รู้จัก Gautam Adani มหาเศรษฐีชาวอินเดีย สินทรัพย์ 2.9 ล้านล้านบาท ขึ้นแท่นบุคคลร่ำรวยที่สุดในเอเชียคนใหม่ จากธุรกิจพลังงานสู่อาณาจักร ‘Adani Group’

“Gautam Adani” เจ้าของอาณาจักร Adani Group ขึ้นแท่นคนรวยที่สุดแห่งภูมิภาคเอเชียด้วยมูลค่าทรัพย์สินกว่า 88,500 ล้านดอลลาร์ หรือ 2.9 ล้านล้านบาท

รายงานล่าสุด (7 ก.พ.) ของดัชนี Bloomberg Billionaires ระบุว่า Gautam Adani มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นเกือบ 12,000 ล้านดอลลาร์ สู่มูลค่ารวมที่ 88,500 ล้านดอลลาร์ แซงหน้า Mukesh Ambani ประธาน Reliance Industries อดีตมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในเอเชียซึ่งมีมูลค่าทรัพย์สินอยู่ที่ 87,900 ล้านดอลลาร์

🏢 จากธุรกิจพลังงานเล็กๆ สู่อาณาจักร ‘Adani Group’

ในช่วงต้นทศวรรษ 1980 Gautam Adani ได้ลาออกจากมหาวิทยาลัยและเริ่มงานในอุตสาหกรรมเพชรในมุมไบ ก่อนจะกลับไปยังบ้านเกิดที่รัฐคุชราตเพื่อช่วยพี่ชายทำธุรกิจพลาสติก และในปี 1988 เขาได้ก่อตั้งบริษัท Adani Enterprises ขึ้นมา

Gautam Adani มหาเศรษฐีอินเดียวัย 59 ปี ได้เปลี่ยนธุรกิจสินค้าโภคภัณฑ์ขนาดเล็ก สู่ ‘Adani Group’ กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ของอินเดียที่มีทั้งธุรกิจท่าเรือ เหมือง และพลังงานสีเขียว

ตอนนี้ Gautam Adani มีอำนาจควบคุมสนามบิน 7 แห่ง หรือเกือบ 1 ใน 4 ของการจราจรทางอากาศทั้งหมดของอินเดีย โดย Adani Group เป็นภาคเอกชนที่ครองส่วนแบ่งตลาดในภาคส่วนที่ไม่ใช่ของรัฐทั้งในธุรกิจสนามบิน เครื่องกำเนิดไฟฟ้า และผู้ค้าปลีกก๊าซในเมือง ซึ่งทั้งหมดนี้ใช้เวลาไม่ถึง 3 ปี

🇮🇳 ลงทุนในธุรกิจที่สอดคล้องกับเป้าหมายของผู้นำชาติอินเดีย

เจ้าสัวถ่านหินไม่ได้หยุดอยู่แค่เชื้อเพลิงฟอสซิล แต่เขาได้ขยายอาณาจักรไปสู่พลังงานหมุนเวียน สนามบิน ศูนย์ข้อมูล และสัญญาด้านการป้องกันประเทศ ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่ ‘นเรนทรา โมดี’ นายกฯ ของอินเดีย มองว่าเป็นพื้นฐานสำคัญต่อการสร้างชาติและบรรลุเป้าหมายเศรษฐกิจระยะยาวของอินเดีย

การเดิมพันในธุรกิจพลังงานสีเขียวและโครงสร้างพื้นฐานของ Gautam Adani ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยหุ้นในกลุ่ม Adani Group บางตัวพุ่งขึ้นกว่า 600% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

ตั้งแต่ต้นปี 2020 หุ้น Adani Green และ Adani Total Gas บริษัทร่วมทุนที่จดทะเบียนกับบริษัทในฝรั่งเศสพุ่งขึ้นกว่า 1,000%, หุ้น Adani Enterprises พุ่งขึ้นกว่า 730%, หุ้น Adani Transmission เพิ่มขึ้นกว่า 500% และ Adani Ports เพิ่มขึ้นมาถึง 95% เมื่อเทียบกับการปรับตัวขึ้นของดัชนี Sensex ที่ 40%

🌱 เตรียมขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานสีเขียว

Gautam Adani ให้คำมั่นว่าจะลงทุน 70,000 ล้านดอลลาร์ ภายในปี 2030 ซึ่งนั่นจะทำให้ธุรกิจของเขากลายเป็นผู้ผลิตพลังงานหมุนเวียนรายใหญ่ที่สุดในโลก ขณะที่ Mukesh Ambani กล่าวว่า จะลงทุน 10,000 ล้านเหรียญดอลลาร์ ในช่วง 3 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในแผนใช้จ่ายด้านพลังงานหมุนเวียนที่มีมูลค่าสูงถึง 76,000 ล้านดอลลาร์

ในเดือน ม.ค. 2021 Total SE บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านน้ำมันของฝรั่งเศส ได้ตกลงซื้อหุ้นบริษัท Adani Green Energy ทั้งหมด 20% และถือครองพอร์ตสินทรัพย์พลังงานแสงอาทิตย์ในสัดส่วนถึง 50% นอกจากนี้ในเดือน มี.ค. 2021 Warburg Pincus บริษัท Private Equity ในนิวยอร์ก กล่าวว่าจะลงทุน 110 ล้านดอลลาร์ เพื่อแลกการถือหุ้น Adani Ports และ Special Economic Zone Ltd. ที่ประมาณ 0.5%

Gautam Adani ยังได้เผยแผนเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนเกือบ 8 เท่า ภายในปี 2025 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันประเด็นสิ่งแวดล้อม โดยในเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา Adani Green ตกลงซื้อธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในท้องถิ่นของ SoftBank Group ในข้อตกลงที่ทำให้ SB Energy India มีมูลค่าบริษัทสูงถึง 3,500 ล้านดอลลาร์

🔥 ถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์ 3 ประเด็น

อุดมการณ์สีเขียวของ Gautam Adani ถูกวิพากษ์วิจารณ์โดยนักสิ่งแวดล้อม เพราะโครงการเหมืองถ่านหิน Carmichael ในออสเตรเลียของ Adani Group มีการเพิ่มการจัดหาเชื้อเพลิงฟอสซิลที่สร้างมลพิษสูงซึ่งย้อนแย้งกับอุดมการณ์ดังกล่าว

Gautam Adani ยังถูกโจมตีจากฝั่งตรงข้ามทางการเมืองของนายกฯ โมดี โดยความสนิทสนมของพวกเขาถูกวิจารณ์ว่าเป็นระบบพวกพ้องหรือการเล่นพรรคเล่นพวก ซึ่ง Gautam Adani มองว่าคำกล่าวหาดังกล่าวไร้เหตุผล และเขาประสบความสำเร็จจากกลยุทธ์ที่สอดคล้องไปกับเป้าหมายของนายกฯ โมดี เท่านั้น

นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องการผูกขาด โดย Sanjiv Bhasin จาก IIFL Securities กล่าวว่า ธุรกิจบางอย่างของ Adani Group เช่น ท่าเรือ เกือบจะเป็นการผูกขาดโดยสมบูรณ์แล้ว นอกจากนี้ บริษัทหลายแห่งของ Adani ยังเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับการผลักดันอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐานของอินเดีย

อ้างอิง: https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-02-07/indian-tycoon-adani-surpasses-ambani-as-asia-s-richest-person?sref=e4t2werz

——————-

👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน
iran-israel-war