ช่วงนี้ตลาดหุ้นพุ่งแรง SET ดีดขึ้นมา 30% จากจุดต่ำสุด ส่วน Dow Jones Futures ก็เพิ่งดีดตัวขึ้นมาอีก 500 จุด (ประมาณ 2%) ตอบสนองกับข่าวที่ Novavax บริษัทผลิตวัคซีนต้านไวรัสโคโรน่าเริ่มทดลองวัคซีนเฟสแรกกับคน คุณปิง ประกิต สิริวัฒนเกตุ ให้ข้อสังเกตว่าตอนนี้ตลาดมีสภาพคล่องสูงมาก พร้อมจะเล่นกับข่าวดีตลอดเวลา ถึงแม้ว่าจะเป็นข่าววัคซีนที่มีออกมาบ่อยก็ตาม
สถานการณ์ตอนนี้เราอยู่ในตลาดขาขึ้นแล้ว เริ่มตั้งแต่ช่วงปลายเมษา ตลาดมีสภาพคล่องพร้อมจะลงทุน เอื้อต่อการเก็งกำไร ถึงแม้ว่าพื้นฐานเศรษฐกิจจะไม่ดีเลยก็ตาม ซึ่งปรากฏการณ์นี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ตลาดโตได้โดยไม่สนเศรษฐกิจและไม่ต้องการเหตุผลใดๆ
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นขึ้นไปบางส่วนแล้ว มีนักลงทุนไม่น้อยที่ตกรถไปในรอบนี้ ซึ่งตอนนี้คนที่ตกรถก็อยู่ในสภาวะที่ถูกบีบคั้นให้ตัดสินใจ จะเข้าก็ไม่รู้ว่าสูงไปหรือยัง จะปล่อยก็อาจจะเสียโอกาส รายการ Expert Delivery วันนี้จะมาพูดคุยกับคุณปิง ในหัวข้อที่ว่า คนที่ตกรถไปแล้วควรทำอย่างไรต่อไป อ่านสรุป LIVE ได้ที่นี่ครับ

ก่อนอื่น ตลาดยังเป็นขาขึ้นอยู่หรือไม่?


เปรียบเทียบการเก็งกำไรฝั่งขาขึ้นเทียบกับฝั่งขาลงในตลาดหุ้นสหรัฐฯ

มาดูที่ตลาดสหรัฐฯ กราฟเส้นสีฟ้า คือกราฟที่นำ Position ของเทรดเดอร์ในฝั่ง Option ที่เก็งขาขึ้น (Buy Call + Sell Put) มาลบกับ Option ที่เก็งขาลง (Sell Call + Buy Put) จะเห็นว่าตอนนี้ตลาดกลับมาเก็งกำไรในขาขึ้นมากขึ้น ซึ่งก็สอดคล้องกับการที่ตลาดฟื้นตัวในช่วงที่ผ่านมา


เปรียบเทียบการเก็งกำไรฝั่งขาขึ้นในตลาดหุ้นไทย เทียบกับ SET

แต่กลับกันในบ้านเราจะประหลาดกว่า ยิ่งมีคนเก็งขาขึ้นมากเท่าไร ตลาดยิ่งลง พอกลับมาเก็งกำไรขาลง ตลาดยิ่งขึ้น จุดนี้แสดงให้เห็นว่าคนที่เล่นอยู่ในตลาดบ้านเราเป็นสายชอบดักทาง และจะเห็นว่าตลาดไม่ได้เป็นแบบนี้เฉพาะในตลาดช่วงนี้เท่านั้น กลับไปดู SET ย้อนหลัง 4 ปีเทียบกับปริมาณ Call-Put สัญญาณของ Option ในตลาดบ้านเราก็เล่นสวนทางกันมานานแล้ว ซึ่งก็สะท้อนให้เห็นชัดเจนแล้วว่ากลุ่มนักลงทุนในตลาดหุ้นไทยเป็นคนชอบดักจริงๆ


