Risk-and-Time-เวลา-ความเสี่ยง-การลงทุน-1

สุดยอดความเสี่ยงคือ “เวลา” สุดยอดคุณค่าคือ “ตัวเอง”

“การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน”

 

ประโยคเด็ดทิ้งท้ายโฆษณาในโลกของ “การลงทุน” ที่ทำให้ใครหลายคนตระหนักได้ว่า “การลงทุนมีความเสี่ยง” และอะไรที่ “เสี่ยงมาก” ก็ยิ่ง (มีโอกาส) ได้รับผลตอบแทนสูง อย่างเช่น “หุ้น”

ความเสี่ยง” ก็คือ “ความผันผวน” ที่มีโอกาสทั้งในฝั่งของ “กำไร” และ “ขาดทุน”

กำไร (ทางบัญชี) ในวันนี้…อาจขาดทุนในวันหน้า

ในทางตรงกันข้าม หากวันนี้ขาดทุน (ทางบัญชี)…อนาคตอาจมีกำไร

 

แล้วหากเราลงทุนใน เวลา ล่ะ?

เวลาที่ใช้ไป มีค่าเท่าไหร่กัน?

– ใช้เวลาไปกับการทำงาน…สิ่งที่ได้รับคือ “ผลงาน”

– ใช้เวลาไปทานอาหาร…ความรู้สึกที่มีคือ “อิ่มท้อง”

– ใช้เวลาออกกำลังกาย…ผลลัพธ์ที่ได้คือ “สุขภาพดี”

– ใช้เวลาดูทีวี…อารมณ์ที่มีแล้วแต่ “สิ่งที่ดู”

– ใช้เวลาคิดเรื่องเก่า…เราก็ได้แต่ “หมกมุ่น”

– แต่หากใช้เวลาอ่านหนังสือ…ย่อมสามารถเพิ่มพูน “ความรู้” ได้ ไม่สิ้นสุด

 

ทุก “เวลา” ที่ใช้ (ลงทุน) ไป…ไม่มีทางเปลี่ยนจากสิ่งใด เป็นสิ่งอื่น

วันนี้ใช้ทำอะไร วันข้างหน้าย่อมได้รับผลจากการกระทำนั้น!

 

และนั่นทำให้การลงทุนในเวลา “เสี่ยงที่สุด

เพราะใช้แล้ว ใช้เลย, เสียแล้ว เสียเลย, หมดแล้ว หมดเลย

ไม่อาจพลิกกลับมาทำกำไรเหมือนสินทรัพย์ทางการเงิน…

 

“เวลา” คือ “ทุน” อย่างเดียวที่ทุกคนมีเหมือนกัน

และเป็นสิ่งเดียวที่ไม่ควรปล่อยให้สูญไปโดยเปล่าประโยชน์

-Thomas Edison-

 

รู้แบบนี้แล้วอย่าลืม “ลงทุนในเวลา” ให้คุ้มกับค่าที่มันมี

 

เวลาที่ผ่านไป…

– หาก “ไม่ใช้” ย่อมให้ผลลัพธ์เท่ากับ “ศูนย์”

– หากใช้ไปกับอะไรที่ไร้ค่า…ย่อมก่อให้เกิดความเสี่ยงที่ “ตีมูลค่าไม่ได้”

 

และในเมื่อ “เสี่ยง” = โอกาส

เวลาแต่ละวินาทีที่ผ่านไปก็ย่อม “สร้างคุณค่า” ที่ไม่อาจประเมินมูลค่าได้เช่นกัน…

สำคัญที่เรา “ลงทุน” ใช้ “เวลา” ไปกับอะไร?

