
สัญญาณเตือนใหม่จาก Fitch Ratings กำลังส่งแรงสั่นสะเทือนไปทั้งตลาดการเงินไทย เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2025 สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับโลกได้ปรับลดแนวโน้มอันดับเครดิตระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศของไทย (Long-Term Foreign-Currency IDR) จาก “มีเสถียรภาพ” (Stable) เหลือ “ลบ” (Negative) แม้ยังคงอันดับเครดิตไว้ที่ BBB+
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวสะท้อนความกังวลเกี่ยวกับฐานะการคลังที่อ่อนแอลง ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและความไม่แน่นอนทางการเมือง หลังการเปลี่ยนผ่านอำนาจครั้งล่าสุด พร้อมกับคำมั่นจัดเลือกตั้งใหม่ภายใน 4 เดือน ทำให้ความต่อเนื่องของนโยบายการคลังตกอยู่ใต้สายตาจับจ้องของนักลงทุนอย่างใกล้ชิด
หนี้สาธารณะขยับแตะเพดานเสี่ยง
รายงานของ Fitch ชี้ว่า ก่อนโควิด หนี้สาธารณะไทยอยู่เพียงราว 34% ของ GDP แต่ล่าสุดเดือนสิงหาคม 2025 พุ่งขึ้นมาแตะ 59.4% หรือเพิ่มขึ้นกว่า 73% ภายในเวลาไม่กี่ปี จนเกือบเท่าค่าเฉลี่ยของประเทศในกลุ่ม BBB ที่ 59.6% ตัวเลขที่ขยับรวดเร็วเช่นนี้สะท้อนแรงกดดันต่อเสถียรภาพการคลังอย่างชัดเจน
ขณะเดียวกัน การขาดดุลงบประมาณยังคงสูง คาดว่าจะอยู่ที่ 4.6% ของ GDP ในปี 2025 และลดลงเพียงเล็กน้อยในปี 2026
แม้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะช่วยพยุงการเติบโต แต่กลับทำให้การฟื้นฟูฐานะการคลังชะลอลง โดยยังไม่เห็นแผนลดการขาดดุลอย่างเป็นรูปธรรมหลังปี 2026
เศรษฐกิจโตต่ำ แรงกดดันรอบด้าน
Fitch คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตเพียง 2.2% ในปี 2025 และ 1.9% ในปี 2026 ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่ม BBB ที่ 2.7% ปัจจัยฉุดรั้งสำคัญ ได้แก่
- การท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นเต็มที่ 8 เดือนแรกมีนักท่องเที่ยว 21.9 ล้านคน ต่ำกว่าก่อนโควิดเกือบครึ่ง โดยเฉพาะตลาดจีนที่ยังหดตัว
- การส่งออกซบเซา ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกอ่อนแรง และมาตรการภาษีนำเข้า 19% ของสหรัฐฯ
- หนี้ครัวเรือนสูง แม้ลดจากระดับพีก 95.5% ของ GDP เหลือ 87.4% แต่ยังจำกัดการบริโภคในประเทศ
ด้านนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทยยังมีช่องให้ผ่อนคลายเพิ่มเติม หลังเงินเฟ้อทั่วไปติดลบ และอัตราดอกเบี้ยนโยบายถูกลดลงเหลือ 1.5% โดยมีแนวโน้มลดต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
จุดแข็งที่ค้ำเครดิต
แม้ Outlook ถูกหั่นลง แต่ Fitch ยังคงอันดับเครดิตไว้ที่ BBB+ ด้วยเหตุผล 3 ประการ ได้แก่
1. ฐานะการเงินต่างประเทศแข็งแรง ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลต่อเนื่อง และสินทรัพย์ต่างประเทศสุทธิสูงถึง 47% ของ GDP
2. นโยบายเศรษฐกิจมหภาคระมัดระวัง ช่วยรักษาเสถียรภาพแม้การคลังเปราะบาง
3. โครงสร้างหนี้มั่นคง ส่วนใหญ่เป็นหนี้สกุลเงินบาท และภาระดอกเบี้ยคิดเป็นเพียง 5.7% ของรายได้รัฐบาล ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยประเทศในกลุ่มเดียวกัน
ความเสี่ยงข้างหน้า
Fitch เตือนว่า หากรัฐบาลใหม่ไม่สามารถควบคุมหนี้สาธารณะต่อ GDP ให้นิ่งลง หรือความวุ่นวายทางการเมืองบั่นทอนความเชื่อมั่น จนกระทบต่อการท่องเที่ยวและการเติบโต เศรษฐกิจไทยอาจเผชิญความเสี่ยงต่อการถูกลดอันดับเครดิตในอนาคต
ในทางกลับกัน หากรัฐบาลใหม่สามารถฟื้นเสถียรภาพ วางแผนลดขาดดุลชัดเจน และขับเคลื่อนเศรษฐกิจสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ก็อาจเป็นโอกาสพลิก Outlook กลับมาเป็น “บวก” ได้เช่นกัน
Source: Fitch Ratings