ในทุก ๆ เดือนมกราคม กิจกรรมหลักของนักลงทุนหุ้นกู้คือการเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อการยื่นภาษี หลายคนมีความเชื่อว่าหากฐานภาษีอยู่ที่ 15% จะไม่มีความจำเป็นในการขอคืนภาษี แต่ความจริงแล้วภาษีนั้นถูกคิดเป็นระบบขั้นบันได ทำให้ยึดหลักการนี้ไม่ได้เสมอไป วันนี้เราจะมาหาคำตอบว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
คำนวณหา “รายได้สุทธิ” เพื่อเเจ้งเสียภาษี
การหารายได้สุทธินั้นมาจาก การคำนวณ
เงินได้ – ค่าใช้จ่ายตามประเภทของเงินได้ – ค่าลดหย่อนตามประกาศของกรมสรรพากร
จากข้อมูลจากกรมสรรพากร “เนื่องจากผู้มีเงินได้ประกอบอาชีพแตกต่างกัน มีความยากง่ายหรือต้นทุนที่แตกต่างกัน เพื่อความ เป็นธรรม ในกฎหมายจึงได้แบ่งลักษณะเงินได้(พึงประเมิน) ออกเป็นกลุ่ม ๆ ตามความเหมาะสมเพื่อกำหนด วิธีคำนวณภาษีให้เกิดความเป็นธรรมมากที่สุด” เพราะฉะนั้นทางสรรพากรจึงแบ่งรายได้ออกเป็น 8 ประเภท โดยในกรณีเงินได้จากดอกเบี้ยหุ้นกู้นั้นถือว่าเป็นรายได้ประเภทที่ 4
- เงินได้ประเภทที่ 1 ได้แก่ เงินได้เนื่องจากการจ้างแรงงาน
- เงินได้ประเภทที่ 2 ได้แก่ เงินได้เนื่องจากหน้าที่หรือตำแหน่งงานที่ทำ หรือจากการรับทำงานให้
- เงินได้ประเภทที่ 3 ได้แก่ ค่าแห่งกู๊ดวิลล์ ค่าแห่งลิขสิทธิ์หรือสิทธิอย่างอื่น เงินปี หรือเงินได้ที่มีลักษณะเป็นเงินรายปีอันได้มาจากพินัยกรรม นิติกรรมอย่างอื่น หรือคำพิพากษาของศาล
- เงินได้ประเภทที่ 4 ได้แก่ ดอกเบี้ย เงินปันผล เงินส่วนแบ่งกำไร เงินลดทุน เงินเพิ่มทุน ผลประโยชน์ที่ได้จากการโอนหุ้น ฯลฯ เป็นต้น
- เงินได้ประเภทที่ 5 เงินได้จากการให้เช่าทรัพย์สิน เงินหรือประโยชน์อย่างอื่น ที่ได้เนื่องจาก
- การให้เช่าทรัพย์สิน
- การผิดสัญญาเช่าซื้อทรัพย์สิน
- การผิดสัญญาซื้อขายเงินผ่อนซึ่งผู้ขายได้รับคืนทรัพย์สินที่ซื้อขายนั้นโดยไม่ต้องคืนเงินหรือประโยชน์ที่ได้รับไว้แล้ว
- เงินได้ประเภทที่ 6 ได้แก่ เงินได้จากวิชาชีพอิสระ คือวิชากฎหมาย การประกอบโรคศิลป วิศวกรรม สถาปัตยกรรม การบัญชี ประณีตศิลปกรรม หรือวิชาชีพอื่นซึ่งจะได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดชนิดไว้
- เงินได้ประเภทที่ 7 ได้แก่ เงินได้จากการรับเหมาที่ผู้รับเหมาต้องลงทุนด้วยการจัดหาสัมภาระ ในส่วนสำคัญนอกจากเครื่องมือ
- เงินได้ประเภทที่ 8 ได้แก่ เงินได้จากการธุรกิจ การพาณิชย์ การเกษตร การอุตสาหกรรม การขนส่ง การขายอสังหาริมทรัพย์ หรือการอื่นนอกจากที่ระบุไว้ในประเภทที่ 1 ถึงประเภทที่ 7 แล้ว
ค่าใช้จ่ายตามประเภทของเงินได้
แต่ละประเภทเงินได้จะสามารถหักค่าใช้จ่ายได้แตกต่างกัน โดยมีรายละเอียดเบื้องต้นดังต่อไปนี้ ซึ่งในส่วนของเงินได้ประเภทที่ 4 นั้นจะไม่สามารถค่าใช้จ่ายได้
Source : https://www.rd.go.th/556.html
รายการลดหย่อนภาษี
ค่าลดหย่อนและยกเว้นเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบในการคำนวณภาษีที่กฎหมายกำหนดให้นำไปหักออก จากเงินได้ได้อีกหลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้ว โดยมีการหักลดหย่อนกรณีต่าง ๆ แตกต่างกันออกไป เช่น ผู้มีเงินได้หักค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท, ค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออม SSF หักลดหย่อนเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินร้อยละ 30 ของเงินได้พึงประเมิน และต้องไม่เกิน 200,000 บาท, เงินบริจาค และอื่น ๆ
ถ้าเรานำ รายได้ หัก ค่าใช้จ่ายตามประกาศ หัก ลดหย่อนภาษี ก็ได้จะเงินได้สุทธิที่เราต้องทำไปเสียภาษี โดยมีฐานภาษีตามนี้