 

เพราะในช่วงจังหวะที่ตลาดหุ้นผันผวน พันธบัตรผลตอบแทนต่ำ น้ำมันเดี๋ยวขึ้น-เดี๋ยวลง ทองคำไม่รู้จะเขียวชนแนวต้านได้แค่ไหน สิ่งหนึ่งที่ลืมไม่ได้คือต้อง ลงทุนในตัวเอง

 

ตลอดเวลา 8 ปีของการทำงานสื่อ จากการสัมภาษณ์ และพูดคุยกับบรรดาผู้บริหาร นักธุรกิจ หรือคนรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จ เฟิร์นค้นพบว่า สิ่งหนึ่งที่พวกเขาเหล่านั้นมีเหมือนกันคือ พัฒนาตนเองเสมอ

 

เป็นนักอ่าน ใฝ่รู้ เปิดรับสิ่งใหม่ เชื่อว่าปัญหาคือความท้าทาย ฝึกปรือฝีมือตลอดเวลา

– ขยันขันแข็ง ทุ่มเท ทำงานหนัก ไม่พร่ำบ่น มุ่งมั่น ตั้งใจ ทำงานเพื่องาน ไม่ใช่เพื่อเงิน

– เชี่ยวชาญ หรือมีทักษะที่โดดเด่น จากการฝึกฝน และประสบการณ์ที่ผ่านการ “ลงมือทำ” ไม่ใช่เพียง “คิดว่าจะทำ”

 

เคยได้ยินกฎ 10,000 ชั่วโมงมั้ย?

 

Malcolm Gladwell ได้ศึกษาชีวิตของผู้ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในหลายสาขาวิชาชีพ เพื่อค้นหาสิ่งที่ทำให้เขาเหล่านั้นยืนอยู่ ณ จุดสูงสุดของชีวิตได้ และนำเรื่องนี้มาเผยแพร่ผ่านบทหนึ่งในหนังสือ Outliers ว่า…

 

การที่เราจะเป็น ผู้เชี่ยวชาญ ในสิ่งใดสิ่งหนึ่งนั้นจะต้องผ่านการฝึกฝน และลงมือทำสิ่งนั้นๆ อย่างน้อย 10,000 ชั่วโมง!

Speed Rate of Expertise in Investment

– ถ้าเรายังเป็น “วัยรุ่น” อาจมีเวลามากพอ ที่จะฝึกปรือฝีมือให้ เจ๋ง-เก่ง ในด้านใดด้านหนึ่ง

– หากเราเริ่มเข้าสู่ “วัยหนุ่มสาว” ยังมีเวลาระยะหนึ่ง ที่จะใช้ในการสร้างตัวตน

– ทว่าเมื่อเข้าสู่ “วัยกลางคน” คงต้องทุ่มสุดตัวกับทุกนาทีที่ผ่านไป เพื่อให้ได้มาซึ่งความชำนาญการ

 

คำถามคือ…เป็น ผู้เชี่ยวชาญ แล้วดียังไง?

คำตอบคือ…ลองคิดถึงชื่อของบุคคลที่ประสบความสำเร็จสัก 5 คน…แล้วนึกดูว่าแต่ละคนมีความโดดเด่นด้านไหนบ้าง?

 

ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกคนที่เรารู้จัก ล้วนมี ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจ นักกีฬา นักดนตรี หรือ นักลงทุน

 

สุดยอดหุ้นคุณค่าที่ดั้นด้นควานหามาจนเจอ…อาจให้ “กำไรงาม” เป็น 5 เด้ง 10 เด้ง

อสังหาริมทรัพย์สุดเจ๋ง…อาจให้ “เงินปันผล” กระทั่งเราเก็บกินได้ยาวตลอดชีวิต

 

แต่หากเราลงทุนในตัวเองให้มากพอ…แม้เจอวิกฤติ หุ้นตก ฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์แตก ก็ยังมีรายได้จากศักยภาพของตัวเอง ไว้กินใช้ได้ตลอดไป ส่วนผลกำไร ไม่มากมาย…ก็แค่ “∞” (อินฟินิตี้ = หาที่สุดไม่ได้)