หลุมพรางของการถือหุ้นนาน

หลายคนคงได้รับการบอกเล่าว่า “ต้องถือหุ้นให้นาน”
หลายคนเข้าใจไปว่า “ยิ่งถือหุ้นนาน ยิ่งไม่ขาดทุน”
หลายคนพอหุ้นตกก็ยิ่งเฉลี่ยซื้อ เพราะคิดว่า “เราถือนาน ไม่ขาดทุน”
หลายคนเข้าใจว่า “ถือหุ้นนาน = ลงทุนระยะยาว”

ผมเชื่อว่า หลายคนอ่านหนังสือแนว value investing มักจะมีความเข้าใจว่า ให้ซื้อหุ้นแล้วถือไปนานๆๆ หรือเราเรียกว่า buy and hold

บ่อยครั้งที่นักลงทุนทำแบบนี้ แต่ก็ยังขาดทุนอยู่

เวลาอาจจะผ่านไป 1-2 ปี แต่ทำไมราคาหุ้นไม่ขยับเลย ยังติดดอยอยู่ พอเกิดบ่อยๆๆ บ้างก็บอกว่าวิธี value investing ไม่ work หรอก

ทำไมผมถึงบอกว่า หลุมพรางของการถือหุ้นนาน!?

กลยุทธ์ buy and hold ซื้อแล้วถือนานมีประโยชน์ก็จริง แต่กลยุทธ์ก็มี condition ให้พิจารณาไปพร้อมกันด้วย ผมขอยกตัวอย่าง หุ้น BEC หรือหุ้นของช่อง 3 เพราะน่าจะใกล้ตัวและเข้าใจง่าย

1. พื้นฐานการแข่งขันไม่เปลี่ยนแปลง

ผมขอยกตัวอย่าง กรณีของ TV Digital

เดิมมี TV 3 5 7 9 แข่งกันแค่นี้ แต่พอมีการประมูล TV Digital มีช่อง TV เยอะมากมาย เข้ามาแบ่งรายได้ค่าโฆษณา เท่านั้นยังไม่พอ มีการเปลี่ยนแปลงของคนรุ่นใหม่ คือ คนรุ่นใหม่ใช้เวลาไปกับ Internet มากกว่า TV

การเกิดขึ้นของ FB และ YouTube เมื่อคนรุ่นใหม่ไปดู FB live หรือ youtube ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งสองอย่างคือ คู่แข่งใหม่เข้ามา และ technology ใหม่ๆ

เดิมมี TV 3 5 7 9 แข่งกันแค่นี้
แต่พอมีการประมูล TV Digital มีช่อง TV เยอะมากมาย
เข้ามาแบ่งรายได้ค่าโฆษณา ขณะที่ขนาดของตลาดไม่ได้เติบโตมาก แต่มีคู่แข่งมากขึ้น
เท่านั้นยังไม่พอ มีการเปลี่ยนแปลงของคนรุ่นใหม่
คือ คนรุ่นใหม่ใช้เวลาไปกับ Internet มากกว่า TV
การเกิดขึ้นของ FB และ YouTube
คนรุ่นใหม่ไปดู FB live หรือ YouTube

ดังนั้นคุณจะต้องติดตามการเปลี่ยนแปลง
ในอุตสาหกรรมของหุ้นที่คุณถืออยู่
ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงกระทบเชิงผลลบ
คุณก็พิจารณาขาย

2. ยังมีกำไรเติบโตตามที่คิดไว้

การเปลี่ยนแปลงในการแข่งขันทั้ง 2 อย่างที่กล่าวมา ทำให้ BEC นั้นปรับตัวไม่ทัน ที่ผ่านมากำไรจึงไม่เติบโต

จากข้อมูลของ BEC

ปี 2556 กำไร 5,589.48 ล้าน ราคาหุ้น 50 บาท
ปี 2557 กำไร 4,414.99 ล้าน ราคาหุ้น 51 บาท
ปี 2558 กำไร 2,982.71 ล้าน ราคาหุ้น 30.50 บาท
ปี 2559 กำไร 1,218.29 ล้าน ราคาหุ้น 16.60 บาท

เมื่อกำไรไม่เติบโต ราคาหุ้นย่อมลดลง สะท้อนถึงมูลค่า ดังนั้นคุณจะต้องทำการบ้านคาดการกำไรของหุ้นที่คุณถือ ถ้ามีแนวโน้มที่กำไรลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ คุณก็ต้องพิจารณาขาย

3. ไม่ซื้อราคาที่แพงเกินไป

ราคาหุ้น = มูลค่าแท้จริง + ความคาดหวัง

ดังนั้น ให้หาหุ้นที่จะมีการเติบโตของกำไรมากกว่าความคาดหวังของคน

PE ต่ำ และ EPS Growth ดีมากและปานกลาง
PE กลาง และ EPS Growth ดีมาก

อย่าพยายามซื้อหุ้นที่มีความคาดหวังสูง

PE สูง และ EPS Growth ต่ำและปานกลาง
PE กลาง และ EPS Growth ต่ำ
ค่า PE จะบ่งบอกความคาดหวังในหุ้นตัวนั้น
ยิ่ง PE สูง. ความคาดหวังสูง

ถ้าผลเติบโตของกำไร ไม่ตามความคาดหวังของนักลงทุน หุ้นจะโดนขาย ราคาหุ้นลงทันที

จากข้อมูลของ BEC

ปี 2556 กำไร 5,589.48 ล้าน ราคาหุ้น 50 บาท PE 18.85
ปี 2557 กำไร 4,414.99 ล้าน ราคาหุ้น 51 บาท PE 21.24
ปี 2558 กำไร 2,982.71 ล้าน ราคาหุ้น 30.50 บาท PE 18.41
ปี 2559 กำไร 1,218.29 ล้าน ราคาหุ้น 16.60 บาท PE 16.92

ถ้าคุณไปซื้อตอน PE 21 ราคา 51 บาท
แล้วถือมาจนถึงสิ้นปี 2559 ราคาจะลดลงเหลือ 16.6 บาท
ดังนั้นถ้าคุณซื้อราคาแพง แต่กำไรเติบโตไม่ทัน
ราคาก็มีแต่ลดลง

การลงทุนระยะยาว ไม่เท่ากับ ถือหุ้นนาน ดังนั้นการถือนาน ระยะยาว คุณจะต้องทำการบ้าน โดยเฉพาะพื้นฐานของหุ้น ไม่ใช่หลับหูหลับตามถือนานๆๆ

Businesses มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ราคาหุ้นก็เข่นกัน ถือนานไม่ได้หมายถึงจะมีกำไรเสมอไป

สิ่งที่จะทำให้คุณรวยไม่ใช่หุ้นที่คุณถือ แต่เป็นความรู้ของคุณที่คุณมี