Fed ประกาศยุติ QT

ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีมติ 10 ต่อ 2 เสียง ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% สู่กรอบ 3.75–4.00% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ นับเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งที่สองติดต่อกันในรอบปี หลังเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่งสัญญาณชะลอตัว โดยเฉพาะตลาดแรงงานที่เริ่มอ่อนแรง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังทรงตัวเหนือเป้าหมาย 2%

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ตลาดการเงินสะดุดคือถ้อยแถลงของประธาน Fed เจอโรม พาวเวลล์ (Jerome Powell) ซึ่งระบุว่าการลดดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมเดือนธันวาคมยังไม่แน่นอน และคณะกรรมการยังห่างไกลจากข้อสรุปนั้น

ประโยคดังกล่าวเพียงไม่กี่วินาทีก็เพียงพอให้บรรยากาศในตลาดพลิกจากบวกเป็นลบ ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นทันที ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับกลับขึ้นเหนือระดับ 4% ขณะที่ดัชนีหุ้นหลักของสหรัฐฯ ซึ่งเดิมดีดตัวขึ้นหลังประกาศผลการประชุม กลับอ่อนตัวลงในช่วงท้ายการซื้อขาย

พาวเวลล์ย้ำว่าภายในคณะกรรมการ FOMC ยังมีความเห็นแตกต่างอย่างมากต่อทิศทางในเดือนธันวาคม บางฝ่ายต้องการลดอัตราดอกเบี้ยต่อเพื่อพยุงตลาดแรงงานที่เริ่มชะลอ ขณะที่อีกฝ่ายกังวลว่าอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูงเกินกว่าจะผ่อนคลายเพิ่มเติมได้

ในรอบนี้มีกรรมการ 2 คนลงมติคัดค้าน ได้แก่ สตีเฟน มิแรน (Stephen Miran) ผู้ใกล้ชิดทีมเศรษฐกิจของประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งเห็นว่าควรลดแรงกว่านี้ที่ 0.5% และเจฟฟรีย์ ชมิด จาก Fed สาขาแคนซัสซิตี้ ซึ่งเห็นว่าควรรักษาระดับเดิมไม่ควรลดลงอีก

ขณะเดียวกัน Fed ประกาศยุติมาตรการ “คุมเข้มเชิงปริมาณ” (Quantitative Tightening) ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม หลังปรับลดการถือครองพันธบัตรและตราสาร MBS ไปแล้วกว่า 2.3 ล้านล้านดอลลาร์ เหลือขนาดงบดุลประมาณ 6.6 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2020 การยุติมาตรการดังกล่าวสะท้อนถึงความกังวลของธนาคารกลางต่อสภาพคล่องในตลาดการเงินระยะสั้น

ความซับซ้อนของการตัดสินใจรอบนี้คือ Fed กำลังดำเนินนโยบายภายใต้ภาวะข้อมูลจำกัด เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐฯ ยังอยู่ในภาวะปิดหน่วยงาน (Shutdown) ทำให้ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ เช่น ตัวเลขการจ้างงาน รายได้ และยอดค้าปลีก ไม่สามารถเผยแพร่ได้ ส่งผลให้คณะกรรมการต้องประเมินทิศทางเศรษฐกิจโดยอาศัยข้อมูลเพียงบางส่วน

แม้รายงานจากภาคเอกชน เช่น ข้อมูลการจ้างงานของ ADP จะชี้ว่ามีการสูญเสียตำแหน่งงานกว่า 32,000 ตำแหน่งในเดือนกันยายน แต่พาวเวลล์ยังประเมินว่าตลาดแรงงานอ่อนลงแต่ยังไม่ถึงขั้นทรุดตัว เขาเปรียบเทียบสถานการณ์ว่า “เมื่อขับรถในหมอก สิ่งที่ควรทำคือชะลอความเร็ว”

อัตราเงินเฟ้อเดือนกันยายนอยู่ที่ 3% ต่ำกว่าที่คาดการณ์ แต่ยังสูงกว่าเป้าหมายของ Fed โดยเฉพาะในหมวดพลังงานและสินค้าอุปโภคที่ได้รับผลจากมาตรการภาษีของรัฐบาลทรัมป์ Fed ยอมรับว่าแม้อัตราเงินเฟ้อโดยรวมเริ่มชะลอลง แต่ยังไม่อาจประกาศชัยชนะได้

การตัดสินใจรอบนี้จึงสะท้อนถึงความเปราะบางของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่กำลังเผชิญแรงกดดันจากหลายด้าน ตลาดแรงงานเริ่มชะลอ เงินเฟ้อยังสูง และข้อมูลเศรษฐกิจขาดหายจากภาวะชัตดาวน์ พาวเวลล์จึงเลือกที่จะชะลอจังหวะนโยบายการเงิน มากกว่าที่จะเร่งผ่อนคลาย แม้ตลาดการเงินและทำเนียบขาว โดยเฉพาะประธานาธิบดีทรัมป์ จะยังคงกดดันให้ Fed ลดดอกเบี้ยเร็วและแรงกว่านี้


อ้างอิง: CNBC

Tax Cal