Tradernomics-12-Markets

สวัสดีครับ กระผมนายวีคีด เทรดเดอร์พ่อลูกอ่อน กลับมาแล้ว…พอดีมีอาการกล้ามเนื้อหลังอักเสบ เลยห่างหายการนั่งเขียนบทความ

แต่ตอนนี้หายแล้ว จึงจัดหนักขอนำเสนอบทความยาวนิดนึง

เป็นบทความที่ update ตลาดหุ้น ตลาด commodities และตลาดค่าเงิน ครับ โดยอธิบายผ่านกราฟ ไม่ได้อิงปัจจัยพื้นฐาน
เพราะส่วนตัวผมเป็นคนที่ใช้กราฟในการเข้าหาจังหวะซื้อและขาย และเชื่อว่า “Price Discount Everything” หรือ “ราคามักมาก่อนข่าวเสมอ”

มาเริ่มกันแบบภาพกว้างๆ กันก่อนน่ะครับ..มาคุยสินค้า 12 ชนิด 12 กราฟ
โดย time-frame ที่ใช้ดูคือ Week (1 แท่งเทียน = 1 สัปดาห์)
indicator หลักๆที่ใช้ดู จะมี

  1. EMA (Exponential Moving Average) เส้น ema50 (เส้นสีเขียว) และ ema200 (เส้นสีแดง) ครับ
  2. MACD เส้นนี้ใช้ดู Momentum ของสินค้าตัวนั้นๆครับ ว่ากำลังอยู่ในทิศทางใด

กราฟทั้งหมดอัพเดทมาช่วงเวลา 21:00 น. ของวันที่ 12 เมษายน 2559 น่ะครับ

มาดูกันว่าสินค้าต่างๆ มีอะไรกันบ้างดีกว่า เริ่มจาก 6 ตัวแรก

phee_commodities

US Dollar Index
us dollar index
มาดูกราฟ US Dollar Index กันก่อนเลย ตัวนี้หลายๆคนใช้เป็นตัวดูทิศทางของ fund flow ว่าเงินกำลังจะไหลเข้าสู่ สินทรัพย์มีความเสี่ยง (risk asset) หรือไม่มีความเสี่ยง (safe-haven) โดยเรามักจะเชื่อกันว่า US Dollar หรือค่าเงินดอลล่าห์สหรัฐ นั้น เป็นสินทรัพย์ไม่มีความเสี่ยง จึงมักจะเป็นที่สนใจในการซื้อเก็บไว้ ในงามที่ตลาดหุ้นมีแนวโน้มจะไม่ดี
จากกราฟ จะเห็นคร่าวๆได้ว่า Dollar Index นั้น เบรกเป็นขาขึ้นรอบใหม่ได้ เหมือนปลายปี 2014 เราจึงเริ่มเห็นความผันผวนของตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะ ตลาดหุ้นไทย ตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมาเช่นกัน ที่เริ่มเจอแรงเทขายเรื่อยๆสรุป –> กราฟ US Dollar Index กำลังหักหลุดเส้น ema50 เป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี พร้อม MACD ส่งสัญญาณ bearish ขาลงบ้างแล้ว ดังนั้น เราอาจจะคาดหวังได้ว่า ฟันด์โฟลวของเงินนั้น กำลังย้ายกลับไปสู่สินทรัพย์มีความเสี่ยง เช่น ตลาดหุ้น ได้เช่นกันครับ…แต่หากเมื่อไหร่ที่ US Dollar Index กลับไปยืนเหนือ ema50 ได้ ก็ควรระวังการลงของตลาดหุ้นครับ