เปรียบเทียบการเก็งกำไรฝั่งขาขึ้นในตลาดหุ้นไทย เทียบกับ SET ย้อนหลัง 4 ปี

จากข้อมูลยืนยันดังกล่าว ทั้งทางด้านตลาดสหรัฐฯ และตลาดไทย ก็บอกได้ว่าตลาดยังมีแนวโน้มที่จะไปต่อในขาขึ้นอยู่ ทีนี้สำหรับคนที่ตกรถไปแล้ว จะทำใจอย่างไร คุณปิงมีคำปลอบใจมาฝากกัน 2 ข้อครับ

วิธีรักษาใจจากการตกรถ

คำแนะนำข้อที่ 1: ยอมรับความจริง

เรื่องมันผ่านไปแล้วให้มันผ่านไป เรื่องที่ควรจะคิดต่อจากนี้ คือ เราจะตัดสินใจอย่างไรต่อจากนี้ต่างหากที่สำคัญ เกมการลงทุนเป็นเกมที่เล่นกันยาวๆ ยังมีโอกาสแก้ตัวเสมอ

คำแนะนำข้อที่ 2: โฟกัสในหุ้นกลางหุ้นเล็ก

เมื่อยอมรับความจริงที่เราตกรถไปแล้ว ก็มาสู่ขั้นตอนการปรับกลยุทธ์ การลงทุนในตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ คุณปิงแนะนำให้หันมาโฟกัสที่หุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก โดยมีเหตุผลสนับสนุนหลายข้อด้วยกัน

1. เริ่มเห็นการลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก

จากภาพ เส้นสีทองคือสัดส่วนการลงทุนในหุ้นนอก SET100 (Non SET100) สีเทาเข้มคือสัดส่วนการลงทุนใน SET100 ส่วนสีเทาอ่อนคือสัดส่วนการลงทุนใน SET50 ถ้าลองไปดูกราฟในช่วงต้นปี 2010 ที่เพิ่งฟื้นจากวิกฤต ในช่วงที่ตลาดเริ่มเป็นขาขึ้นจะเห็นว่าการลงทุนใน SET100 และ Non SET100 จะเพิ่มขึ้น ในขณะที่การลงทุนใน SET50 ลดลง ซึ่งเหตุการณ์มันคล้ายๆ กับตอนนี้ ถึงแม้ว่าเราจะพลาดการขึ้นของหุ้นใหญ่ไปแล้ว แต่เรายังสามารถจับการขึ้นของหุ้นกลางหุ้นเล็กได้อยู่ ซึ่งก็ยังมีอยู่หลายตัวด้วยกัน

2. SET ยังไม่แพงมาก ยังมีพื้นที่ให้ฟื้น

จากกราฟจะนับวันที่ 23 Mar เป็นจุดต่ำสุด ตาม Circuit Breaker ครั้งสุดท้ายของตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะเห็นว่า SET เราลงไปต่ำสุด 35.2% และตอนนี้ฟื้นมาได้ 27.9% คิดเป็น 83% ซึ่งเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ก็ถือว่าไทยยังมีพื้นที่ให้ฟื้นตัวได้อยู่ ก็ถือว่าเป็นโอกาสสำหรับคนที่ตกรถในการเข้าไปลงทุนอีกครั้ง

3. หุ้น Non-SET50 เริ่มมีสัญญาณ Outperform 

กราฟนี้คือกราฟที่เอา SET หารด้วย SET50 ถ้าหากกราฟขึ้นก็แสดงว่า หุ้นใน SET ที่ไม่ใช่ SET50 ทำผลงานได้ดีนั่นเอง จะเห็นว่าตั้งแต่เดือนเมษายนจนถึงเดือนพฤษภาคม SET ทำผลงานได้ดีกว่า SET50 ซึ่งเป็นหุ้นขนาดใหญ่ แต่ถ้าหากตลาดเกิดเหตุการณ์ไม่ดีอีก ก็ต้องระวังว่าอาจจะเกิดเหตุการณ์แบบในช่วงเดือนมีนาคม ที่หุ้นนอก SET50 ก็จะร่วงหนักกว่าเช่นกัน

