บทเรียน หุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) กับดัก VI หา Turnaround

หลายท่านที่เข้ามาสู่ตลาดหุ้น มักบอกว่าเป็น VI แต่สักพักก็ติดใจหุ้นซิ่งวิ่งแรง ซึ่งช่วงปลายปีที่ผ่านมาคงจะหนีไม่พ้นกลุ่มหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ ไม่ว่าจะสินค้าเกษตร ยาง หรือพลังงานถ่านหิน รวมไปถึง Cyclical ตัวอื่นๆ ที่มักมาพร้อมๆกัน เช่น หุ้นเดินเรือ ที่ทำให้บางท่านติดดอยอยู่ถึงทุกวันนี้ ซึ่งก็เคยเตือนไปแล้วว่ามันจะเป็นเพียงรอบสั้นๆ หลอกก่อนครั้งหนึ่ง

เสียแต่อย่างเดียวครับ หุ้นยอดนิยม เหล่านี้เป็นหุ้นปราบเซียน พลิกชีวิตคน มานักต่อนัก ไม่ว่าจะใช้ทฤษฏี margin of safety เข้าช่วย หรือเน้นประเมินราคาว่า undervalued แล้วถือทน ก็ล้วนไม่ง่าย แต่ก็มีบ้างที่กำไรเป็นกอบเป็นกำ เพราะเวลารอบจริงมันมา มันรอบใหญ่จริงๆ กระโดดขึ้นรถกันได้ทัน แต่เวลามันทำจุดต่ำสุดนั้นก็แทบจะขาดใจชนิดที่ว่าฆ่ากันให้ตายเถอะ

หลายท่านชอบดูอัตรากำไร หรือสัดส่วนทางการเงินมากมาย คำถามง่ายๆคือ ท่านเดาทางราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ออกหรือไม่? เพราะมันมีผลมากกว่า และเดายาก เหลือเกินครับ ถ้าท่านคาดการณ์ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ไม่ออก แต่ซื้อเพราะเชื่อว่าบริษัทมีอัตรากำไรที่ดี

ขอเล่า 5 ปัจจัยชวนปวดหัวที่ท่านควรรู้ติดตัวไว้ก่อนเล่นหุ้นจำพวกนี้

1. ครั้งหนึ่งผมได้มีโอกาสคุยกับผู้จัดการกองทุนของ บลจ. ระดับโลกจากอเมริกา ปรากฏว่ากองทุนเขาไม่มีหุ้นคอมโม เลยสักตัว ก็เลยถามกันไปว่า ทำไมไม่ซื้อเลยล่ะ …. คำตอบที่ได้ชัดมาก เขาสร้างพอร์ต เน้นหุ้นดีมีกำไร แต่หุ้นคอมโมนั้นไม่เข้าข่าย เพราะไม่ว่าจะดีแค่ไหน สุดท้าย ราคาจะวิ่งตาม Underlying ของสินค้าโภคภัณฑ์นั้นๆ ณ วินาทีนั้น ก็ถึงบางอ้อกันหมด ก็จริงว่ากำไรสุดท้ายก็เป็นแค่ส่วนเล็กส่วนน้อยเทียบกับ movement ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์

2. ถ้าสังเกตกันดีๆ หุ้นน้ำมันก็วิ่งตามราคาน้ำมันโลก ในขณะธุรกิจที่เล็กลงมาหน่อย ก็ต้องดูราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ที่จุดขาย สินค้าอื่นๆ เช่น ถ่านหิน ของบ้านปู ให้ดู ที่นิวคาสเซิล เหล็ก หลายๆแห่งโดยเฉพาะเจ้ายักษ์ใหญ่ ดูที่ท่าเรือเทียนจินของจีน ก็เป็นไปตามการวิเคราะห์ทั่วๆไป ว่าราคาขายจะเป็นเท่าไหร่

3. ถ้าท่านคิดถูกว่ามันจะวิ่งทางใด บริษัทพวกนี้มีการส่งออกนำเข้า ต้องคิดต่อเรื่อง “ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน” และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Forward) อีกทั้งยังมีเรื่องสต็อคสินค้า ที่ต้องกังวลว่าเกิด Stock loss หรือไม่ ซึ่งจะส่งผลต่องบกำไรขาดทุนในไตรมาส ที่เกิดเหตุ เช่น บริษัท น้ำมัน เจ้าหนึ่ง (ไม่เอยนามนะครับ แต่เล่าไปจะคุ้นๆ) บอกว่าถ้าน้ำมันลงถึง 45 จะเลิกขุด แต่พอราคาน้ำมันลงมาต่ำ กลับทำสัญญา Forward ล็อคราคาเอาไว้ ทำให้พอน้ำมันขึ้นไป ผลกำไรก็ไม่ได้ดีตาม !!?

4. ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในไทย จะ lag กับต่างประเทศในระดับหนึ่งแล้วแต่ตัว ทำให้เล่นยากมาก อย่างกรณีน้ำตาลนี้ เรียกว่าน้ำตาลโลกเค้าขึ้นไปถึงไหนแล้ว บ้านเรามาวิ่งกันเล่นงบไตรมาสเดียว มันก็ตลกๆ ครับ

5. เรื่องที่เลวร้ายที่สุดในตลาดไทย คือ หุ้นคอมโม หลายตัว นั้นมีข้อมูลรั่วไหล มีการทำราคา อย่างเห็นได้ชัดเจน ก็ต้องระวังกันให้ดีครับ

ท้ายที่สุดนี้อยากทิ้งเอาไว้ ว่า โดยเฉพาะกลุ่ม Commo ให้ยึดบน Demand & Supply ที่คนต้องการซื้อ หรือขายจริงๆเป็นหลักครับ แล้วค่อยดู 5 ข้อนี้ แต่ถ้าใครว่าง ลองศึกษา Fed Fund Rate เทคโนโลยีใหม่ๆทางการเกษตร การขุดเจาะน้ำมัน พลังงานทางเลือกและผลกระทบของราคาน้ำมันต่อสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกดูครับ จับมายำรวมกันจะเห็นทิศทาง Commo มากขึ้น

มีโอกาสจะเล่าเพิ่มในรายละเอียดสินค้าโภคภัณฑ์แต่ละตัวครับ

BottomLiner


ติดตาม BottomLiner ทาง Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/bottomliner/
หรือติดตาม BottomLiner ทาง line คลิ๊ก https://line.me/R/ti/p/%40bottomliner
หรือกดเพิ่มเพื่อน ค้นหา id แล้วพิมพ์ @bottomliner (ใส่ @ ด้วยครับ)