News Update: ทำไมหุ้นสหรัฐฯ ขึ้นแรง แม้ GDP ไตรมาสแรกโต 1.1% ต่ำกว่าคาด ส่งสัญญาณเศรษฐกิจชะลอตัว

เมื่อคืนนี้ (28 เม.ย.) กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/2566 ซึ่งขยายตัวเพียง 1.1% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.0% ซึ่งการขยายตัวดังกล่าวสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ GDPNow ของ Fed สาขาแอตแลนตาที่ระบุก่อนหน้านี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัว 1.1% ในไตรมาสแรกของปีนี้

ขณะที่ ตัวเลขการบริโภคของสหรัฐเติบโต 2.5% การใช้จ่ายของรัฐบาลเติบโต 0.8% การส่งออกเติบโต 0.5% การนำเข้าสินค้าลดลง 0.4% และการลงทุนในสินค้าคงคลังของภาคเอกชน (Private Inventory Investment) ลดลง 2.3%

รายงานดังกล่าวยังระบุถึงตัวเลขเงินเฟ้อ PCE ที่เพิ่มขึ้น 4.2% ซึ่งสูงกว่าคาดการณ์ที่ 3.7% ขณะที่ Core PCE ที่ไม่รวมอาหารและพลังงานเพิ่มขึ้น 4.9% จากก่อนหน้านี้ที่เพิ่มขึ้น 4.4%

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยดัชนี Dow Jones +1.57% มากสุดตั้งแต่ ม.ค. ขณะที่ดัชนี S&P 500 +1.96% และดัชนี Nasdaq +2.43% มากสุดตั้งแต่ มี.ค. โดยได้รับแรงหนุนจากรายงานผลประกอบการบริษัทที่สดใสของ Meta

สาเหตุที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง นักวิเคราะห์จาก LPL ประเมินว่า การที่ตัวเลขเศรษฐกิจส่งสัญญาณชะลอตัว จะช่วยลดแรงกดดันนโยบายการเงินจาก Fed โดยอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ อาจหยุดขึ้นหรือมีการลดดอกเบี้ยในช่วงสิ้นปี หากเศรษฐกิจถดถอย

ก่อนหน้านี้ ผลสำรวจนักวิเคราะห์ของ Reuters คาดว่าไตรมาสนี้เศรษฐกิจของสหรัฐจะเติบโตได้มากถึง 2% ในขณะที่ผลสำรวจของทาง Bloomberg คาการณ์ว่าไตรมาสนี้ GDP จะเติบโตได้ที่ 1.9%
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ สอดคล้องกับความเชื่อมั่นของภาคเอกชนในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งหลายบริษัทในหลายอุตสาหกรรมได้มีการปลดพนักงานครั้งใหญ่ สะท้อนความไม่แน่นอนของสภาวะเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจไม่เข้าสู่ภาวะถดถอยจากราคาพลังงานที่ลดลง และอาจส่งผลให้ Fed ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งสุดท้าย โดย ตัวเลขล่าสุดโอกาสที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะถดถอยในเดือนมี.ค.ปี 2024 อยู่ที่ 57.77%

FINNOMENA Investment Team มองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังมีแนวโน้มชะลอตัวลง และตามมาด้วยความเสี่ยงที่จะเกิดเศรษฐกิจถดถอยสูง ตามมุมมองครึ่งปีแรก 2023 จากการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดอย่างต่อเนื่อง เพื่อแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อ ทั้งนี้แม้จะเห็นเงินเฟ้อชะลอตัวลง แต่ยังคงสูงกว่าเป้าหมายของเฟด จึงมีแนวโน้มที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยต่อไปในการประชุม FOMC ต้นเดือนพฤษภาคมนี้

FINNOMENA Investment Team ได้มีคำแนะนำลดสัดส่วนกองทุนหุ้นสหรัฐฯ สำหรับพอร์ตการลงทุนแบบ Dynamic Port ในช่วงกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และหาผลตอบแทนจากเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างชัดเจนอย่าง ตลาดหุ้นจีน หรือสินทรัพย์ที่ได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจชะลอตัวอย่างตราสารหนี้ทั่วโลก

ที่มา:

https://www.ryt9.com/s/iq29/3417372 

https://positioningmag.com/1428962 

https://www.bbc.com/news/business-65414174 

https://www.cnbc.com/2023/04/27/gdp-q1-2023-.html

——————-

👍 อย่าลืมกดไลก์ Page The Opportunity เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสด้านการลงทุน