จีนตุนทอง

แม้ราคาทองคำจะพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ แต่จีนยังคงซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง การสะสมทองคำครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเก็งกำไร เบื้องหลังกลยุทธ์นี้ซ่อนอะไรไว้ หาคำตอบได้ในบทวิเคราะห์ต่อไปนี้

1. สะสมทองคำ ลดเสี่ยงดอลลาร์

เป้าหมายหลักที่ขับเคลื่อนให้ธนาคารกลางจีน (PBOC) เร่งซื้อทองคำตั้งแต่ปี 2023 คือการกระจายความเสี่ยงและลดการพึ่งพาสกุลเงินดอลลาร์ โดยรายงานจากสหประชาชาติระบุว่า ความเสี่ยงต่อความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกได้กลายเป็นประเด็นในเชิงระบบ ที่หลายประเทศต้องให้ความสนใจ

ปัจจัยสำคัญเกิดจากกรณีการอายัดเงินสำรองของรัสเซียมูลค่า 300,000 ล้านดอลลาร์โดยประเทศตะวันตกในปี 2022 เหตุการณ์นี้ทำหน้าที่เป็นสัญญาณเตือนให้หลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนา ตระหนักถึงความเสี่ยงทางการเมืองของการพึ่งพาสินทรัพย์สกุลดอลลาร์มากเกินไป 

นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนจากนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐฯ เช่น สงครามการค้า และคำถามต่อความเป็นอิสระของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ก็เป็นแรงผลักสำคัญให้จีนต้องหาทางเลือกที่มั่นคงกว่า

ธนาคารกลางจีนตุนทอง

การซื้อทองคำของธนาคารกลางจีน (PBOC) ตั้งแต่ปี 2002 | Source: Reuters, World Gold Council

2. เป้าหมาย 5,000 ตัน สู่อันดับ 2 ของโลก

ในปีนี้ PBOC ซื้อทองคำไปแล้ว 21 ตัน หลังจากซื้อ 44 ตันในปีก่อนหน้า และ 225 ตันในปี 2023 ส่งผลให้ปัจจุบันจีนถือครองทองคำสำรองอย่างเป็นทางการ 2,300.4 ตัน

แนวคิดเรื่องเป้าหมายทองคำ 5,000 ตัน เกิดขึ้นในปี 2009 โดย “โฮ่ว ฮุ่ยหมิน” รองเลขาธิการสมาคมทองคำแห่งประเทศจีน แนวคิดนี้ถูกนำเสนอเพื่อสะท้อนสถานะของจีนที่สูงขึ้น หลังจากผ่านวิกฤตการเงินโลกในปี 2008

ด้วยการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2009 นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่าเป้าหมายทองคำที่แท้จริงอาจสูงกว่านี้ 

ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญหลายรายมองว่าทองคำสำรองของจีนควรมีอย่างน้อย 5,000 ตัน เพื่อสะท้อนสัดส่วน GDP ของจีนที่คิดเป็น 64% ของสหรัฐฯ สอดคล้องกับปริมาณทองคำประมาณ 5,205 ตัน

หากจีนสามารถสะสมทองคำได้ถึง 5,000 ตัน จะทำให้จีนกลายเป็นผู้ถือครองทองคำสำรองอันดับ 2 ของโลก แซงหน้าเยอรมนี ฝรั่งเศส และอิตาลี เป็นรองเพียงสหรัฐฯ (8,133.5 ตัน)

ประเทศที่ถือทองคำสูงสุด

ประเทศที่ถือทองคำสูงสุด | Source: Reuters, World Gold Council, IMF

3. ข้อได้เปรียบเชิงยุทธศาสตร์

แม้จีนจะมีเป้าหมายในการสะสมทองคำอย่างชัดเจน แต่สัดส่วนทองคำสำรองของประเทศยังถือว่ายังต่ำมาก โดยทองคำสำรองจีนคิดเป็นเพียง 7% ของทุนสำรองทั้งหมด ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของโลกที่อยู่ราว 22% 

สาเหตุสำคัญมาจากจีนถือครองทุนสำรองเงินตราต่างประเทศมหาศาลถึง 3.6 ล้านล้านดอลลาร์ ทำให้การเพิ่มสัดส่วนทองคำในภาพรวมเป็นเรื่องท้าทาย

อย่างไรก็ดี จีนมีข้อได้เปรียบเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญ คือการเป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ที่สุดในโลก ข้อได้เปรียบนี้ช่วยให้การสะสมทองคำทำได้ง่ายกว่าประเทศอื่น และทำให้จีนสามารถเพิ่มปริมาณทองคำในคลังได้จากภายในประเทศเอง

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่าหน่วยงานรัฐและสถาบันอื่น ๆ อาจถือครองทองคำอีกจำนวนมากที่ไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ 

โรบิน บาร์ หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า “ดูเหมือนจีนจะมีความต้องการซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ได้รีบไล่ซื้อตามราคาที่สูงขึ้น” อีกทั้งยังคาดการณ์ว่าในกรณีที่เศรษฐกิจจีนก้าวขึ้นเป็นอันดับ 1 ของโลก ปริมาณทองคำทั้งหมดอาจสูงถึง 8,000 ตัน

เศรษฐกิจจีน

การขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา | Source: Reuters, IMF

4. สัญญาณจัดระเบียบเศรษฐกิจโลกใหม่

แม้ปัจจุบันราคาทองคำจะพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ แต่จีนยังคงซื้อทองคำต่อเนื่อง แสดงให้เห็นว่าในสายตาของจีน ทองคำไม่ใช่เพียงสินทรัพย์เพื่อเก็งกำไร แต่เป็นเครื่องมือในการปรับดุลอำนาจทางเศรษฐกิจกับสหรัฐฯ พร้อมลดความเปราะบางของระบบการเงินที่พึ่งพาดอลลาร์

การสะสมทองคำยังช่วยเสริมสร้างเสถียรภาพให้เศรษฐกิจจีนในโลกที่เต็มไปด้วยความผันผวน เช่น หากเกิดวิกฤติการเงินหรือความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ จีนจะมี “ตัวกันชน” ที่มั่นคงมากขึ้น 

และยังสามารถใช้ทองคำสำรองเป็นเครื่องมือทางการทูตหรือเศรษฐกิจ เช่น การใช้ทองคำและสินทรัพย์สำรองอื่น ๆ ในการสร้างความน่าเชื่อถือกับพันธมิตรต่างประเทศ หรือเป็นหลักประกันในการลงทุนข้ามพรมแดน


อ้างอิง: Reuters

 

Tax Cal