ความน่าเบื่อของการลงทุน "หุ้นไทย & โกลบอล เฮลธ์แคร์"

“นี่คือจังหวะที่ดีสำหรับการลงทุนหุ้นไทย! นี่คือจังหวะที่ใช่ของการลงทุนหุ้นโกลบอลเฮลธ์แคร์!” เบื่อไหมที่ต้องฟังคำแนะนำซ้ำๆ แบบนี้

ถ้าถามที่ปรึกษาทางการเงินว่า “ตอนนี้ลงทุนอะไรดี?” คำตอบที่ได้รับ ก็น่าจะยังคงเป็นอะไรเดิมๆ ที่พูดว่า “ลงทุนหุ้นไทย” กับ “หุ้นเฮลธ์แคร์ทั่วโลก” สิ …ช่างน่าเบื่อ ทำไมแนะนำกันแบบเดิมซ้ำๆ อย่างนี้นะ?

ในมุมมองของ TISCO Wealth Advisory  ซึ่งทำหน้าที่บริหารความมั่งคั่งทางการเงิน หรืออาจจะเรียกง่ายๆ ว่าที่ปรึกษาทางการเงินก็เข้าใจดีว่า นักลงทุนหลายคนอาจจะรู้สึกเบื่อหน่าย เพราะหลายเดือนที่ผ่านมา คำแนะนำเหล่านี้ เป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงอยู่บ่อยครั้ง แต่ภายใต้วังวนที่ยังคงต้องแนะนำการลงทุนทั้งใน “ตลาดหุ้นไทย” และ “หุ้นเฮลธ์แคร์ทั่วโลก” นั่นก็เป็นเพราะ ความน่าเบื่อสำคัญ 2 ประการ

น่าเบื่อ…ที่โอกาสทำกำไรอยู่ในตลาดหุ้นไทย

ตลาดหุ้นไทยมีประเด็นบวก ที่แตกต่างจากตลาดหุ้นอื่นๆ ซึ่งจะเข้ามาช่วยขับเคลื่อนให้ดัชนีปรับตัวขึ้น และนั่นก็หมายถึงโอกาสในการทำกำไรด้วย โดยประเด็นเหล่านั้น ได้แก่

การเลือกตั้งในประเทศ

โดยปกติในช่วงที่มีการหาเสียง พรรคการเมืองต่างๆ จะใช้งบประมาณเพื่อประชาสัมพันธ์อย่างหลากหลายรูปแบบ ซึ่งประเด็นนี้จะช่วยให้เกิดเงินทุนหมุนเวียนสูงในช่วงก่อนการเลือกตั้ง

การประกาศจ่ายปันผล

ในเดือน เม.ย. ของทุกปี ประเด็นการจ่ายเงินปันผล เป็นเรื่องที่นักลงทุนทุกกลุ่มรอคอย และมีส่วนสำคัญในการผลักดันราคาหุ้นมาโดยตลอด

เงินเฟ้อปรับตัวลดลง

ผลสะท้อนจากการที่ราคาน้ำมันดิบ และสินค้าเกษตรไม่ได้อยู่ในระดับสูง ทำให้ดอกเบี้ยในประเทศไม่ได้อยู่ในช่วงขาขึ้น และข้อดีในเรื่องนี้ ยังส่งผลบวกต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยด้วย

น่าเบื่อ…ที่หุ้นเฮลธ์แคร์ทั่วโลกโตได้ดีในภาวะที่ตลาดถดถอย

ปฏิเสธความจริงไม่ได้เลยว่า หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ ซึ่งประกอบไปด้วยธุรกิจหลายประเภท เช่น โรงพยาบาล เครื่องมือการแพทย์ เวชภัณฑ์ ฯลฯ โดยภาพรวมยังคงมีรายได้เติบโตดี อีกทั้งกลุ่มเฮลธ์แคร์นี้ ยังมีลักษณะเป็น “Mega Trend” หรือเรียกได้ว่า เป็นกระแสการลงทุนหลักๆ ที่นักลงทุนไม่ควรพลาดด้วย เพราะนอกเหนือจากเรื่องการเติบโตที่ดีของรายได้แล้ว ยังมีเรื่องของการเติบโตของกําไรที่สม่ำเสมอ ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงใดของวัฏจักรเศรษฐกิจก็ตาม ดังนั้น จึงถือว่านี่คือหุ้นกลุ่ม Defensive ที่เข้ามาช่วยป้องกันความผันผวนของราคาหุ้นได้อย่างดี

อีกทั้งจากข้อมูลล่าสุด ชี้ว่าหุ้นกลุ่มโกลบอล เฮลธ์แคร์ ยังมีราคาที่ไม่แพงมากนัก เห็นได้จาก Forward P/E ที่ 15 เท่า น้อยกว่าเมื่อเทียบกับหุ้นกลุ่มโกลบอล เทคโนโลยี ซึ่งเป็นกลุ่มหุ้นยอดนิยม ที่มี Forward P/E ที่17 เท่า ดังนั้น หุ้นกลุ่มโกลบอล เฮลธ์แคร์ จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ระยะยาว (6 เดือน-1 ปีขึ้นไป) ที่ต้องการบริหารเงินลงทุน

ภายใต้ความน่าเบื่อของข้อมูลที่น่าจะได้ยินต่อเนื่องกันไปอีกระยะหนึ่ง ก็มีโอกาสสำหรับการสร้างผลตอบแทนที่ดี ที่นักลงทุนควรให้น้ำหนักกับการลงทุนในหุ้นไทย-โกลบอลเฮลธ์แคร์ อยู่…อย่าปล่อยให้ความเบื่อครอบงำโอกาสนี้

ที่มาบทความ : https://www.facebook.com/tiscomastery/


คำเตือน

ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต

iran-israel-war