ต่างชาติถือพันธบัตรสหรัฐ 2025

กระทรวงการคลังสหรัฐอเมริกา เปิดเผยข้อมูลการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ว่า ในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 มีนักลงทุนต่างชาติถือครองพันธบัตรสหรัฐฯ จำนวน 8.8 ล้านล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 2.9 แสนล้านดอลลาร์ จากเดือนมกราคมที่ผ่านมา ถือเป็นการปรับเพิ่มขึ้นรายเดือนที่มากที่สุดนับตั้งแต่มิถุนายน 2021

ญี่ปุ่นและจีน คือประเทศที่ถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐมากที่สุด 2 อันดับแรก โดยที่ญี่ปุ่นมีการซื้อเพิ่มไป 4.6 หมื่นล้านดอลลาร์ ทำให้ยอดถือครองรวมอยู่ที่ 1.1 ล้านล้านดอลลาร์ ด้านจีนก็มียอดถือครองเพิ่มขึ้น 2.3 หมื่นล้านดอลลาร์ รวมเป็น 7.8 แสนล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ ต่างชาติ 20 อันดับแรกที่ถือครองพันธบัตรสหรัฐ มีเพียงสวิตเซอร์แลนด์, นอร์เวย์, เยอรมนี และซาอุดีอาระเบีย ที่ลดการถือครองลง

ส่วนประเทศอื่น ๆ เช่น ญี่ปุ่น, จีน, สหราชอาณาจักร, ลักเซมเบิร์ก, แคนาดา, เบลเยี่ยม, ฝรั่งเศส, ไอร์แลนด์, ไต้หวัน, ฮ่องกง, สิงคโปร์, อินเดีย, บราซิล, เกาหลีใต้ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ล้วนเพิ่มสัดส่วนการถือครอง

10 ประเทศที่ถือพันธบัตรสหรัฐมากที่สุด

10 ประเทศเจ้าหนี้รายใหญ่ของสหรัฐฯ

นี่คือรายชื่อ 10 ประเทศที่ถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ มากที่สุดในโลก ซึ่งถูกมองว่าเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยสูง หลายประเทศถือไว้ในฐานะสินทรัพย์สำรอง นอกจากนี้ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ยังเป็นหัวใจของระบบเศรษฐกิจโลกที่รัฐบาลสหรัฐฯ ใช้เป็นเครื่องมือในการระดมทุนกับประชาชน ธนาคารพาณิชย์ กองทุนรวม และธนาคารกลางของประเทศต่าง ๆ

  1. ญี่ปุ่น $1.1 ล้านล้าน
  2. จีน $7.8 แสนล้าน
  3. สหราชอาณาจักร $7.5 แสนล้าน
  4. หมู่เกาะเคย์แมน $4.2 แสนล้าน
  5. ลักเซมเบิร์ก $4.1 แสนล้าน
  6. แคนาดา $4.0 แสนล้าน
  7. เบลเยียม $3.9 แสนล้าน
  8. ฝรั่งเศส $3.5 แสนล้าน
  9. ไอร์แลนด์ $3.4 แสนล้าน
  10. ไต้หวัน $2.9 แสนล้าน

 

ในปี 2025 พันธบัตรสหรัฐฯ หมุนเวียนในระบบการเงินโลกมากกว่า 36 ล้านล้านดอลลาร์ ถือครองโดยรัฐบาลและนักลงทุนต่างประเทศ จำนวน 8.8 ล้านล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 24%

ทั้งนี้ ช่วงปี 1945-2008 สัดส่วนการถือครองพันธบัตรสหรัฐฯ โดยต่างชาติพุ่งน้อยนิดเป็นเกือบ 50% แต่หลังปี 2008 เป็นต้นมา สัดส่วนนี้ค่อย ๆ ปรับลดลงเหลือต่ำกว่า 30% จนถึงปัจจุบัน

ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า “การลดการพึ่งพาดอลลาร์” (de-dollarization) ยังเป็นเรื่องที่ต้องจับตา เพราะจะเห็นว่าต่างชาติยังมีความต้องการถือครองพันธบัตรสหรัฐอยู่สูงมาก แม้จะเป็นการรายงานตัวเลขของเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ Trump Tariffs ออกมาปั่นป่วนการค้าโลก

ในช่วงที่ผ่านมา เกิดกระแสข่าวลือว่าจีนกับญี่ปุ่นกำลังทิ่งพันธบัตรสหรัฐจำนวนมหาศาล เพื่อตอบโตในประเด็นสงครามการค้า อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามข้อมูลของช่วงเดือนเมษายน 2025 ซึ่งจะเผยแพร่ออกมาประมาณเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้

เพราะอีกด้านพันธบัตรสหรัฐฯ อาจกลายเป็นอาวุธตอบโต้ของคู่ค้าต่างชาติ โดยเฉพาะจีนกับญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้ถือครองหนี้รายใหญ่ และมีโอกาสใช้สินทรัพย์นี้เป็นเครื่องมือต่อรอง แม้ที่ผ่านว่ารัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ จะยืนยันว่าไม่พบสัญญาณการเทขายพันธบัตรในระดับที่น่ากังวลจากประเทศเหล่านี้ก็ตาม

Capital Economics วิเคราะห์ว่า หากจีนใช้ตลาดพันธบัตรในการโต้ตอบสหรัฐฯ นี่เปรียบเป็น “เกมที่ไม่มีผู้ชนะ” (lose-lose situation) เพราะเศรษฐกิจของสองประเทศเชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้งในระดับโครงสร้าง ดังนั้น การโจมตีกันด้วยเครื่องมือทางการเงินเช่นนี้ จะทำให้ทั้งสองฝ่ายได้รับผลกระทบรุนแรง


Source: reuters, ticdata.treasury.gov, Benjamin Braun, BBC, CNBC

ThaiESGX