ย้อนดูข้อมูลย้อนหลังไกลกว่านั้นของกราฟ SET หารด้วย SET50 จะเห็นว่าตั้งแต่หลังวิกฤตปี 2008 หุ้น Non SET50 ทำผลงานได้ดีกว่ามาโดยตลอด เรียกว่าเป็นยุคทองของ VI ก็ได้ ส่วนในช่วง 2016 ถือว่าเป็นขาลงยาว 2 ปี พอมาถึงช่วงนี้ก็คล้ายๆ ว่ากราฟจะผงกหัวขึ้นอีกครั้ง สัญญาณครั้งนี้อาจจะเป็นโอกาสของหุ้นกลางและหุ้นเล็กอีกครั้งก็ได้

4. SET100 Outperform SET50 ชัดเจน

มาดูอีกข้อมูลสนับสนุน คราวนี้เป็นกราฟของ SET100 หารด้วย SET50 ข้อนี้จะเห็นว่าเกิดการ Outperform อย่างชัดเจนมาตั้งแต่เดือนเมษายน เพราะฉะนั้นถ้าอยากจะเข้าลงทุนตอนนี้ก็อาจจะโฟกัสที่หุ้นที่อยู่ใน SET100 แต่อยู่นอก SET50 ไปก่อน ส่วนหุ้นตัวไหนที่น่าสนใจ คุณปิงพูดถึงหุ้นหลายตัวไว้ใน LIVE อาจจะเอามาใส่ในสรุปได้ไม่หมด ท่านที่สนใจตามเข้าไปฟังกันใน LIVE ได้ครับ

ข้อควรระวัง

การเกาะไปกับรถหุ้นขนาดกลางและหุ้นขนาดเล็กช่วงนี้ เน้นลงทุนเป็นการ Trading ไปก่อน การเก็งกำไรระยะสั้นช่วนี้อาจจะไม่ต้องวิเคราะห์งบของบริษัทมากนัก เพราะบริษัทส่วนใหญ่ตัวเลขก็ไม่ดีอยู่แล้วเนื่องจากผลกระทบจากวิกฤต แต่เนื่องจากตลาดมีสภาพคล่องค่อนข้างสูง ตลาดมองหาการฟื้นตัวและเข้าตะครุบโอกาสในการลงทุนอยู่แล้ว การเก็งกำไรระยะสั้นจึงน่าสนใจ

การซื้อแล้วถือยาวในช่วงนี้อาจจะมองได้ แต่ต้องระมัดระวังว่าวิกฤตในปี 2008 กับในปีนี้ไม่เหมือนกัน ปีนี้เกิดผลกระทบรุนแรงขนาดที่ธนาคารกลางทั่วโลกต้องอัดฉีดเม็ดเงินกันไม่อั้นเลยทีเดียว ถ้าหากจะมองที่พื้นฐานจริงๆ ควรมองหาบริษัทที่ยังคงมี performance ที่ดี รักษาระดับกำไรได้ รักษาการจ่ายปันผลได้ แม้ในสภาวะที่พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปแล้ว และในสภาวะที่มีความไม่แน่นอน มีการเปิดๆ ปิดๆ เมืองที่คาดเดาไม่ได้แบบนี้

สรุป

ของจะถูกได้เมื่อมีคนตกใจขาย ในช่วงที่ผ่านมาใครซื้อหุ้นได้ที่ SET ระดับ 900-1,000 ยังไม่ต้องรีบขาย ส่วนใครที่ตกรถไปและอยากกลับเข้ามาลงทุน แนะนำลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก ที่ตอนนี้เกิดกระแสการเก็งกำไรจากสภาพคล่องในตลาดที่มีมาก อย่างไรก็ตามควรมีการกระจายเงินไว้ในไข่หลายใบด้วย

สุดท้ายท่านใดสนใจรายชื่อหุ้นที่คุณปิงแนะนำไว้ ตามไปฟังกันเต็มๆ ได้ใน LIVE ครับ

เขียนโดย TUM SUPHAKORN