Smart-Money-01

ถ้าลองคิดเล่นๆ ว่าประเทศไหนน่าจะมีคนที่เข้าใจเรื่อง “การเงิน” มากที่สุด เชื่อว่าคนส่วนใหญ่หันสายตาไปที่สหรัฐอเมริกา ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก (ณ เวลานี้) แถมยังเป็นเจ้าพ่อตลาดการเงินยักษ์ใหญ่อีกด้วย

แต่รู้หรือไม่ว่าหากไปถามคนอเมริกันที่มีบัตรเครดิต เกือบครึ่งยังไม่เข้าใจหลักการทำงานของ “ดอกเบี้ย” เลย!

ข้อมูลที่น่าสนใจก็คือ

  • 60% ของคนอเมริกัน…มีบัตรเครดิต
  • 57% ของคนอเมริกันที่มีบัตรเครดิต…เข้าใจเรื่องการทำงานของ “ดอกเบี้ย” ในเบื้องต้น
  • 140 ประเทศที่ทำการสำรวจ มีเพียง 1 ใน 3 เท่านั้นที่มีทักษะ ความรู้ และความเข้าใจด้านการเงิน

รู้แบบนี้แล้วเราไปลองทำแบบสอบถาม 5 ข้อ ที่ Standard & Poor’s ทำขึ้นมา เพื่อ “วัดกึ๋นการเงิน” ของคนเหล่านั้นกันดีกว่าว่า…จะยากสักแค่ไหนกัน??

*อย่าลืมหยิบปากกากับกระดาษมาทดลองทำไปพร้อมๆ กันนะจ๊ะ*

 

คำถามที่ 1 : ถ้าคุณมีเงินก้อนหนึ่ง การนำเงินไปทำอะไร…ปลอดภัยกว่ากันระหว่าง ลงทุนทำธุรกิจเดียว หรือ ลงทุนสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่ง, ลงทุนทำหลายธุรกิจ หรือ ลงทุนในหลายสินทรัพย์?

A: ลงทุนทำธุรกิจเดียว หรือ ลงทุนสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่ง

B: สับสนใจคำตอบ

C: ลงทุนทำหลายธุรกิจ หรือ ลงทุนในหลายสินทรัพย์

D: ไม่รู้

 

คำถามที่ 2 : ถ้า 10 ปีข้างหน้า สินค้าที่เราซื้อมาราคาเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า และรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าด้วย แสดงว่าเราซื้อสินค้าได้…น้อยกว่าวันนี้, เท่ากับวันนี้ หรือ มากกว่าวันนี้?

A: น้อยกว่าวันนี้

B: ไม่รู้

C: มากกว่าวันนี้

D: เท่ากับวันนี้

 

คำถามที่ 3 : ถ้าต้องการยืมเงิน $100…เงินก้อนไหนที่เราจะจ่ายคืนน้อยที่สุดระหว่าง $105 หรือ $100 + 3%?

A: $100 + 3%

B: สับสนในคำตอบ

C: $105

D: ไม่รู้

 

คำถามที่ 4 : สมมติว่าเราฝากเงินไว้ 2 ปี และธนาคารตกลงจะเพิ่มเงินให้ 15% ต่อปีในบัญชีของเรา ธนาคารจะเพิ่มเงินในบัญชีเราในปีที่สองมากกว่าปีแรก หรือเท่ากับปีแรก?

A: สับสนในคำตอบ

B: ไม่รู้

C: เท่ากัน

D: มากกว่า

 

คำถามที่ 5: สมมติว่าเรามีเงินอยู่ในบัญชีออมทรัพย์ $100 และธนาคารจะเพิ่มเงินให้เรา 10% ต่อปี ของเงินในบัญชีให้กับเรา เมื่อผ่านไป 5 ปี โดยที่เราไม่เคยถอนเงินออกเลย จะมีเงินอยู่ในบัญชีเราเท่าไหร่?

