
ตลาดหุ้นโลกปรับตัวผันผวนอย่างมากในเดือนมีนาคม โดยฟื้นตัวได้ช่วงสั้นๆ กลางเดือนหลังการประชุม Fed ที่คงอัตราดอกเบี้ยและยืนยันคาดการณ์การลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ ก่อนจะกลับมาปรับตัวลงแรงในช่วงที่เหลือของเดือน ปิดท้ายเดือนด้วยผลตอบแทนติดลบ (MSCI WORLD -4.64%) ปัจจัยกดดันหลักมาจากความกังวลที่ทวีความรุนแรงขึ้นเกี่ยวกับสงครามการค้าภายใต้การนำของ ปธน. ทรัมป์ ซึ่งประกาศใช้และขู่จะใช้มาตรการภาษีศุลกากรเพิ่มเติมหลายรายการ ทั้งกับยานยนต์, อินเดีย, และประเทศที่ซื้อน้ำมันจากเวเนซุเอลา ส่งผลให้ความคาดหวังเงินเฟ้อของผู้บริโภคสหรัฐฯ พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 32 ปี ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงตามตลาดโลก ส่วนตลาดหุ้นจีนเผชิญความผันผวนจากทั้งความหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและแรงกดดันจากสงครามการค้า ในทางกลับกัน ตลาดหุ้นอินเดียได้รับความสนใจมากขึ้นจากข่าวความคืบหน้าในการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ
หุ้นจีนในกลุ่มเทคโนโลยียังคงได้รับความสนใจจากกระแส AI ที่ต่อเนื่องมาจากต้นปี แม้จะมีความผันผวนเพิ่มขึ้น การประชุมใหญ่ NPC ในช่วงต้นเดือนมีนาคม รัฐบาลจีนได้ตั้งเป้าหมายการเติบโต GDP ไว้ที่ 5% พร้อมส่งสัญญาณกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการขาดดุลงบประมาณที่สูงขึ้นและการออกพันธบัตรพิเศษ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเศรษฐกิจเดือนกุมภาพันธ์ที่ออกมายังคงอ่อนแอ โดยเฉพาะอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาด สะท้อนอุปสงค์ในประเทศที่ยังเปราะบางและแรงกดดันจากภาวะเงินฝืด นอกจากนี้ ความตึงเครียดทางการค้ากับสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นยังเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญ ด้วยเหตุนี้ แม้เราจะยังคงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นจีนกลุ่ม H-share จากน้ำหนักหุ้นเทคโนโลยีและบทบาทในดัชนี EM แต่แนะนำให้นักลงทุนใช้ความระมัดระวัง ทยอยสะสมผ่านกลุ่มหุ้นเอเชียโดยรวม หรือพิจารณาหุ้นเอเชียแบบ Low Volatility เพื่อกระจายความเสี่ยงจากสงครามการค้าที่อาจรุนแรงกว่าคาด
สงครามการค้าและสงครามรัสเซีย-ยูเครน ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่สร้างความผันผวนในตลาดการลงทุน ในเดือนมีนาคม ปธน. ทรัมป์ยังคงเดินหน้ากดดันทางการค้าอย่างหนัก โดยประกาศขึ้นภาษีนำเข้ายานยนต์และชิ้นส่วน 25%, เตรียมเก็บภาษีตอบโต้อินเดีย, และเก็บภาษีประเทศที่ซื้อน้ำมันจากเวเนซุเอลา ซึ่งน่าสังเกตว่ามาตรการเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อบริษัทสหรัฐฯ เองด้วย (เช่น ผู้ผลิตรถยนต์ที่มีฐานในเม็กซิโก หรือผู้นำเข้าน้ำมันเวเนซุเอลา) ทำให้อาจเป็นกลยุทธ์เพื่อกดดันคู่ค้าก่อนเส้นตายการเจรจาภาษีศุลกากรในเดือนเมษายน ขณะเดียวกัน การเจรจาสันติภาพรัสเซีย-ยูเครนมีความคืบหน้า โดยมีการตกลงหยุดยิงเหนือน่านน้ำทะเลดำภายใต้การไกล่เกลี่ยของสหรัฐฯ ที่ซาอุดีอาระเบีย แต่ผลลัพธ์สุดท้ายยังคงคาดเดาได้ยาก เรายังเชื่อว่าทรัมป์ต้องการให้สงครามยุติโดยเร็วเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง แต่ท่าทีที่ไม่แน่นอนและความขัดแย้งที่ฝังลึกอาจทำให้การเจรจาไม่ราบรื่นนัก ด้วยความไม่แน่นอนที่สูงในระยะสั้น เรายังแนะนำเพิ่มสัดส่วนสินทรัพย์ปลอดภัยที่มักทำผลงานได้ดีในช่วงตลาดกังวล ได้แก่ ทองคำ, หุ้นกลุ่มการแพทย์ และตราสารหนี้ที่มีกลยุทธ์ลดความผันผวน
