เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ "THACO" บริษัทรถยนต์ที่ครองตลาดเป็นอันดับหนึ่งของเวียดนาม

คุณรู้ไหมว่าที่เวียดนามมีบริษัทรถยนต์ของตัวเอง มียี่ห้อที่คนเวียดนามทั่วไปรู้จัก แถมบริษัทรถยนต์นี้ยังครองตลาดเป็นอันดับหนึ่งของเวียดนาม ทั้งตลาดรถเก๋ง รถบัส และรถ Truck นอกจากผลิตและประกอบ รถยนต์แล้ว บริษัทนี้ยังนำเข้า ส่งออก จัดจำหน่าย และให้บริการซ่อมบำรุงอีกด้วย เรียกได้ว่าครบวงจรเลยทีเดียว บริษัทที่ว่านี้คือ Truong Hai Auto Corporation หรือที่คนเวียดนามเรียกกันทั่วไปว่า THACO

THACO เป็นบริษัทที่มีความน่าสนใจมากอยู่หลายประการเริ่มจากการที่เป็นบริษัทเอกชนมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง เป็นที่รู้กันดีว่าประเทศเวียดนามเป็นประเทศสังคมนิยม บริษัทส่วนใหญ่เป็นของรัฐ การที่บริษัทเอกชนจะกลายมาเป็นเจ้าตลาดโดยเฉพาะเจ้าตลาดในอุตสาหกรรมนำร่องของประเทศอย่างอุตสาหกรรมรถยนต์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย

THACO นั้นเป็นบริษัทนอกตลาดที่มีข่าวลืออยู่ทุกปีว่ากำลังจะเข้าตลาด แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ได้ list ซักที แม้กระนั้นหุ้น THACO ก็เป็นหุ้นที่มีการซื้อขายกันนอกตลาดเกือบทุกวันผ่าน OTC (over-the-counter) market* เนื่องจากบริษัท และ Brand เป็นที่ยอมรับและรู้จักกันทั่วเวียดนาม ผลประกอบการก็เป็นที่น่าพอใจของนักลงทุนแถมยังมีการจ่ายปันผลสม่ำเสมอ

ผู้ก่อตั้งและเจ้าของ THACO เอง ชื่อคุณ Tran Ba Duong ได้รับการรับเลือกให้เป็นหนึ่งใน 5 นักธุรกิจผู้มีอิทธิพลที่สุดของเวียดนามในปลายปีที่แล้ว (4 รายที่เหลือคือเจ้าของและผู้ก่อตั้ง Vincom Group, Masan, Vietjet และ Hao Phat Group; THACO เป็นบริษัทเดียวในลิสต์ที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์) และเป็นหนึ่งในสิบบุคคลที่รวยที่สุดในเวียดนาม หากหุ้นTHACO เข้าlistในตลาด Mr. Duong จะกลายเป็นผู้ที่ร่ำรวยที่สุดหนึ่งในสามของเวียดนามเคียงข้าง Mr. Pham Nhat Vuong แห่ง Vincom Group และ Mr. Trinh Van Quyet แห่ง ROS และ FLC อันเลื่องชื่อ (ติดตามอ่านเรื่อง ROS & FLC ได้ที่ Why Vietnam? Part 2) ส่วนบริษัท THACO เอง ณ ขณะนี้ก็เป็นบริษัทจำกัดที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม

เกริ่นมาถึงตรงนี้คงอยากรู้เรื่องบริษัทนี้กันแล้วว่ามีที่มาที่ไปยังไง จุดกำเนิดของ THACO นั้นก็เริ่มมาจากบริษัทนำเข้ารถมือสองและเอามาซ่อมเพื่อขายต่อ จากอู่ซ่อมและขายรถหนึ่งอู่ตั้งขึ้นในปี 1997 ในโฮจิมินห์ซิตี้มาเป็นบริษัทที่ครองส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดในประเทศภายในช่วงเวลา 20ปี นั่นหมายถึงช่วงชีวิตคนๆเดียว ปัจจุบัน THACO เป็นผู้ผลิต นำเข้า ส่งออก จัดจำหน่าย และซ่อมบำรุงรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในเวียดนามมีแหล่งผลิตอยู่ที่จังหวัด Quang Nam (ตั้งอยู่ใจกลางประเทศ) และ Dong Nai (ห่างจากโฮจิมินห์ซิตี้ไปประมาณหนึ่งชั่วโมง) Mr. Duong เริ่มธุรกิจที่ Dong Nai ก่อน ในปี 1997 ธุรกิจเติบโตจากการเป็นผู้นำเข้า ซ่อมและขายรถมือสองจนกลายมาเป็นเป็นผู้ผลิตและประกอบรถยนต์เมื่อปี 2001 โดยเริ่มแรกได้สร้างศูนย์การผลิตและประกอบรถtruck ยี่ห้อ Kia ที่ Dong Nai ในนิคมอุตสาหกรรม Bien Bien ด้วยกำลังการผลิต 5,000คันต่อปี ต่อมาทางจังหวัด Quang Nam (เมื่อครั้งสงครามเวียดนาม จังหวัด Quang Nam ถือว่าเป็นหนึ่งในศูนย์กลางของสงครามเลยทีเดียว เมื่อสิ้นสุดสงครามจังหวัดก็ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคมเนื่องจากขาดแคลนทุนทรัพย์ที่จะมาบูรณะระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานประกอบกับ มีคนว่างงานเป็นจำนวนมาก) ได้เชิญให้ THACO มาตั้งโรงงานและศูนย์การผลิตรถยนต์ที่ Quang Nam โดยแลกกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีและการใช้ที่ดิน (Land Use Rights) มากมาย ที่เป็นเช่นนั้นเพราะทางการ Quang Nam เห็นถึงประโยชน์ที่ THACO จะนำมาให้กับประชาชนในท้องถิ่นและเศรษฐกิจของจังหวัดนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นการสร้างงาน การถ่ายทอดเทคโนโลยี และ การสนับสนุนเศรษฐกิจของจังหวัดในรูปแบบการจ่ายภาษีจากธุรกิจที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดของบริษัท ซึ่งจะพัฒนาและส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของจังหวัด Quang Nam ไปได้อีกมาก

หลังจาก THACO เข้าไปสร้างงานที่ Quang Nam เป็นเวลา15 ปี ปัจจุบัน THACO มีโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ 12 โรงงานและประกอบรถยนต์อีก 5 โรงงาน (รองรับกำลังการผลิตได้ 349,980 คันต่อปี) นอกจากนี้ยังมีธุรกิจอื่นๆใน Quang Nam คือท่าเรือ โลจิสติก วิทยาลัยอาชีวะศึกษาในชื่อ Truong Hai Vocational College

ยอดขายรถของ THACO จากปี 1997 – 2017 (คัน) ที่มา: THACO

อาณาจักรของ THACO นั้นยังรวมธุรกิจจัดจำหน่ายรถยนต์ car dealershipและซ่อมบำรุงในโฮจิมินห์และทั่วประเทศ โดยบริษัทเป็นตัวแทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวของ Kia, Mazda, Peugeot, BMW และ Mini ทั้งนี้ THACO มีแผนเพิ่มกำลังการผลิตโดยใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 1.3พันล้านเหรียญเพื่อสร้างศูนย์ผลิตและประกอบรถยนต์ Mazda ที่จะเริ่มการผลิตไปในเดือนเมษายนปีนี้ และศูนย์ผลิตและประกอบรถtruck และรถbus ยี่ห้อ THACO รวมกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็นปีละ 349,980 คัน คิดเป็นอัตราเพิ่มถึงเกือบ 150% และนอกเหนือจากธุรกิจรถยนต์ THACO ยังได้เริ่มสร้างโรงงานเพื่อผลิตเครื่องจักรกลเพื่อการเกษตรเพื่อจัดจำหน่ายในประเทศและส่งออก โดยได้ร่วมมือกับบริษัทข้ามชาติสัญชาติเกาหลีชื่อ LS Mtron

