จับเทรนด์ลงทุนรถยนต์อัจฉริยะกับธุรกิจ LiDAR Sensor

“เทคโนโลยี Lidar อาจเป็นตัวกำหนดผู้ชนะของธุรกิจรถยนต์ไร้คนขับ และหุ้นกลุ่มนี้พุ่งทะยานตั้งแต่ต้นปี 2021”

ทุกวันนี้นักลงทุนคงเห็นเทรนด์การลงทุนที่มาแรงในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไร้คนขับ หรือ Autonomous vehicle ที่ทำให้หุ้นอย่าง Tesla ปรับตัวขึ้นเกือบ 700% ในปี 2020

ชิ้นส่วนที่จำเป็นในรถยนต์เหล่านี้คือ LiDAR sensors (แต่ Tesla ยังใช้ระบบกล้องและประมวลผลด้วย AI เป็นหลัก) ซึ่งกระแสของหุ้น LiDAR ก็เริ่มมีให้เห็นตั้งแต่ช่วงปลายปี 2020 และหุ้นกลุ่มนี้ก็ปรับตัวขึ้นแรงหลัง Apple ประกาศว่าสนใจจะมาลงเล่นในตลาดรถยนต์ไร้คนขับด้วยเช่นกัน

ว่าแต่ LiDAR คืออะไร ?

Hangzhou Hikvision หนึ่งจิ๊กซอว์สำคัญในยุคของ 5G ที่สหรัฐยังต้องแบน

LiDAR ย่อมาจาก Light Detection And Raging สรุปเป็นภาษาไทยง่าย ๆ คือ อุปกรณ์ที่ใช้แสงเพื่อตรวจจับและคาดคะเนระยะทางของวัตถุ ซึ่งถูกนำไปใช้โดยรถยนต์ไร้คนขับ และหุ่นยนต์เพื่อตรวจจับวัตถุในโลกจริงเพื่อสร้างโลกเสมือน 3 มิติ ขึ้นในระบบเคลื่อนที่นำทาง (รูปคือตัวอย่าง) ซึ่งการทำงานของมันคือการปล่อยลำแสงเลเซอร์ออกไปแล้วตรวจจับระยะเวลาที่แสงนั้นส่งกลับมาที่เซนเซอร์ หลักการจะคล้ายโซน่าร์ที่ใช้หาปลาแต่เคสนั้นคือการใช้คลื่นเสียงไม่ใช่ใช้ลำแสง จากการประเมินเบื้องต้นในปี 2019 ตลาด LiDAR มีขนาดประมาณ 45,000 ล้านบาท และจะขึ้นไปแตะกว่า 1.1 แสนล้านบาท ในปี 2025 คิดเป็นการเติบโตประมาณ 15% ต่อปี

แต่ถ้าพิจารณาแค่ตลาด LiDAR ในส่วนของรถยนต์นั้นจะเติบโตสูงกว่านั้นมาก จากที่น้อยกว่า 6,000 ล้านบาท ในปี 2019 จะเติบโตขึ้นไปถึง 5 หมื่นล้านบาทในปี 2025 หรือเกือบ 43% / ปี !! เพราะได้อานิสงส์จาก ตลาด Advanced Driver-Assistance Systems หรือ ADAS กลุ่มรถยนต์ไร้คนขับ และการพัฒนาต่าง ๆ ของเทคโนโลยี LiDAR แบบใหม่ ๆ ที่จะเพิ่มเข้ามา

เรื่องการลงทุนในกลุ่ม LiDAR ก็มีหลายบริษัทให้นักลงทุนได้ศึกษา แต่ถ้าเจาะลึกเฉพาะบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นที่มีธุรกิจเกี่ยวข้องกับ LiDAR ในรถยนต์อัจฉริยะจะเหลือหุ้นไม่มาก เช่น