ภาษีเราจ่ายเป็นขั้นบันได ไม่ใช่จ่ายเหมา
หลาย ๆ ท่านอ่านมาถึงตรงนี้เเล้วอาจจะเคยได้ยินมาว่า ถ้ารายได้คุณถูกคิดภาษีอยู่ที่ 15% สำหรับนักลงทุนหุ้นกู้หรือสินทรัพย์ที่ได้รับปันผล, ดอกเบี้ย ไม่จำเป็นต้องยื่นของคืนภาษีเนื่องจากไม่มีส่วนที่ขอคืนได้
ซึ่งคำตอบของเรื่องนี้จริง ๆ แล้วคือ “ไม่จำเป็นเสมอไป” เคสไหนบ้างที่จริง ๆ แล้วสามารถมีส่วนที่ขอคืนภาษีได้วันนี้เรามาลองคิดกัน
ต้องบอกว่าภาษีที่คิดนั้นเป็นระบบแบบขั้นบันได คือ แม้ว่าท่านจะมีรายได้สุทธิ ถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษี 15% นั่นไม่ได้หมายถึง ท่านจะต้องเสียภาษี 15% ตั้งเเต่บาทแรก ความจริงแล้วคือ รายได้ในแต่ละช่วงจะเสียภาษีในแต่ละช่วง
ตัวอย่างตามภาพที่น่าสนใจคือ กรณีมี รายได้สุทธิ / รายได้ดอกเบี้ย 1,000,000 บาท แท้จริงแล้วท่านควรจะเสียภาษีมูลค่า 103,000 บาท แต่ว่าท่านจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% คิดเป็นมูลค่า 150,000 บาท นั่นหมายถึงท่านถูกคิดภาษีเกินกว่า 47,000 บาทเลยทีเดียว
จากการคำนวณ หากท่านรายได้สุทธิน้อยกว่า 1,500,000 บาทโดยท่านมี หักลดหย่อน 60,000 บาท ท่านจะมีส่วนที่ขอคืนภาษีได้ และหากท่านมีการซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีเต็มโควต้าที่ทางสรรพากรกำหนดไว้ รายได้สุทธิที่มีโอกาสขอคืนภาษีได้นั้นจะสูงสุดที่ 3,000,000 บาทเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม รายการลดหย่อนของแต่ละท่านนั้นมีมากน้อยไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้น ท่านสามารถลองคำนวณการเสียภาษีของท่านได้เองผ่านเว็ปไซต์ของสรรพากรอีกครั้ง เพื่อตรวจสอบว่าในกรณีของนักลงทุนแต่ละท่าน การขอคืนภาษีนั้นมีส่วนที่ได้คืนหรือไม่ : https://efiling.rd.go.th/rd-cms/
รวมทั้งรายละเอียดการยื่นรายได้ประเภทที่ 4 ได้ที่นี่
ก่อนหน้านี้ไม่เคยยื่นเลย ตอนนี้ถ้าจะยื่นแล้วหาเอกสารหักภาษีไม่เจอต้องทำอย่างไร
- ตรวจสอบว่านายทะเบียนหุ้นกู้เราคือใคร โดยท่านสามารถกรอกรหัสหุ้นกู้เพื่อตรวจสอบ registra ได้ที่เว็บไซต์ www.thaibma.com
- หลังจากตรวจสอบแล้ว หากท่านยังไม่ได้รับเอกสารหักภาษี หลังที่ท่านได้รับดอกเบี้ย ท่านสามารถพิจารณาขอออกหลักฐานใหม่โดยติดต่อผ่านช่องทางตามด้านล่างได้ โดยบางนายทะเบียนได้มีระบบการขอหลักฐานการหักภาษีผ่านการดาวน์โหลดผ่านช่องทางออนไลน์ได้ด้วย
อ่านบทความเกี่ยวกับหุ้นกู้เพิ่มเติม
- หุ้นกู้ คืออะไร? รวมทุกเรื่องที่ควรรู้ก่อนลงทุนหุ้นกู้ ครบในที่เดียว!
- รู้จัก Credit Rating: กุญแจสำคัญก่อนลงทุนหุ้นกู้
- How to คัดหุ้นกู้คุณภาพดี ด้วย 5 อัตราส่วนทางการเงิน
- รู้จัก 5F2M: โมเดลคัดหุ้นกู้คุณภาพที่คนลงทุนหุ้นกู้ต้องรู้
- เทียบหมัดต่อหมัด! หุ้นกู้ตลาดแรก vs ตลาดรอง: ต่างกันอย่างไร เลือกลงทุนตลาดไหนดี?
- ประชันทุกมุม! หุ้นสามัญ vs หุ้นกู้ ลงทุนอะไรดี?
- 3 ข้อควรรู้ ก่อนลงทุนในหุ้นกู้ I POCKET MONEY EP46
อ้างอิง
- https://www.rd.go.th/553.html
- https://www.krungsri.com/th/business/securities/registrar/home
- https://www.set.or.th/th/tsd/services/registrar
- https://www.bot.or.th/th/our-services/bond-and-debt-securities-services/withholding-tax-certificate-bond-interest.html
- https://wealth.cimbthai.com/th/ArticlesDetail37.html
- https://www.scb.co.th/th/corporate-banking/corporate-trust/registrar.html
- https://www.bangkokbank.com/th-TH/Business-Banking/Securities-Services/Securities-Registrar