รายได้และกำไรของ THACO จากปี 2007 – 2016 ที่มา: Fiinpro

ในปลายปี 2016 THACO ทำเซอร์ไพรส์ให้ตลาดอีกรอบโดยได้ประกาศซื้อบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่นอกตลาดชื่อ Dai Quang Minh (DQM) DQM เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่พัฒนาที่ดินบริเวณ Thu Thiem, District 2 ใน HCMC ซึ่งเป็นบริเวณที่รัฐบาลกำหนดให้เป็นศูนย์กลางทางการเงินและการค้าของโฮจิมินห์ในอนาคต DQM แม้จะเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ท้องถิ่นแต่ผลประกอบการและกำไรนั้นมีผลสำคัญที่ช่วยดึงผลประกอบการของ THACO ในปี 2017 ให้มีกำไรไม่เปลี่ยนแปลงไปจากปีก่อนๆมากทั้งๆที่ปี 2017 เป็นปีที่ค่อนข้างยากลำบากสำหรับ THACO จากการแข่งขันที่สูงในตลาดรถยนต์จากการที่ผู้ผลิตต่างชาติเช่น Toyota Ford Honda รุกเข้าตลาดและใช้กลยุทธ์ด้านราคาและการตลาดเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งตลาด ในขณะเดียวกันผู้ซื้อรถก็ชะลอการซื้อเนื่องจากหวังว่าในปี 2018 เมื่อภาษีนำเข้ารถจากประเทศในอาเซียนลดลงเหลือ 0%จะส่งผลให้ราคารถลดลง ปี 2017 จำนวนรถที่ขายในเวียดนามลดลงถึง 10% จากปีก่อน คิดเป็น 272,750 คัน จาก 303,056 คันในปี 2016

จากยอดขายที่ลดลงและการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นทำให้หุ้น THACO ที่ซื้อขายกันในตลาด OTC ร่วงหนักจาก 180,000VND ต้นปี 2017 ลงไปต่ำสุดที่ 130,000VND ในไตรมาสที่ 3 ของปีที่แล้ว เหตุเพราะนักลงทุนเชื่อว่า THACO ได้ถูกโค่นโดยผู้ผลิตยักษ์ใหญ่เช่น Toyota Honda ซะแล้ว หารู้ไม่ว่า THACO มีไม้เด็ดๆ ซ่อนอยู่อีกมาก ท่ามกลางการแข่งขันที่เข้มข้น และการลดภาษีนำเข้ารถ CBUs ลงเป็น 0% ซึ่งจะสร้างความได้เปรียบแก่ผู้นำเข้ารถยนต์ ผู้ผลิตต่างชาติรายใหญ่ และโรงงานผลิตและธุรกิจข้างเคียงในประเทศอาเซียน เช่น ไทยและอินโดนีเซียเป็นอย่างมาก ดูเหมือนว่าบริษัทกำลังจะตกอยู่ในที่นั่งลำบาก แต่ทั้งๆที่รู้ว่าคู่แข่งรุกหนัก THACO ยังประกาศขยายกำลังการผลิตเกือบ 3 เท่า คิดเป็นเกือบ 1.3 เท่าของยอดขายรถทั้งประเทศในปีนั้น (2016) ถ้าไม่คิดว่าจะขายได้และจะทำกำไร จะวางแผนขยายกำลังการผลิตทำไม?

ในความเป็นจริงแล้วทางบริษัทให้สัมภาษณ์ตลอดปี 2017 ว่า THACO มั่นใจว่าในที่สุดแล้วรัฐบาลจะออกกฏหมายเพื่อโอบอุ้มอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศ และแล้วในที่สุด ในเดือนกันยายน 2017 รัฐบาลก็ออก Decree 116 ซึ่งเป็นมาตรการกีดกันทางการค้าแบบการใช้กฏระเบียบที่เข้มข้นเพื่อให้การนำเข้ารถยนต์มีขั้นตอนเพิ่มและยากขึ้นทั้งยังมีค่าใช้จ่ายสูงทำให้ไม่คุ้มกับการทำธุรกิจ ซึ่งได้สร้างผลกระทบให้ผู้นำเข้ารถยนต์รายใหญ่เช่น Toyota Ford Honda เป็นอันมาก และต่อมาในเดือนพฤษจิกายนทาง รัฐบาลก็ได้ออก Decree 125 ซึ่งได้ลดภาษีนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์เหลือ 0% ถือเป็นการช่วยเหลืออุตสาหกรรมรถยนต์ภายในประเทศเนื่องจาก localization rate ของอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศยังอยู่ในระดับต่ำ 20-40% เท่านั้น บริษัทผลิตรถยนต์ในประเทศจะนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์ส่วนใหญ่มาจากต่างประเทศ การลดกำแพงภาษีเหลือศูนย์จึงช่วยลดต้นทุนให้ผู้ผลิตในประเทศเพื่อให้สามารถแข่งขันได้กับผู้นำเข้ารถ CBUs อย่างเท่าเทียมกัน (สามารถหาอ่านรายละเอียดได้ในบทความ “อุตสาหกรรมรถยนต์เวียดนาม” เจาะลึกเรื่องที่คุณยังไม่รู้)

