
มุมมองการลงทุน
Outlook
- สหรัฐฯ – ตลาดยังคงกังวลกับผลของสงครามการค้า เราเชื่อว่าภาษีที่ถูกประกาศออกมาอาจถึงจุดสูงสุดไปแล้ว จากนี้ขึ้นอยู่กับผลการเจรจา อย่างไรก็ดี แม้ตลาดมีความกังวลเกี่ยวกับประเด็นภาษี แต่ผลประกอบการ Q1/2025 ที่รายงานออกมาแล้วประมาณ 12% พบว่า 71% ยังรายงานกำไรออกมาดีกว่าคาด และ 61% รายงานรายได้ดีกว่าคาด
เรามองว่าตลาดจะให้ความสำคัญกับ Guidance หรือ คาดการณ์แนวโน้มในอนาคตมากกว่าซึ่งในระยะนี้ยังถูกกดดันจาก 1. ความไม่แน่นอนภาษีการค้า 2. โมเมนตัมเศรษฐกิจชะลอตัว
- สำหรับการลดดอกเบี้ยของ Fed ซึ่งถูกมองว่าเป็นปัจจัยหนุน ตลาดยังคงคาดการณ์ Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้
เราเชื่อว่า Fed ยังใช้ความระมัดระวังในการปรับลดดอกเบี้ย แม้จะถูกกดดันจาก Trump - เศรษฐกิจจีน –GDP Q1/2025 ของจีนออกมาขยายตัวดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาด โดยได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีน ส่งผลให้ตัวเลขที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคฟื้นตัวดี ขณะที่ภาคการส่งออกที่เพิ่มขึ้นมองว่าเป็นปัจจัยชั่วคราว จากการเร่งนำเข้าสินค้าในหลายประเทศ คาดว่าจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศต่อเนื่องเพื่อลดความเสี่ยงเศรษฐกิจจากปัจจัยภายนอก
- เศรษฐกิจไทย – เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตในอัตราที่ชะลอลง โดยได้รับแรงกดดันจากมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี รัฐบาลได้พยายามสนับสนุนเศรษฐกิจในภาพรวม โดยมีมติเห็นชอบในการจัดตั้งกองทุน Thai ESGX ในช่วงเดือนพ.ค.ซึ่งจะช่วยดึงดูดเม็ดเงินลงทุนใหม่ให้กับตลาดหุ้นไทยในระยะข้างหน้า
Strategy
- ตลาดหุ้นโลกยังคงมีความผันผวนสูง จากความตึงเครียดทางการค้าของสหรัฐฯและจีนที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นและทำจุดสูงสุดในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนหันไปซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven)
- หลังจากที่ Trump ประกาศเลื่อนการเก็บภาษีบางส่วนออกไป 90 วัน และประกาศยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าเทคโนโลยีหลายรายการจากทั่วโลก รวมถึงจากจีน หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้ดี จากนี้อาจจะต้องจับตาผลดำเนินงานกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะเม็ดเงินที่จะลงทุนใน AI ของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่จะลดลงหรือไม่
- โดยเราปรับพอร์ตลงทุนเพื่อลดความผันผวนของพอร์ตจากความไม่แน่นอนของนโยบายการค้า ด้วยการกระจายความเสี่ยงไปในหลายประเทศนอกเหนือจากสหรัฐฯ เนื่องจากตลาดหุ้นโลกยังมีความไม่แน่นอนและอาจผันผวนมากขึ้นจากประเด็นการค้าของสหรัฐฯ
Portfolio Action
- ลดน้ำหนักการลงทุนใน TISCO Global Bond Fund (Class A) ( TGBOND-A) และเพิ่มน้ำหนักการลงทุนไปยัง TISCO 1 Year Bond Fund (TBOND1Y) ซึ่งเป็นการลงทุนในพันธบัตรไทยอายุประมาณ 1 ปี เพื่อปรับสมดุลให้กับพอร์ตในช่วงที่ Bond Yield สหรัฐฯ ยังคงมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวนในระยะต่อจากนี้
- ลดน้ำหนัก TISCO US Financial Fund (Class A) (TUSFIN-A) และเพิ่มน้ำหนักการลงทุนไปยัง TISCO Global Quality Equity Fund (Class A) (TGQUALITY-A) เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีความเสี่ยงจะเผชิญกับภาวะถดถอย (Recession) ในระยะข้างหน้า ซึ่งอาจกระทบต่อธุรกิจกลุ่มการเงิน
- ลดน้ำหนัก TISCO Vietnam Equity Fund (TVIETNAM) และเพิ่มน้ำหนักการลงทุนไปยัง TISCO India Equity Fund (TISCOIN-A) เพื่อกระจายความเสี่ยงไปในเอเชียมากขึ้น โดยเราคาดว่าผลกระทบจากมาตรการภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ ค่อนข้างจำกัด เนื่องจากอินเดียพึ่งพาภาคการส่งออกน้อยกว่าประเทศอื่นๆ (การส่งออกอินเดียไปสหรัฐฯ ประมาณ 2% ของ GDP) และพึ่งพาเศรษฐกิจในประเทศเป็นหลัก ในขณะที่ ธนาคารกลางลดดอกเบี้ยมาแล้ว 2 ครั้ง และอาจลดได้อีกอย่างน้อย 2 ครั้ง ในช่วงที่เหลือของปี เชื่อว่าเป็นปัจจัยหนุนต่อการบริโภคในประเทศ และได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับลดลงอีกด้วย
- ลดน้ำหนัก TISCO China Technology Equity Fund (Class A) (TCHTECH) และเพิ่มน้ำหนักการลงทุนไปยัง TISCO China H-Shares Equity Fund (TISCOCH) เพื่อกระจายการลงทุนในหลายอุตสาหกรรมในจีน โดยนักลงทุนยังคงมีความเชื่อมั่นต่อการเติบโตของเศรษฐกิจจีนจากการนโยบายกระตุ้นของรัฐบาลจีน
Performance Review
ผลตอบแทนพอร์ตกองทุนนับจากวันที่ 19 มี.ค. จนถึง 17 เม.ย. 2025 ปรับลดลง -4.33% และนับจากต้นปี พอร์ตปรับลดลง -3.75%
Contributor:
-
- ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา กองทุนทองคำ (TISCO Gold Fund) เป็นกองทุนที่หนุนพอร์ตกองทุนมากที่สุด โดยอันดับที่ 2 คือ กองทุน Global Consumer (TISCO Global Consumer Fund)
Detractor:
-
- สำหรับช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา กองทุนหุ้นเทคโนโลยีจีน (TISCO China Technology Fund) ปรับตัวลงมากที่สุด เนื่องจากตลาดหุ้นจีนยังคงถูกกดดันจากความตึงเครียดทางการค้าเพิ่มขึ้น หลังสหรัฐฯ ปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าจากจีนในอัตราที่สูงถึง 145%
ที่มา: บลจ. ทิสโก้ วันที่ 23 เมษายน 2025
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลสำคัญของกองทุนโดยเฉพาะนโยบายกองทุน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานของกองทุน โดยสามารถขอข้อมูลจากผู้แนะนำก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด หรือ บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT” | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299