A: $150

B: ไม่รู้

C: น้อยกว่า $150

D: มากกว่า $150

 

คำตอบที่ถูกต้องคือ: 1) C 2) D 3) A 4) D 5) D

 

ซึ่งหากเราสามารถตอบคำถามได้ถูกต้อง 75% (ตอบถูก 4 ข้อ) ก็แสดงว่าเรามีความเข้าใจในเรื่อง ดอกเบี้ย ดอกเบี้ยทบต้น การกระจายความเสี่ยง และเงินเฟ้อ…พูดง่ายๆ คือเข้าใจเรื่อง “การเงินเบื้องต้น” แล้ว

…ว่าแต่ผ่านเกณฑ์กันใช่ม๊า “มิตรรักการเงิน” ทั้งหลาย ^__*

สำหรับข้อสรุปที่น่าสนใจจากการทดสอบกลุ่มตัวอย่างจาก 140 ประเทศของ ที่ Standard & Poor’s ให้ทำแบบสอบถามนี้ก็คือ

– คนที่อาศัยอยู่ในประเทศเศรษฐกิจพัฒนาแล้ว มีความสามารถในการอ่านออก เขียนได้ ทางการเงินมากกว่าค่าเฉลี่ย

– หากเรียงลำดับสัดส่วนของคนในประเทศใหญ่ๆ ที่มี “ความฉลาดทางการเงิน” จากมากไปหาน้อย จะเป็นดังนี้

  • แคนาดา 68%
  • อังกฤษ 67%
  • เยอรมัน 66%
  • สหรัฐอเมริกา 57%
  • ฝรั่งเศส 52%
  • ญี่ปุ่น 43%
  • รัสเซีย 38%
  • บราซิล 35%
  • อินเดีย 24%
  • จีน 20%

– เพศชาย มีความรู้ ความเข้าใจด้านการเงิน “มากกว่า” เพศหญิง ในทุกประเทศ ประมาณ 5% ยกเว้นสหรัฐฯ ที่ความห่างมากกว่าถึง 10% โดยชายมะกันเข้าใจด้านการเงิน 62%  มากกว่าเพศหญิงที่ 52%

– ทุกคำถามจะมีคำตอบว่า “ไม่รู้” ให้เลือก และ “เพศหญิง” มักเลือกคำตอบนั้น เพราะหากไม่มั่นใจพวกเธอจะ “ไม่ฟันธง” แต่นั่นก็ทำให้พวกเธอเปิดใจเรียนรู้ด้านการเงิน ไม่ด่วนตัดสินใจ และใช้เวลามากกว่าในการหาข้อมูลก่อนการลงทุน

– ในประเทศที่พัฒนาแล้ว คนที่มีความฉลาดทางการเงินมาก มักอยู่ในช่วงอายุ 36-50 ปี ขณะที่ประเทศกำลังพัฒนา จะอยู่ในช่วงอายุที่น้อยกว่า ซึ่งในเรื่องนี้ S&P ประเมินว่า นัยของอายุไม่ใช่สาระสำคัญ เท่ากับการศึกษา ที่นานาประเทศควรรีบให้ความรู้ทางการเงินแก่ประชากรของตน มิใช่ให้พวกเขาเรียนรู้จาก “ประสบการณ์” เพียงอย่างเดียว อย่างน้อยๆ ก็ควรรู้เรื่อง การออม และเข้ามาอยู่ในส่วนหนึ่งของตลาดการเงิน

บทสรุปสุดท้ายของบทความนี้ไม่ได้จะบอกว่า…

ถ้าคุณทำแบบสอบถามได้ถูกต้อง 4-5 ข้อ แสดงว่า “เจ๋งเป้ง” แต่ถ้าทำไม่ได้ก็ “จ๋อย”

หากแต่อยากให้ฉุกคิดสักนิดว่า…ตัวเราเอง หรือ คนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็น ญาติพี่น้อง เพื่อนสนิท เพื่อนร่วมงาน ฯลฯ ที่ล้วนเคยผ่านบททดสอบความสามารถแสนโหด ทั้งทางวิชาการ ภาษา สอบเลื่อนระดับ เลื่อนชั้น เอ็นทรานซ์ หรือแค่นำเสนองานหน้าชั้นเรียนที่ว่ายาก แล้วเรื่องใกล้ตัวอย่าง “การเงินส่วนบุคคล” ล่ะ เคยทดสอบตัวเองบ้างมั้ย? รู้ผลแล้วควรทำอย่างไร?

 

เริ่มต้นเรียนรู้ และทำความเข้าใจในวันนี้ ดีกว่าคิดได้อีกทีก็บ่นว่า “รู้งี้…” นะจ๊ะ ^___*