ทองคำพุ่งทำสถิติใหม่

ปี 2025 กลายเป็นปีที่ทองคำโดดเด่นเหนือพันธบัตร เมื่อความผันผวนทางเศรษฐกิจและนโยบายการเงินที่ไม่แน่นอน ทำให้นักลงทุนแห่ปกป้องความมั่งคั่งด้วยสินทรัพย์จับต้องได้ 

ราคาทองคำทำสถิติใหม่อยู่ที่ 3,578.5 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลระยะยาวหลายประเทศปรับตัวสูง จนดึงดูดแรงขายออกจากตลาด

ความกังวลหลักเกิดจาก ความไม่แน่นอนทางการเมืองและการคลัง ผลักดันให้ Bond Yield สหรัฐฯ 30 ปีทะลุ 5% เป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 

ด้าน Bond Yield ญี่ปุ่นทำสถิติสูงสุดใหม่ ส่วนอังกฤษ ฝรั่งเศส และก็พุ่งสูงขึ้น นักวิเคราะห์หลายคนสรุปว่า นักลงทุน “ไม่พอใจ” กับทิศทางนโยบาย จึงนำเงินออกจากพันธบัตร

แต่ทองคำกลับยังคงเป็นดาวเด่น เพราะเป็นสินทรัพย์จริงที่ไม่สามารถถูกลดค่าจากความผิดพลาดของรัฐบาลหรือธนาคารกลาง ต่างจากพันธบัตรที่เป็นเพียงสัญญารับเงินในอนาคต การลงทุนในทองคำจึงถูกมองว่าเป็น เครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ

อีกทั้งปัจจัยทางการเมืองสหรัฐฯ ยังเป็นตัวเร่งให้ทองคำโดดเด่นมากขึ้น การแทรกแซงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ต่อ Fed เช่น การพยายามปลดผู้ว่าการ Lisa Cook และกดดันให้อัตราดอกเบี้ยลดลง ทำให้เกิดความกังวลว่าความเป็นอิสระของ Fed อาจถูกทำลาย 

ยิ่งกว่านั้น นักลงทุนยังจับตาการลดค่าเงินดอลลาร์และความเสี่ยงจากหนี้สาธารณะที่เพิ่มสูง ความตึงเครียดทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้ทองคำกลายเป็น “safe haven แห่งยุค”

Goldman Sachs จึงประเมินว่าราคาทองคำอาจพุ่งไปถึง 4,000–5,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยแบ่งเป็น 3 กรณี

  1. ราคาทองคำอาจปรับขึ้นไป 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ภายในกลางปี 2026 ซึ่งเป็นแนวโน้มที่น่าจะเกิดขึ้นมากที่สุด
  2. หากเศรษฐกิจและตลาดการเงินเผชิญความผันผวนรุนแรง ราคาทองคำอาจพุ่งถึง 4,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์
  3. และในกรณีที่นักลงทุนเพียง 1% ของการถือครองพันธบัตรสหรัฐฯ ย้ายเงินมาลงทุนในทองคำ ราคาทองคำอาจทะยานไปใกล้ 5,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์

อ้างอิง: CNBC

Tax Cal