ทุกๆ สิ้นปี ผมมักจะใช้เวลามานั่ง review การลงทุนของตัวเองในปีนั้นๆ ลองย้อนดูว่าปีนี้ที่ผ่านมาเราซื้อขายหุ้นตัวไหนบ้าง ตัวไหนขาดทุน ตัวไหนกำไรเพราะสาเหตุอะไร เพื่อที่ผมจะได้เรียนรู้หาวิธีปรับกลยุทธ์การลงทุนในปีถัดๆ ไป ตรงไหนเป็นจุดอ่อนก็หาวิธีแก้ อ่านเพิ่มเติมเพื่อหาความรู้มาปิดจุดอ่อนของตัวเอง
ปีนี้นับเป็นปีที่ผมตกผลึกทางความคิดค่อนข้างมาก อาจจะด้วยภาวะตลาดที่แตกต่างจากในอดีตมาก บวกกับข้อจำกัดส่วนตัว ทำให้ตัวเองต้องคิดหาวิธีปรับกลยุทธ์มากเป็นพิเศษกว่าทุกๆปีที่ผ่านมา
ปีนี้ผมพยายามวิเคราะห์หา “จุดยืน” ของตัวเองในตลาดหุ้น โดยเริ่มสมมติฐานที่ว่า คนส่วนใหญ่ที่ลงทุนในตลาดหุ้นนั้นมักจะแพ้ตลาด ผมก็เดาเล่นๆดูว่าใน 100 คน จะมีคนที่ผลตอบแทนต่ำกว่าตลาดประมาณ 80 คน หรือเรียกเป็นภาษาสถิติ ว่า Set TRI มี percentile เท่ากับ 80
หลายปีก่อนหน้านี้ผมมองว่าตัวเองน่าจะมีค่า percentile อยู่แถวๆ 90-95 คือผมเดาว่าใน 100 คนผมน่าจะมีผลตอบแทนเหนือคนประมาณ 90-95 คน
ด้วยปัจจัยหลายๆอย่างข้อต้นนี้ผมกลับมาวิเคราะห์จุดยืนใหม่ในตลาดของตัวเองจากที่เคยอยู่ percentile ที่ 90-95 ผมว่าหลังจากนี้ไปซัก 2-3 ปีถ้าผมไม่มีการเปลี่ยนแปลง Balance การใช้ชีวิตของผม ความรู้เรื่องหุ้นรายตัวที่ผมเคยอ่านเคยศึกษาเอาไว้ก็จะเริ่มล้าสมัย percentile ของผมน่าจะลดลงมาอยู่แถวๆ 70-80 คือเรียกว่าไม่เสมอตลาดก็น่าจะแพ้ตลาดอยู่นิดหน่อย
ถ้าผมอยากจะกลับมาเอาชนะตลาดขึ้นมาใหม่ แน่นอนว่าผมทำได้เพียงแค่ต้องทุ่มเทเวลาเพิ่มขึ้น ฟัง oppday ให้มากขึ้น company visit ให้มากขึ้น อ่าน 56-1 อ่านงบการเงิน และวิเคราะห์หุ้นให้มากขึ้น
แต่ทางที่ผมคิดจะเดินมันไม่น่าจะใช่ทางนั้น ผมคิดว่าผมมีอิสรภาพทางการเงินแล้ว และผมไม่อยากจะเสียอิสรภาพทางเวลาไป
วันนี้ผมเลยยกธงขาว ยอมรับแล้วว่าผมคงไม่สามารถชนะตลาดด้วยวิธีแบบเดิมๆอีกต่อไป (จนกว่าโครงสร้างนักลงทุนในตลาดและข้อจำกัดส่วนตัวของผมจะเปลี่ยนไป)
ผมแนะนำให้นักลงทุนทุกคนที่อยู่ในตลาดลองพยายามวิเคราะห์จุดยืนของตัวเองในตลาดแบบผมดูบ้าง ว่าลงทุนมาหลายปีผลตอบแทนเป็นอย่างไรเทียบกับตลาด ชนะหรือแพ้อย่างไร ชนะเพราะโชคหรือเพราะฝีมือ แพ้เพราะซวยหรือเพราะเรามีความสามารถไม่ถึงเอง อาจจะลองถามเพื่อนที่ลงทุนด้วยกัน เพื่อดูช่วยวิเคราะห์ตัวเราให้ดีขึ้น (เพราะคนส่วนใหญ่มักจะ มีความมั่นใจเกินจริงอยู่เสมอ) ตรงนี้สำคัญมากๆในการกำหนดกลยุทธ์การลงทุนในอนาคต
หลังจากผมกำหนดจุดยืนตัวเองไว้แบบนี้แล้ว มันก็เปิดโลกใหม่ของการลงทุนให้ผมได้ไปศึกษาแนวคิดการลงทุนอื่นๆ ที่ผมเคยมองข้ามไปในอดีต ได้อ่านหนังสือใหม่ๆ หลากหลายแนว ความตื่นเต้นสมัยที่เริ่มศึกษาแนวทาง VI ใหม่ๆ มันก็เริ่มกลับมา
ขอจบบทความด้วยชื่อหนังสือเล่มหนึ่งที่ผมชอบมากของพี่หนุ่มเมืองจันทร์
“การสิ้นสุดของสิ่งหนึ่ง คือการเริ่มต้นของสิ่งใหม่เสมอ” วันนี้อาจพ่ายแพ้ แต่ก็แค่วันนี้