วันที่ 6 สิงหาคม 2563 เป็นอีกวันประวัติศาสตร์ ราคาทองทำ All Time New High ที่ 2,060 เหรียญ สูงที่สุดตั้งแต่โลกให้ค่าหินสีทองนี้ขึ้นมา ทำให้คนที่ลงทุนในทองคำได้กำไรเบิกบานกันเป็นแถบ
ในช่วงที่ทองคำได้รับความสนใจแบบนี้ เลยอยากจะพูดถึงการลงทุนในทองคำซักหน่อย ว่ามีข้อดีอย่างไร ทำไมถึงเป็นที่นิยม แล้วถ้าเกิดเราเป็นมือใหม่อยากจะลงทุนในทองคำ ต้องทำยังไงบ้าง
นอกจากข้อดีของทองคำที่เห็นได้ชัดอย่างการ “เก็งกำไร” แล้ว การมีทองคำถือว่าเป็นการ “กระจายความเสี่ยง” การมีทองคำในสัดส่วนที่พอดีในพอร์ต จะช่วยลดความผันผวนให้พอร์ตของเราได้
ทองคำช่วยลดความผันผวนได้ยังไง? ปกติราคาทองจะมีความสัมพันธ์ในลักษณะไปทางเดียวกัน (Correlation) กับตลาดหุ้นค่อนข้างน้อย หรือบางครั้งจะขึ้นสวนทางกับตลาดหุ้นด้วยซ้ำไป ดังนั้นการที่เรามีทองคำไว้ในพอร์ตจะช่วยกระจายความเสี่ยงในพอร์ตที่มีหุ้นได้ ทำให้ผลตอบแทนของพอร์ตของเราเสถียรมากขึ้น ผันผวนน้อยลง ตอบโจทย์การจัดพอร์ตลงทุนในระยะยาว
Ray Dalio ผู้บริหาร Hedge Fund ที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็แนะนำนักลงทุนว่าควรมีทองคำไว้ในพอร์ต
ที่มา: Bloomberg
สาเหตุที่ทองคำมักไม่ได้เคลื่อนที่ไปตามตลาดหุ้น เพราะทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าในตัวเองอยู่แล้ว ทองคำอยู่ที่ไหนก็ยังเป็นทองคำ ไม่ว่าช่วงเวลาไหนทองก็ยังเป็นโลหะมีค่าที่คนต้องการ ทำให้ทองถูกเรียกว่าเป็น สินทรัพย์หลบภัย (Safe Haven)
สรุปข้อดีของทองคำคือ ใช้ปกป้องความเสี่ยงในพอร์ต และเพิ่มโอกาสในการเก็งกำไร ในช่วงที่ตลาดอื่นเป็นขาลงได้
คำถามถัดมา เรารู้แล้วว่าควรมีทองคำในพอร์ต แต่เราควรลงทุนทองคำในรูปแบบไหนดี?
ปัจจุบันการลงทุนแบบซื้อทองคำจริงๆ ก็ทำได้ง่ายผ่านทางออนไลน์ มีหลายเจ้าที่ให้บริการ เช่น ฮั่วเซ่งเฮง หรือ Ausiris แต่สำหรับคนที่ก็อยากจะลงทุนทองเฉยๆ ไม่ได้อยากได้เป็นทองคำจริงๆ การลงทุนผ่าน “กองทุนรวม” เป็นวิธีที่ง่าย และใช้เงินขั้นต่ำในการลงทุนน้อยมาก (บางกองแค่ 1 บาทก็ลงทุนได้แล้ว)
ข้อดีของการลงทุนทองคำผ่านกองทุนรวมคือ ซื้อขายได้ง่าย ทำบนออนไลน์ได้ทุกที่ และสามารถจัดเป็นพอร์ตรวมกับกองทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ ได้ ติดตามดูแลได้สะดวก ส่วนผลตอบแทนก็ได้เทียบเท่ากับการลงทุนเป็นทองคำจริงๆ ไม่ผิดเพี้ยนกัน
บางคนอาจจะกังวลว่ากองทุนรวมจะคิดค่าธรรมเนียมแพงรึเปล่า กองทุนทองส่วนใหญ่เป็นกอง Passive Fund (ลงทุนล้อตามดัชนี ในที่นี่คือล้อกับราคาทองคำโลก) ดังนั้นค่าธรรมเนียมจะไม่สูงเท่ากอง Active Fund จะอยู่ที่ประมาณ 1% ต่อปี ซึ่งในการลงทุนแบบซื้อทองคำจริงๆ ก็จะมีค่าพรีเมี่ยม ค่าบริการรวมอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นถือว่าได้เปรียบไม่ต่างกันมาก
ตัวอย่างค่าธรรมเนียมกองทุนทอง
ที่มา: finnomena.com/fund
นอกจากซื้อทองจริงๆ และซื้อผ่านกองทุนรวม ก็สามารถลงทุนทองผ่านตลาดฟิวเจอร์ด้วยเช่นกัน แต่กรณีนั้นจะมีความเสี่ยงสูงจากการใช้ Leverage ถ้าหากไม่มีเวลาดูแล ไม่มีการบริหารความเสี่ยงที่ดี ก็อาจจะล้างพอร์ตได้
พอตัดสินใจได้แล้วว่าจะใช้กองทุนรวมนี่แหละเป็นเครื่องมือในการลงทุนทอง ทีนี้กองทุนทองมีเป็นตั้ง ควรตัดสินใจเลือกกองไหนดี ก่อนอื่นต้องเข้าใจความเหมือนและความแตกต่างของกองทุนทองแต่ละกองก่อน
ความเหมือน
หากคุณคิดจะลงทุนเพิ่มในกองทุนรวม นี้คือสิ่งที่คุณไม่อยากพลาด! สมัครสมาชิกตอนนี้เพื่อรับโพยกองทุนเด็ดที่แนะนำ อัพเดททุกเดือนจาก FINNOMENA