1. Velodyne LiDAR (NASDAQ: VLDR) เป็นบริษัท First Mover ในตลาด LiDAR ไม่ใช่แค่นำไปใช้ในกลุ่มรถอัจฉริยะ แต่รวมถึงพวกหุ่นยนต์และโดรนอีกด้วย

2. Luminar Technologies (NASDAQ: LAZR) ผู้มาช้ากว่าแต่ยังมานะ ผู้เล่นอันดับสอง เมื่อรวมกับ Velodyne แล้ว 2 บริษัทนี้ สร้างสถานะ duopoly คือ มีผู้เล่นหลักในธุรกิจนี้อยู่แค่ 2 คน ในตลาดสหรัฐอเมริกา

3. Valeo (EPA: FR) ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์จากฝรั่งเศส ซึ่งบริษัทนี้เป็นบริษัทเดียวที่เคยผลิตชิ้นส่วนยานยนต์แบบเดิมๆ แต่มาหันมาขยายกำลังการผลิต LiDAR sensors เพื่อจับตลาดใหญ่ โดยตั้งเป้าว่าจะผลิตให้ได้ 1 พันล้านเซนเซอร์ในอีก 5 ปีข้างหน้า

4. Veoneer (NYSE: VNE) บริษัทสัญชาติสวีเดน ผู้ผลิตและการนำ LiDAR sensors ไปใช้จริงในรถยนต์ บริษัทนี้เป็นพันธมิตรกับ Velodyne เป็นหลักในเรื่องของ LiDAR แต่ช่วงหลังก็มีการพัฒนา LiDAR แบบ short-range ที่ร่วมมือกับ Qualcomm ด้วย

5. ON Semiconductor (NASDAQ: ON) ผู้ทำ Intelligent sensing solution สำหรับยานยนต์แบบดั้งเดิม และธุรกิจเทคโนโลยี image sensor, radar และ LiDAR โดยที่ร่วมมือกับบริษัท SOS LAB Startup จากประเทศเกาหลี เพื่อเป็นตัวเร่งในการพัฒนาเทคโนโลยี LiDAR ต่อ ๆ ไปในตลาดยานยนต์อนาคต เมื่อตลาดนี้ร้อนแรงก็ทำให้มีผู้เล่น LiDAR รายอื่นๆที่ยังอยู่นอกตลาดหุ้น ก็ต้องการเข้ามาระดมทุนเพิ่มด้วยเช่นกัน โดยใช้ทางลัดผ่าน a special-purpose acquisition company (SPACs) เพื่อความรวดเร็วในการ IPO filing

6. Innoviz ควบรวมกับ Business Combination with Collective Growth Corporation (CGRO) เปลี่ยน ticker เป็น INVZ บริษัทจากอิสราเอล เน้นพัฒนา LiDAR ที่มีประสิทธิภาพสูงแบบ solid-state LiDAR sensors และ software ประมวลผลการรับรู้เพื่อใช้ใน Autonomous Vehicle

7. Aeva ควบรวมกับ SPACs InterPrivate Acquisition Corp (IPV) ticker ใหม่คือ AEVA น่าจับตาตรงที่มาพร้อมการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่น่าจับตา คือ 4D LiDAR ซึ่งสร้างบนพื้นฐานเทคโนโยลี frequency-modulated continuous wave technology จับระยะได้มากกว่า 300 เมตร บริษัทบอกว่าเป็น LiDAR แรกที่สร้างมาเพื่อ autonomous โดยเฉพาะ

8. Ouster ควบรวมกับ SPACs Colonnade Acquisition (CLA) และเปลี่ยน ticker เป็น OUST สร้างเทคโนโลยี Digital LiDAR ซึ่งทางบริษัทบอกว่าจะดิสรัป analog solution ทั้งหมดในตลาดตอนนี้ด้วยประสิทธิภาพที่ดีกว่า และราคาที่ย่อมเยากว่า หากใครสนใจหุ้นในกลุ่มนี้ก็ลองไปทำการบ้านกันเพิ่มเติมดูก่อนตัดสินใจลงทุนนะครับ

BottomLiner