blockchain-and-bitcoin

ก่อนอื่นขอเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเว็บไซต์ Bitfinex ที่มีการโดนแฮ็คก่อนนะครับ นั่นไม่ใช่ระบบบิทคอยน์ หรือบล็อกเชนที่โดนแฮ็คนะครับ เป็นเพียงแค่บริษัทเดียวเท่านั้น ก็เหมือนที่ธนาคารกลางของเอกวาดอร์ที่โดนแฮ็คไปเมื่อช่วงต้นปีนี้แหละครับ ไม่ใช่ว่าทั้งระบบของประเทศหรือโลกนี้โดนแฮ็คซะหน่อย บล็อกเชนซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่บิทคอยน์ใช้เนี่ย เรียกได้ว่าเป็นเทคโนโลยีแรกของโลกนี้ทีมีการสร้างขึ้นมาบนพื้นฐานของวิศวกรรมความปลอดภัย ที่ถือว่ามีความปลอดภัยสูงสุดๆ เลยทีเดียว ดังนั้น ไม่ต้องตกอกตกใจกันไปนะครับ

มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า…

บล็อกเชน” กับ” บิทคอยน์” เนี่ยคืออะไร?

ทำไมถึงได้รับความเชื่อมั่นจนขึ้นไปมีมูลค่าตลาดเกินหนึ่งหมื่นล้านเหรียญสหรัฐมาแล้ว แล้วทำไมถึงถือได้ว่าเป็นระบบที่มีความปลอดภัยมากมายขนาดนั้น

พูดกันง่ายๆ นะครับ บล็อกเชนคือเทคโนโลยีที่ทำให้เราถ่ายโอน “มูลค่า” ได้ และบิทคอยน์คือโทเคน หรือ สัญลักษณ์ซึ่งเป็นตัวแทนของ “มูลค่า” ที่เรานำมาใช้ประโยชน์ด้วยการส่งผ่านเทคโนโลยีเป็นครั้งแรกครับ เหมือนที่เฟสบุ๊ค มาใช้ประโยชน์จากอินเตอร์เน็ตนั่นแหละครับ บล็อกเชนเนี่ยแหละที่เรียกกันว่าอินเตอร์เน็ตของโลกใหม่ เป็นเทคโนโลยีแบบสมุดบัญชีสาธารณะครับ (Distributed Ledger) ซึ่งสิ่งนี้หมายความว่าทุกคนทั่วโลก ถือสมุดบัญชีเดียวกัน สมมติคนข้างบ้านจะมายืมเงินครับ เราเองก็กลัวโดนมุบมิบ ถ้าวันหลังไปทวงแล้วบอกว่าไม่เคยยืมกันเลยจะทำยังไง ทีนี้เราก็แก้ปัญหาโดยการเดินไปประกาศกลางหมู่บ้านตั้งแต่แรกเลยดีกว่าครับ ทุกคนจดลงสมุดของแต่ละบ้านไว้ว่าข้างบ้านมายืมเงินเรา ทีนี้อยู่ดีๆ จะมามุบมิบอะไรกันไม่ได้แล้ว เกิดคนนึงในหมู่บ้านป่วย ก็ไปเช็คกับคนที่เหลือได้ว่าจดไว้ว่ายืมไปจริงๆ นะ ที่นี้ก็สบายใจเก็บไว้เป็นหลักฐาน (ส่วนจะทวงแล้วจะคืนรึเปล่าค่อยว่ากันอีกที)

บล็อกเชนนี่ก็คือเทคโนโลยีที่เก็บข้อมูลเหล่านี้ครับ เปรียบคนในหมู่บ้านเหมือนคนทั่วโลกที่เอาคอมพิวเตอร์มาช่วยกันประมวลผลธุรกรรมของเรา แล้วบิทคอยน์ก็คือสิ่งที่เรานำมาใช้โอนบนเทคโนโลยีนี้ครับ สมมติเราจะโอนเงินให้หลานที่ไปเรียนอเมริกา เราก็โอนบิทคอยน์ได้ทันที แล้วคนทั่วโลกก็จะช่วยกันประมวลผล แล้วก็บันทึกข้อมูลเหล่านี้ไว้ครับ ใครจะมาปลอมแปลงก็จะถูกตีกลับจากระบบ เนื่องจากไม่ตรงกับข้อมูลของคนที่เหลือ ส่วนคนที่เข้ามาช่วยกันประมวลเนี่ย ก็จะได้รับบิทคอยน์เป็นรางวัลไปครับ นอกจากนี้ระบบยังเช็คอีกด้วยว่า คนที่จะโอนไปมีเงินพอจริงๆ รึเปล่า ไม่ใช่มี 20 จะโอน 300 แบบนี้รายการล้มเหลวแน่ครับ เนื่องจากระบบมีการเก็บประวัติการทำธุรกรรมทั้งหมดเอาไว้อย่างถาวร