กดที่นี่เพื่อรับโพยกองทุนกองทุนทองเป็นกอง Passive Fund ลงทุนล้อตามราคาทองโลก เพราะฉะนั้นต้องมีหลักทรัพย์ที่เอาไว้อ้างอิง เช่น หุ้นไทยลงตาม SET50 ส่วนหุ้นสหรัฐฯ ลงตาม S&P 500
สำหรับทองคำส่วนใหญ่จะลงทุนตาม SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกอง ETF ที่ใหญ่ที่สุดในโลก นโยบายของ กองนี้คือซื้อทองแท่งจริงๆ เก็บไว้ ดังนั้นราคาก็จะขึ้นลงไปตามราคาทองโลก เป็นจุดที่เหมือนกันของกองทุนทอง
ความแตกต่าง
จุดที่แต่ละกองทุนทองแตกต่างกันคือ นโยบายป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน แบ่งเป็นกองที่ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน (Hedge) และกองที่ไม่ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน (Unhedge)
เนื่องจากทองคำซื้อขายกันด้วยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เวลาแลกกลับมาเป็นเงินไทยจะต้องโดนอัตราแลกเปลี่ยนด้วย โดยถ้าช่วงนั้นเงินบาทอ่อน ราคาทองจะสูงขึ้น ถ้าช่วงนั้นเงินบาทแข็ง ราคาทองจะต่ำลง สำหรับกองทุนทองที่ Unhedge หรือไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงค่าเงินไว้ ก็จะได้รับผลกระทบตรงนี้ มากกว่ากองที่ Hedge ไว้
ลองเปรียบเทียบกองที่ Hedge กับ Unhedge ในช่วงที่ผ่านมากัน
เปรียบเทียบผลตอบแทนระหว่าง SCBGOLD และ SCBGOLDH
ที่มา: finnomena.com/fund
จะสังเกตว่ากอง SCBGOLD (Unhedge) ทำผลตอบแทนได้สูงกว่า SCBGOLDH (Hedge) อยู่นิดหน่อย เพราะว่าช่วงที่ผ่านมาเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้กองทุนที่ไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงค่าเงินได้รับผลประโยชน์ตรงนี้ ซึ่งกอง SCBGOLD ก็เป็นกองที่ FINNOMENA แนะนำและถืออยู่ในโมเดลพอร์ตต่างๆ ในตอนนี้ด้วย
สรุปการเลือกกองทุนทองคำ ถ้าหากเราคาดการณ์ว่าเงินบาทจะอ่อนค่าลงในอนาคต เลือกกองทุน Unhedge จะให้ผลตอบแทนสูงกว่า และถ้าหากว่าเราเป็นนักลงทุนที่ไม่ต้องการรับความเสี่ยงจากค่าเงินตรงนี้ เลือกกองทุนแบบ Hedge จะดีกว่า อุ่นใจกว่า
ราคาทองช่วงที่ผ่านมาขึ้นมาแรงมาก ทำให้ราคากองทุนทองขึ้นตาม ในเมื่อมันขึ้นมาสูงขนาดนี้ ตอนนี้ควรจะลงทุนในทองคำอยู่รึเปล่า
อ้างอิงจาก FINNOMENA Live วันที่ 13 สิงหาคม 2563 คุณเจ็ท FundTalk และคุณแบงค์ Mr.Messenger แนะนำว่า สำหรับนักลงทุนที่ยังไม่เคยมีทองคำในพอร์ตเลย สามารถลงทุนทองได้ทันทีในสัดส่วนไม่มาก เช่น 5% ของพอร์ต ใช้เป็นการกระจายความเสี่ยงในพอร์ต ส่วนนักลงทุนที่มีทองคำในพอร์ตอยู่แล้ว แนะนำให้รอดูสถานการณ์ก่อนตัดสินใจ เพราะทิศทางราคาทองคำตอนนี้ยังไม่แน่นอน
ซึ่งข่าวสารเกี่ยวกับทองคำก็สามารถติดตามได้ทางเว็บไซต์ FINNOMENA, Facebook Page หรือ LINE โดยจะมีทีมคอยอัปเดตตลาดให้นักลงทุนทราบอยู่ตลอดเวลา
เขียนโดย TUM SUPHAKORN
คำเตือน
ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลสำคัญของกองทุนโดยเฉพาะนโยบายกองทุน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานของกองทุน โดยสามารถขอข้อมูลจากผู้แนะนำก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”
หากคุณคิดจะลงทุนเพิ่มในกองทุนรวม นี้คือสิ่งที่คุณไม่อยากพลาด! สมัครสมาชิกตอนนี้เพื่อรับโพยกองทุนเด็ดที่แนะนำ อัพเดททุกเดือนจาก FINNOMENA
กดที่นี่เพื่อรับโพยกองทุนArticle, Basic, gold, Knowledge, Picture Slide, Short Content
สมาชิกทีม Content Developer ของ FINNOMENA สนใจเรื่องจิตวิทยา ว่าทำไมคนถึงตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง รวมถึงการตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องเงิน