Thai Baht (USD/THB)phee_thai baht
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะขับเคลื่อนตลาดหุ้นได้ คือ Fund Flow (ฟันด์โฟลว) หรือการเคลื่อนไหวของกระแสเงิน ว่าจะไหลไปเข้าสินทรัพย์ใด ตลาดทุนประเทศใด ตัวที่จะพอใช้ดู Fund Flow ได้ ก็คือ ค่าเงินบาท ต่อ 1 เหรียญดอลล่าห์สหรัฐ นั่นเองจากกราฟ…ยิ่งกราฟลง –> ค่าเงินแข็ง –> Fund Flow ไหลเข้าประเทศ  –> ต่างชาติเข้าลงทุนในตลาดทุน
ยิ่งกราฟชันขึ้น –> ค่าเงินอ่อน –> Fund Flow ไหลออกจากประเทศ –> ต่างชาติถอนเงินลงทุนออกข้อสังเกตจากกราฟ…ค่าเงินบาทอ่อนค่าทะลุเส้น ema200 มาช่วงกลางปี 2013 ซึ่งถ้าดูคู่กับกราฟ SET จะพอเห็นได้ว่า ตลาดหุ้นไทยก็เริ่มลงมาเรื่อยๆ หลังค่าเงินบาทอ่อนทะลุเส้น ema200 ครับ
ปัจจุบันนั้น เริ่มมีสัญญาณที่น่าสนใจคือ ค่าเงินบาทเริ่มกลับมาแข็งค่าอย่างมีนัยยะในปี 2016 นี้ โดยเฉพาะ MACD ที่ลงต่ำศูนย์ (Bearish Momentum) ครั้งแรกในรอบราวๆ 2 ปี เราอาจจะเห็นการไหลกลับของเงินทุนต่างชาติ เข้าสู่ประเทศเราจริงๆจังๆอีกครั้ง (สาธุๆๆ)


Spot Gold phee_gold
ทองเอ๋ย ทองคำ มีค่าหล่อมากในปีนี้ หลังจากดิ่งตกต่ำมาราวๆ 3 ปี….ปีนี้เป็นปีแรกที่ราคาทองคำโลก ได้เบรกทะลุเส้น downtrend line (เส้นขาลง) แล้วนั่นเอง…
สำหรับกราฟทองคำนั้น ผมใส่สีเส้นผิดน่ะครับ โดย ema50 คือเส้นสีแดง ส่วน ema200 คือเส้นสีเขียวจะสังเกตได้ว่าเส้นสีเขียว หรือ ema200 นั่น ค่อนข้างมีประสิทธิภาพมีนัยยะสำคัญต่อราคาทองคำมากพอควรเลยทีเดียว ตอนนี้ก็หวังว่าจะเบรกเหนือ 1280-1300 เหรียญต่อออนซ์ ถ้าเบรกได้ เราอาจจะได้ super cycle หรือการขึ้นรอบใหญ่ของทองคำอีกครั้งก็เป็นไปได้ อันนี้ดูจากกราฟน่ะครับ ยังไม่ได้อิงปัจจัยพื้นฐานใดๆ (จ้าวมือจะทุบหรือลากซะอย่าง ใครจะทำไม)

อีกจุดที่น่าสนใจคือ MACD ยืนเหนือศูนย์ (Bullish Momentum)  ได้อย่างสวยงามครั้งแรกในรอบ 3 ปีกว่าๆ เลย ตรงนี้แหล่ะที่น่าสนใจว่าทองคำกำลังอยู่ช่วงขาขึ้นรอบใหม๋รึเปล่า
อย่าหลุด 1150 เหรียญต่อออนซ์ เป็นพอ…หลุดก็เลิกลุ้นขาขึ้น เป็นขาก่ายหน้าผากกันอีกรอบต่อเนอะ ส่วนตัวแอบเชียร์ไปทางขาขึ้นครับ แต่ก็เทรดตามกราฟไป สบายใจสุด


 

TOCOM Rubber (ยางพารา)

phee_tocomเจอราคาตกต่ำมาเนิ่นนาน ตอนนี้เริ่มลุ้นกันใหม่ กับราคายางพารา โดยส่วนใหญ่แล้วเราจะอิงหุ้นที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับราคายางพารา กับกราฟราคายางพาราในตลาดโตเกียว หรือที่เรียกว่า TOCOM นั่นเอง…จึงเป็นที่มาว่า ผมมักจะใช้กราฟ TOCOM Rubber ในการดูแนวโน้มราคายางพารา เพื่อใช้ในการเทรดกับหุ้นที่อิงราคายางพาราโลกนั่นเอง (มีไม่กี่ตัวในตลาดหุ้นไทย ลองไปหาดูกันเอง)สำหรับราคายางพารานั่น แนวโน้มยังอยู่ในแนวโน้มขาลง ยังไม่สามารถเบรกเส้น downtrend line ขึ้นมาได้เหมือน ทองคำ ครับ…