ยิ่งไปกว่านั้น THACO ยังมีไม้เด็ด คือหลังจากประกาศออกมาทั้งสองฉบับไม่ถึงหนึ่งเดือน บริษัทก็ประกาศเพิ่มทุนจาก retain earning โดยเเจกหุ้นใหม่ให้ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตรา 1:3 นั่นหมายความว่าหากคุณมีหุ้น THACO อยู่ 1,000หุ้น คุณจะได้หุ้นเพิ่มอีก 3,000 หุ้น การออกหุ้นเพิ่มทุนในคราวนี้ส่งผลให้ราคาหุ้นของ THACO พุ่งกระฉูดในตลาด OTC หากคุณซื้อ THACO ในช่วงที่ราคาลงมาตำ่สุดที่ VND130,000 คุณจะมีกำไร 88% ณ วันที่ออกบทความ ราคาหุ้น THACO ซื้อขายกันที่ตลาด OTC ที่ราคา VND61,000 อันนี้ไม่น่าเป็นความบังเอิญที่ทุกอย่างเกิดขึ้นใน timeline ที่สุดแสนจะเพอร์เฟค และยังมีข่าวลือตามมาอีกระลอกว่า THACO อาจจะlist ในตลาดHOSE ในปีนี้

แน่นอนในที่สุดมหากาฬ THACO ก็ยังคงดำเนินต่อไป และยังจะเป็นที่น่าจับตามองของทุกๆฝ่ายเนื่องจากอัตราของการเป็นเจ้าของรถของคนเวียดนามยังอยู่ในขั้นต่ำ คือ 16 คันต่อประชากร 1,000 คนในปี 2016 เมื่อเทียบกับอินโดนีเซียที่มี 55 คันต่อประชากร 1,000คน ไทยที่ 196 คันและมาเลเซียที่ 341 คันในปีเดียวกัน ถือว่ายังมีทางโตอีกมากสำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ของเวียดนาม อันเป็นผลมาจากการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนาม การที่จำนวนคนชนชั้นกลางเพิ่มขึ้นในอัตราเร่ง และอำนาจการจับจ่ายใช้สอยของประชากรที่เพิ่มขึ้นตามสภาพเศรษฐกิจ โดยมีการคาดการณ์จาก BMI Research ว่าในช่วงปี 2018 – 2020 อุตสาหกรรมรถยนต์ของเวียดนามโดยรวมจะโตด้วย CAGR ที่ +25% ในขณะที่ไทยจะมี CAGR ที่ +9% อินโดนีเซีย +6% และมาเลเซีย +3% น่าจะเป็นที่สาเหตุนี้ที่ทำให้ประธานาธิบดีอินโดนีเซียออกมาแสดงความกังวลถึงผลกระทบที่จะเกิดกับการค้าระหว่างประเทศทั้งสองและกังวลว่าจะเกิดสงครามทางการค้าระหว่างประเทศในอาเซียน ที่เกิดจากมาตรการกีดกันทางการค้าที่รัฐบาลเวียดนามออกมา

ผลประโยชน์ก้อนใหญ่คงไม่มีใครอยากเสียไป ต้องรอดูกันต่อไปว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไปในอนาคต แต่ที่แน่ๆ THACO คงสู้ไม่ถอย ศึกครั้งนี้ถือเป็นการพิสูจน์ความสามารถของผู้บริหารว่าจะรักษาตำแหน่งเจ้าตลาดในบ้านตัวเองได้อย่างไร เราก็มานั่งลุ้นข้างขอบสนามกันค่ะ

*OTC Market: ที่เวียดนามนอกจากตลาดหุ้นทั้งสามตลาดแล้ว (HOSE, HNX, Upcom) ยังมีตลาด OTC ซึ่งเกิดจากการที่บริษัทในเวียดนามมีระยะเวลาระหว่าง IPO และ Listing ที่ยาวนานบางบริษัทเป็นปีๆ ผู้ที่ถือหุ้น IPO ก็นำหุ้นออกมาขายเนื่องจากนักลงทุนชาวเวียดนามส่วนใหญ่จะซื้อเก็งกำไร จึงทำให้มีตลาด OTC ขึ้นมาเพื่อรองรับการซื้อขายระหว่างรอ Listing

**Disclaimer: ผู้เขียนเป็นผู้ถือหุ้นปัจจุบันของ Truong Hai Auto Corporation (THACO)

ที่มาบทความ : https://www.facebook.com/VietnamInvestmentMemo