News Update: ประธานเฟดหนุนขึ้นดอกเบี้ย 25 bps ในการประชุมวันที่ 15-16 มี.ค นี้ รับมือเงินเฟ้อและค่าครองชีพที่แพงมาก จับตาวิกฤติยูเครนทำราคาสินค้าผันผวน

เจอโรม พาวเวลล์ เตรียมสนับสนุนขึ้นดอกเบี้ย 25 bps ในการประชุมเดือน มี.ค. เพื่อแก้ปัญหาค่าครองชีพที่แพงมากจากเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่พุ่งสูงสุดในรอบ 40 ปี

เป็นไปตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า Fed จะเริ่มขึ้นดอกเบี้ยในเดือน มี.ค. ซึ่งเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2018 เพราะตอนนี้ครัวเรือนสหรัฐฯ ได้รับผลกระทบจากทั้งค่าอาหาร ค่าเชื้อเพลิง และค่ารถยนต์ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา

“เงินเฟ้อที่เรากำลังเจออยู่นั้น ไม่เหมือนกับที่เราเคยเจอมาในหลายทศวรรรษ” เจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed กล่าวต่อคณะกรรมาธิการด้านการบริการทางการเงินของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ (2 มี.ค.)

ประธาน Fed ยอมรับว่าอาจมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกในอนาคต หากเงินเฟ้อยังคงสูงอย่างต่อเนื่อง โดย Fed ต้องการรักษาเงินเฟ้อให้ลงมาอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ซึ่งธนาคารกลางหลายแห่งรวมถึง Fed ตั้งอัตราเงินเฟ้อเป้าหมายไว้ที่ 2%

ในช่วงเริ่มต้นของการแพร่ระบาด Fed ได้หั่นอัตราดอกเบี้ยลงมาที่ใกล้ 0 เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายและเศรษฐกิจ แต่ด้วยปัจจัยหลายอย่างทั้งความต้องการที่เพิ่มขึ้น การขาดแคลนแรงงาน และปัญหาห่วงโซ่อุปทาน ส่งผลให้ต้นทุนสินค้าพุ่งสูงขึ้น

เจอโรม พาวเวลล์ ระบุถึงสิ่งที่เขาต้องการทำในการประชุมวันที่ 15-16 มี.ค. คือ เสนอให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ย 25 bps และดำเนินการอย่างระมัดระวังไปพร้อมกับการเฝ้าดูผลกระทบทางเศรษฐกิจของสงครามในยูเครน

ความขัดแย้งในสงครามทำให้ Fed ทำงานยากขึ้นกว่าเดิม เพราะการบุกรุกยูเครนของรัสเซียอาจทำลายการเติบโตทั่วโลก และอาจทำให้ราคาสินค้าโดยเฉพาะอาหารและพลังงานพุ่งสูงขึ้นกว่าเดิม ซึ่งพาวเวลล์มองว่า การระมัดระวังเป็นวิธีที่ดีที่สุดท่ามกลางความไม่แน่นอนนี้

เจอโรม พาวเวลล์ เตือนว่า การรุกรานยูเครน และมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียส่งผลให้ราคาข้าวสาลี น้ำมัน และสินค้าอื่นๆ มีความไม่แน่นอนอย่างมาก อย่างไรก็ตาม Fed เชื่อว่า อัตราเงินเฟ้อจะค่อยๆ ลดลงตลอดทั้งปี จากข้อจำกัดด้านอุปทานที่ผ่อนคลายลง แต่ Fed ยังต้องจับตาความเสี่ยงอื่นๆ ที่อาจกดดันให้ราคาพุ่งสูงขึ้นอีก

อ้างอิง: https://www.bbc.com/news/business-60593983 

——————-

👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน
iran-israel-war