ตอนนี้ก็คงต้องมาดูกันว่า การวิ่งขึ้นครั้งนี้ ราคายางพารา จะเบรกขึ้นมาได้หรือไม่…ถ้าเบรกได้ ก็จับจองหาหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการขึ้นครั้งนี้ได้เลย ถ้าเบรกไม่ได้ ก็มีบางตัวที่ได้ประโยชน์เช่นกันครับ

เลือกเล่นหุ้นที่วิ่งอิงกับ commodities วินัยเทรดโคตรสำคัญ…นะจ๊ะ


BALTIC DRY INDEX (ดัชนีค่าระวางเรือ)phee_bdi

กลุ่มเดินเรือ เคยสร้างเศรษฐีหน้าใหม่ขึ้นมาช่วง 200ึ7-2008 และก็สร้างชาวดอยชุดใหญ่เช่นกันตั้งแต่ปลายปี 2008 เป็นต้นมา
จากกราฟนี่…ขอให้คำจำกัดความสั้นๆว่า “ลงแบบนี้ ฆ่ากูเลยดีกว่ามั๊ย” จะเห็นภาพชัดที่สุดครับ ค่าระวางเรือโดนสึนามิซัดจากบริเวณ 11500 จุด ลงมาต่ำสุดบริเวณ 290 จุด (ลงโหด animal animal เลยครับ)ตอนนี้ก็ลุ้นค่่าระวางเรือให้เบรกเหนือเส้น ema50 เป็นขั้นแรก แล้วลุ้นผ่าน 1000 จุดได้ครับ กราฟนี้ สำหรับสาวกพลพรรคคนเดินเรือโดยเฉพาะ สู้เว้ยยยย


 

Crude Oil (น้ำมัน)

phee_crude oil

อีกหนึ่งสินค้าที่ให้ผลตอบแทนได้ค่อนข้างดีในช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะช่วงสองเดือนล่าสุด…หลังจากดำดิ่ง ทิ้งลงเหว จนพี่น้องแถวอาหรับต้องร้องอุทานว่า “ร้อง Yeah หนักมาก” มาแล้วทั้งแถบ ราคาน้ำมันโลกก็เริ่มกระเตื้องขึ้นมาจากจุดต่ำสุดพอสมควรครับ…

ลองเทียบกับกราฟปลายปี 2008 เราจะได้เส้นแนวรับ แนวต้าน ที่มีนัยยะต่อราคาน้ำมันช่วงปลายปี 2015 จนถึงปัจจุบัน (เชื่อกราฟเถอะ อย่างน้อยก็จะพอเห็นจิตวิทยาของผู้เล่นได้)

ส่วนตัว ถ้ามองจากกราฟ ราคาน้ำมัน ควรทะลุ 43.5 – 45 เหรียญต่อบาร์เรล ให้ได้ เพื่อยืนเหนือเส้น ema50 ครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปีครับ…หากทำได้ เราจะเห็นเส้น MACD ที่เหนือศูนย์ ซึ่งคือการโชว์สัญญาณขาขึ้นอีกครั้งของน้ำมัน

ณ กราฟปัจจุบันนั้น แนวโน้มภาพใหญ่ของน้ำมันโลก ยังคงเป็นขาลงอยู่ แต่ก็หวังว่าจะเด้งขึ้นมารอบนี้ของราคาน้ำมันโลกนั้น จะเบรกเป็นขาขึ้นได้

น้ำมันขึ้น –> หุ้นกลุ่มพลังงานเตรียมวิ่ง
น้ำมันลง –> แก๊งค์พี่ปอตอทอมีเหนื่อย

ลองทำการบ้านหาหุ้นที่ได้ประโยชน์และเสียประโยชน์จากการขึ้นและลงของราคาน้ำมันดูครับ…เราอาจจะเจอหุ้นดีๆก็ได้

จบไปแล้วสำหรับกราฟชุด Commodities ต่อไปมาดูกราฟชุดตลาดหุ้นกันบ้างครับ ขอคัดเฉพาะดัชนีที่ผมชอบดูน่ะครับ


phee_indices

ผมชอบดูดัชนีหลักๆราวๆ 6 ตัวนี้  (ดูเยอะก็คิดเยอะ ดูเยอะก็ปวดหัว)