แนวโน้มดอกเบี้ยทั่วโลกยังคงแตกต่างกัน ในการประชุมเดือนมีนาคม Fed ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยและยังคงส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ แม้จะปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อขึ้นเล็กน้อยก็ตาม อย่างไรก็ตาม การทวีความรุนแรงของสงครามการค้าทำให้ตลาดและผู้บริโภคกังวลเรื่องเงินเฟ้อมากขึ้น ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Yield) มีความผันผวนสูง ขณะที่ธนาคารกลางอื่นๆ เช่น ECB และ BoJ ต่างแสดงความกังวลต่อผลกระทบจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ และดำเนินนโยบายการเงินด้วยความระมัดระวังมากขึ้น (ECB ชะลอการลดดอกเบี้ย, BoJ กังวลเงินเฟ้อในประเทศ) เมื่อรวมกับสมมติฐานของเราที่ว่าสงครามการค้าอาจไม่ยืดเยื้อจนกระทบเงินเฟ้อสหรัฐฯ รุนแรงในระยะยาว เราจึงยังมองเห็นโอกาสในตลาดหุ้นภูมิภาคอื่นนอกเหนือจากสหรัฐฯ และแนะนำให้นักลงทุนใช้จังหวะย่อตัวเพื่อกระจายการลงทุน อย่างไรก็ตาม ในส่วนของตราสารหนี้โลก โดยเฉพาะที่กระจุกตัวในสหรัฐฯ ยังคงเผชิญความผันผวนของ Yield จากความกังวลเงินเฟ้อ เราจึงแนะนำกองทุนที่มีกลยุทธ์ Absolute Return เช่น ES-ALPHABONDS เพื่อช่วยลดความผันผวนของพอร์ตลงทุน
ภาพรวมการลงทุนประจำเดือนเมษายน 2025 คาดว่าตลาดหุ้นโลกจะยังคงเผชิญกับความผันผวนในระดับสูงต่อไป โดยเฉพาะจากความไม่แน่นอนของสงครามการค้าที่ ปธน. ทรัมป์ ที่ประกาศใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้เพิ่มเติม รวมถึงการเจรจาสันติภาพรัสเซีย-ยูเครนที่ยังดำเนินอยู่ เรายังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นสหรัฐฯ ในระยะกลางถึงยาว ภายใต้สมมติฐานว่าท้ายที่สุดทรัมป์จะดำเนินนโยบายที่เอื้อประโยชน์ต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยไม่ทำให้เงินเฟ้อเร่งตัวรุนแรงจนควบคุมไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ในช่วงสถานการณ์ที่ยังมีความไม่แน่นอน แนะนำกระจายการลงทุนไปยังกลุ่ม Defensive เพื่อลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุน เช่น ES-HEALTHCARE , ES-GINFRA ขณะที่ในฝั่งของตราสารหนี้ยังเป็นสินทรัพย์ที่ช่วยกระจายการลงทุนเช่นกัน อย่างไรก็ตามหลัง bond yield ปรับตัวลงมาค่อนข้างเร็ว เราจึงแนะนำกองทุนที่มีกลยุทธ์ยืดหยุ่นและมี Credit Rating สูงอย่าง ES-GINCOME และ ES-ALPHABONDS รวมถึงแนะนำกระจายการลงทุนในทองคำที่อาจได้รับประโยชน์จากความผันผวนที่เกิดขึ้นอย่าง ES-GOLD
ที่มา: บลจ.อีสท์สปริง วันที่ 8 เม.ย. 2025
สำหรับลูกค้าที่ลงทุนใน Eastspring Dynamic Opportunities (ES-DO) สามารถดูพอร์ตการลงทุนได้ตามช่องทางนี้
ผ่านมือถือ/Tablet >> แอปฯ Finnomena ผ่านคอมพิวเตอร์ >> เว็บไซต์ Finnomena สำหรับลูกค้าที่สนใจลงทุนใน Eastspring Dynamic Opportunities (ES-DO) คลิกที่นี่เพื่อสร้างแผนการลงทุน
โปรดทราบ สำหรับลูกค้าฟินโนมีนาที่ลงทุนใน Finnomena Port และได้รับบทความนี้ แต่ยังไม่ได้รับอีเมลและ/หรือ Notificationในการแจ้งสัดส่วนเงินในการเข้าลงทุน อาจเกิดจาก
1) ท่านอยู่ระหว่างการทำรายการซื้อขายกองทุน ซึ่งทางฟินโนมีนาจะแจ้งเตือนอีกครั้งภายใน 1 สัปดาห์หลังจากการทำรายการซื้อขายเสร็จสิ้น 2) ท่านมีจำนวนเงินลงทุนต่ำกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่แนะนำ หมายเหตุ หากท่านไม่ประสงค์ที่จะรอรับการแจ้งเตือน ท่านสามารถดูรายละเอียดของพอร์ตการลงทุนที่แนะนำผ่านทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นของฟินโนมีนาพร้อมปรับพอร์ตเข้าลงทุนได้ทันที สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ LINE ID: @FINNOMENAPORT |
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน โดยสามารถขอข้อมูลจากผู้แนะนำก่อนการลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทหารไทย จำกัด หรือ บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT” | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299