัยด้านเทคโนโลยี และพัฒนาการจ้างงานด้านเทคโนโลยี
หลังจากการเปิดเผยแผนดังกล่าว เมื่อคืนนี้ราคาหุ้น Tesla ปรับตัวขึ้น 5.1% เช่นเดียวกับบริษัททำสถานีชาร์จไฟฟ้าอย่าง ChargePoint ปรับตัวขึ้นกว่า 19% ส่วนหุ้นในกลุ่มเหล็กและอุตสาหกรรมซึ่งปรับตัวขึ้นมาอย่างโดดเด่นในช่วงก่อนหน้านี้ เช่น United States Steel และ Caterpillar ปรับตัวลงเล็กน้อยรับข่าวดังกล่าวเช่นกัน
ขั้นตอนต่อไป ร่างแผนการลงทุนดังกล่าวต้องถูกส่งเข้าสภาฯ เพื่อรับการอนุมัติ ดังนั้นอาจมีการเปลี่ยนแปลงในรายละเอียด อย่างไรก็ตามเป็นที่แน่ชัดแล้วว่ากลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากแผนการลงทุนนี้จะเป็นกลุ่มพลังงานหมุนเวียน รถยนต์ไฟฟ้า และเซมิคอนดัคเตอร์ ซึ่งต่างเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตได้ในระยะยาว (Megatrend)
Source: Bloomberg, CNN ข้อมูล ณ วันที่ 1/4/2021
iran-israel-war