SET Index
phee_set

ขออ้างอิงบทความเก่าที่เคยเขียนในหัวข้อ เมื่อ SET Index มาถึงจุดตัดสิน “ขาขึ้นอีกครั้ง” หรือ “ขาลงต่อไป” น่ะครับ

จากที่ผมเคยบอกว่าการเคลื่อนไหวของ SET ในปี 2013-2014 มีความคล้ายคลึงกันกับปี 2015 – ปัจจุบัน เป็นอย่างมาก…
ตราบใดที่เกิดการย่อตัวของ SET แล้วดัชนียังไม่หลุุดเส้น support line (เส้นประสีฟ้าที่เอียงทำมุมเกือบ 45 องศา)
กราฟก็ยังคงบอกว่ามันคือ การย่อเพื่อไปต่อ…

ข้อสังเกต ถ้า MACD ลงมาต่ำ 0 อีกครั้ง เราควรลดพอร์ทการลงทุนมากๆ
แต่ ณ ปัจจุบัน (ดัชนี ณ วันที่ 12 เมษายน 2559) ดัชนี SET ได้กลับมายืนเหนือเส้น ema50 และ ema200

อีกข้อที่สำคัญคือ…การขึ้นลงของ SET จะไม่มีความหมายแต่อย่างใด ถ้าหุ้นที่เราเลือกลงทุน ไม่ได้วิ่งตาม T_T


MAI Index (ดัชนี MAI)

phee_mai
ดูหุ้นกลุ่มใหญ่มาแล้ว มาดูหุ้นกลุ่มเล็กในตลาดใหม่หรือ MAI กันบ้าง เพราะเราชอบหุ้นซิ่ง !

ถ้าเราอิงกราฟ MAI Index จะเห็นได้ว่า หุ้นที่อยู่ใน MAI Index ไม่ขึ้นแรงเท่ากับหุ้นใน SET Index เท่าไหร่นักในปีนี้ (จริงๆหุ้นเล็กๆหลายๆตัว ก็ outperform ตลาดไปเยอะน่ะ แต่อันนี้พูดในภาพรวม)
ตอนนี้เส้น ema200 กำลังทำหน้าที่เป็นแนวรับพยุงดัชนี MAI อยู่ ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 แล้ว ที่ยังพยายามยันไม่ให้หลุด เทียบกับเมื่อปี 2011 2013 และ 2014 ตอนนี้ก็ลุ้นให้ยืนเหนือ ema200 แล้วเด้งกลับไปเหนือเส้น ema50 ครับ หากทำได้ ก็ขาขึ้นรอบใหม่ของหุ้นเล็กพริกขี้หนูกันเลย

หลีกเลี่ยงลงทุนในกลุ่มนี้ หากหลุดต่ำ ema200 นะจ๊ะ


Dow Jones Index ( ตลาดหุ้นดาวโจนส์)

phee_djia
ดาวเอ๋ย ดาวโจนส์ จากกราฟจะเห็นว่าเกิด bearish divergence  ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2014-2015 ที่มีสัญญาณเตือนให้ระวังจากปรับฐานแรงๆของตลาดหุ้นเมกา ซึ่งหลังจากเกิดการปรับฐานแล้ว ตอนนี้ (กราฟดาวโจนส์นี้ ทำไว้เมื่อราวๆ 21:00 น. ของวันที่ 12 เมษายน 2559) ดัชนีดาวโจนส์ ก็เบรกขึ้นเส้นแนวต้านขาลงได้สำเร็จครับ…

ที่น่าสนใจคือ ตอนนี้ MACD กลับมาเหนือ 0 ได้
ดัชนีไม่เคยปิดต่ำกว่า ema200 (อาทิตย์ไหนปิดต่ำกว่า ema200 ให้ระวังหายนะตลาดหุ้น)
ดัชนีกลับมายืนเหนือเส้น ema50 ได้อีกครั้ง เก่งมากเพ่

ไม่รู้ว่าดัชนีดาวโจนส์จะวิ่งไปทิศทางใดแรงๆ หลังจากรู้ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ น่าสนใจจริงๆครับ