เห็นมั้ยครับว่าระบบนี้เราไม่ได้อาศัยคนใดคนนึงเป็นตัวกลางในการดำเนินการ หมายความว่าอยู่ดีๆ จะมาแฮ็คของคนนึงแล้วเอาเงินไปหมดเลยไม่ได้ ต้องแฮ็คคอมพิวเตอร์เกินกว่า 50% ของในระบบเลยนะครับ แล้วคอมพิวเตอร์ในระบบเนี่ย โดยส่วนมากก็เป็นของผู้เชี่ยวชาญ เรียกว่าสเป็คอย่างแรงทั้งนั้น นี่เลยเป็นสาเหตุว่าทำไมบล็อกเชนถึงเป็นเทคโนโลยีเข้ารหัสที่มีความปลอดภัยที่สุดในโลกในขณะนี้ครับ

เราสามารถส่งผ่านข้อมูลได้หลายอย่างบนบล็อกเชน?

ใช่ครับ เช่นเราจะทำสัญญาเงินกู้กับคนที่เราไม่รู้จัก เราก็สามารถทำสิ่งที่เรียกว่า Smart Contract ได้ครับ เช่น เราโอนให้จำนวน 10,000 บาท แลกกับการเอารถมาค้ำประกันหนึ่งคัน ถ้าครบ 1 ปีแล้วไม่เอามาคืน กรรมสิทธิ์ในรถคันดังกล่าวจะถูกโอนมาเป็นของผู้ให้กู้ เป็นต้นครับ โดยทุกอย่างจะเกิดขึ้นอย่างอัตโนมัติ ตามเงื่อนไขที่ได้มีการตั้งไว้ตั้งแต่เริ่มต้นครับ

ส่วนบิทคอยน์ เป็นการใช้งานอย่างแรกของบล็อกเชน โดยเป็นสกุลเงินดิจิตอลที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในโลก เนื่องจากว่ามีความเป็นกลางครับ คือใช้ได้ทุกประเทศ เพื่อทุกคน บิทคอยน์ทำให้เราทำธุรกรรมทางการเงินได้ทั้งในประเทศและนอกประเทศ ในแบบที่มีความปลอดภัย ค่าธรรมเนียมต่ำมากๆ จนแทบไม่มี และสะดวกรวดเร็ว เพราะไม่ต้องอาศัยตัวกลางในการดำเนินการใดๆ ครับ ลองคิดดูง่ายๆ ครับว่าทุกวันนี้เราเสียหายกันไปเท่าไหร่แล้วกับค่าธรรมเนียม? ยิ่งการโอนระหว่างประเทศนี่เสียค่าธรรมเนียมแบบ 8-10% กันเลยนะครับ หากเรานำเงินที่ต้องเสียไปเหล่านี้กลับมาได้ก็น่าจะมีนัยยะที่สำคัญทางเศรษฐกิจเลยใช่มั้ยครับ?

นอกจากนี้ก็ยังมีการใช้เป็นสินทรัพย์เพื่อการลงทุน ทำกำไร หรือเก็บออมครับ เช่นช่วง Brexit ที่เงินปอนด์ร่วงลงมา คนก็หันมาถือบิทคอยน์กันเยอะ ทำให้ราคาพุ่งขึ้นไปแตะ 700 เหรียญเลยครับ ด้วยความที่บิทคอยน์ถูกออกแบบมาให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นในระยะยาว เนื่องจากอุปทานที่ลดลงทุกสี่ปี และจำนวนจำกัดสูงสุดที่ 21 ล้านบิทคอยน์ บวกกับคุณสมบัติที่เป็นกลาง ราคาจะขึ้นอยู่กับอุปสงค์และอุปทานของตลาด ทำให้บางคนมองกันว่านี่เป็นอีกหนึ่งช่องทางการลงทุนที่น่าสนใจ สามารถทำกำไรได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวครับ

ตอนนี้พวกเว็บไซต์ดังๆ มากมาย ก็มีการรับบิทคอยน์กันแล้วนะครับ เช่น จะไปเที่ยวนี่จ่ายค่าโรงแรมหรือตั๋วเครื่องบินด้วยบิทคอยน์ผ่าน Expedia ได้เลย หรือเทสล่า รถสุดไฮเทคที่ทุกคนรู้จักกัน ก็รับชำระเงินด้วยบิทคอยน์แล้วครับ

ส่วนในประเทศไทยเราก็มีสตาร์ทอัพที่ให้บริการบิทคอยน์ เช่น coins.co.th ที่จดทะเบียนในประเทศไทย และให้บริการมากกว่า 2 ปีแล้วครับ แอบกระซิบว่าจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ เติมเงินมือถือ ผ่านเว็บนี้ด้วยบิทคอยน์ได้ด้วย