คำเตือน…การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นดาวโจนส์ มีผลค่อนข้างมากต่อตลาดหุ้นทั่วโลก ดังนั้นเราควรติดตามอย่างใกล้ชิดพอๆกับตลาดหุ้นบ้านเราน่ะครับน่ะ


 

DAX Index (ตลาดหุ้นเยอรมัน)

phee_dax
ขาหมูเยอรมัน เยอรมันผู้แข็งแกร่งแห่งยุโรป วิ่งเป็นขาลงมาเรื่อยๆ จนถึงตอนนี้ ก็ยังวิ่งในเส้นแนวโน้มขาลงอยู่ครับ

ไว้ดัชนียืนเหนือ 10000-10250 จุดได้อีกครั้ง ค่อยมองหุ้นยุโรปกลับมามีแนวโน้มดี
ณ จุดนี้ เหมือนเงินไหลกลับเข้าฝั่งเมกา มากกว่ายุโรปนิดหน่อย  ดูจากกราฟน่ะครับ

จุดสังเกตน่าสนใจ…MACD อยู่ต่ำ 0  แต่ดัชนียังไม่ทำ lower low หรือจุดต่ำสุดใหม่ อาจจะลุ้นการเด้งไปทดสอบ 9900-10000 จุดอีกครั้งได้ ทั้งนี้ทั้งนั้น กราฟมันยังอยู่กรอบขาลง โปรดระมัดระวังเนอะ


 

SSEC (Shanghai Composite Index = ตลาดหุ้นจีน)

phee_ssec
อีกหนึ่งดัชนีที่เริ่มเข้ามามีบทบาทต่อตลาดทุนโลก ก็คือพี่จีนของน้องไทยนั่นเอง หลังจากเกิดฟองสบู่ตลาดหุ้นไปเมื่อช่วงปี 2014-2015 ที่วิ่งขึ้นอย่างบ้าคลั่ง แล้วรถคว่ำอย่างตายทั้งเป็น ในช่วงเวลารวดเร็ว จนหลายๆคนกลัวกันว่า จะเกิดโดมิโน่เอฟเฟตท์ต่อตลาดหุ้นทั่วโลกหรือไม่ (ก็มีกระทบบ้าง)

มองง่ายๆ ไม่ต้องคิดมาก ตลาดหุ้นจีนตอนนี้อยู่ในภาวะขาลง จาก MACD ที่ยังเหนือ 0 ไม่ได้ แล้วดัชนีที่ยังไม่สามารถยืนเหนือเส้น ema50 ได้ครับ

แนวรับห้ามหลุด ถ้าหลุดคือโดนจีนเตี๊ยะแน่ๆ คือ  2650 จุด ส่วนแนวต้านอาหมวยชวนผ่านก็แถวๆ 3450-3500 จุด ผ่านได้ก็สนุกกันแน่นอน


 

HANG SENG Index (ตลาดหุ้นฮ่องกง)

phee_hski
อีกหนึ่งตลาดหุ้นในเอเชียที่มีผลต่อทางจิตวิทยาต่อนักลงทุนไทย (อย่างผม 555)
ชัดเจนน่ะครับ จากกราฟว่า ตลาดหุ้นฮ่องกงนั่น กำลังอยู่ในโซนขาลงมาตั้งแต่ช่วงกลางปี 2015 ที่ผ่านมา

แต่น่าสนใจนิดหน่อยคือ…กราฟตอนนี้พยายามเบรกขึ้นอยู่

ส่วนตัวคงรอให้ดัชนีกลับมายืนเหนือเส้น  ema50 กับ ema200 ให้ได้ครับ…ยืนไม่ได้ ก็ยังมองขาลง สั้นๆ จบปิ้ง!


 

กราฟทั้งหมดที่ผมเอามาให้ดูนั้น ไม่ได้จะชี้นำใดๆน่ะครับ แต่อธิบายจากสิ่งที่เห็นในรูปแบบความคิดของตัวผมเอง ดังนั้นโปรดใช้วิจารณญาณมากๆในการตัดสินใจก่อนลงทุน

ขอบคุณที่อ่านจบน่ะครับ