pokemon-go-cover

“Gotta catch ’em all” FINNOMENA จะขอพาจับกระแส Fever สุดฮิตอย่าง Pokemon Go กัน!

“Gotta catch ’em all” นั้นเป็นวลีสุดดังของการ์ตูนยอดฮิตตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันนั่นคือ “Pokemon” 

แล้วทำไมเพิ่งมาพูดถึงการ์ตูนนี้??

ปัจจุบันคงเถียงไม่ได้ว่าไม่มีใครไม่รู้จัก “Pokemon Go” เกมส์ที่มาแรงที่สุดในศตวรรษนี้!! ซึ่งเป็นเกมส์ที่เอาคอนเซ็ปของการ์ตูนนี้เข้ามารวมอยู่เกมส์ โดยในวันนี้ “FINNOMENA” จะพาผู้อ่านทุกท่าน “เจาะลึก” เทรนที่เกิดขึ้นของเกมส์นี้กัน

รูปแบบเกม

PokemonGo3

Pokemon

ภาพที่ 1 : ภาพตัวอย่างเกมส์โปเกมอน โก

โดยผู้เล่นจะได้รับบทบาทเป็น “Pokemon Trainer” ที่จะต้องออกตามหาเหล่า Pokemon ต่างๆ  เพื่อ สะสมให้ครบทั้ง  151 ตัว ซึ่งการจะตามหา Pokemon เหล่านี้  ผู้เล่นจะต้องออกเดินหาตามแผนที่ต่างๆ และนำมาฝึกฝนเพื่อพัฒนาให้ Pokemon ของเราแข็งแกร่งขึ้นเพื่อที่จะสามารถนำไปต่อสู้กับ Trainer คนอื่นๆได้ นี่จึงเป็นจุดดึงดูดเหล่าผู้เล่นมากมายให้เข้ามาเล่นเกม Pokemon Go กัน

เกมนี้ร้อนแรงแค่ไหนกัน?

โดยในหนึ่งวันมีจำนวนผู้เล่นเข้ามาเล่นเกมส์ Pokemon Go เฉลี่ยมากกว่า 21 ล้านคนต่อวัน ซึ่งถือว่าร้อนแรงมากครับท่านผู้อ่าน!

activeUserภาพที่ 2 : จำนวนผู้เล่นเฉลี่ยต่อวันของแต่ละเกมส์
ที่มา : http://appinstitute.com/pokemongo-realtime-stats

แต่ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น ในหนึ่งวัน ผู้เล่นนั้นใช้เวลาเล่น โดยเฉลี่ย 30 นาทีต่อวัน  ซึ่งถือว่าสูงกว่าจำนวนเวลาเฉลี่ยที่คนเข้าไปใช้ “FACEBOOK” เสียอีกครับ

DailyTimeSpent

ภาพที่ 3 : เวลาเฉลี่ยต่อคนที่เข้าใช้งานในแต่ละแอปต่อวัน
ที่มา : http://appinstitute.com/pokemongo-realtime-stats

แต่สำหรับแฟนๆ ชาวไทยยังคงต้องรอต่อไปก่อนนะครับ เพราะว่าตอนนี้เกมส์ Pokemon Go ให้บริการแล้วใน 26 ประเทศทั่วโลก ซึ่งคาดว่าจะเข้าในประเทศไทยประมาณช่วงปลายปี ใครที่อยากเล่นก็ต้องอดใจรอกันไปก่อนนะครับ

มันก็เป็นกระแสแค่เกมส์ป่ะ?

ยังครับ…  ยังไม่จบแค่นั้น  การที่เกมส์ Pokemon Go ยังฮิตติดกระแสเป็น Fever อย่างไม่หยุดยั้งนี้   ทำให้เกิดกลยุทธ์ทางการตลาดใหม่ๆมากมาย  ยกตัวอย่างเช่น ร้านค้าต่างๆที่เสนอให้เหล่า Trainer สามารถเข้ามาพักผ่อนในร้าน หรือแลกของรางวัลต่างๆได้  รวมถึงยอดขาย Power Bank ที่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า  จากการที่เหล่า Trainer ต้องใช้ในการออกไปตามล่าหา Pokemon ตามสถานที่ต่างๆ   และยังมีการผลิต อุปกรณ์เสริม “PokeDrone” ที่ทำให้สามารถจับเหล่า Pokemon ตามสถานที่เข้าถึงได้ยากอย่าง แม่น้ำหรือบนภูเขา

PokeDrone

ภาพที่ 3 : อุปกรณ์เสริม PokeDrone

หรือแม้กระทั่ง เคสมือถือแบบพิเศษ” ที่ทำหน้าที่เป็นตัวช่วยทำให้ผู้เล่นเพิ่มความแม่นยำในการจับ Pokemon ได้มากขึ้น ทั้งหมดนี้เป็นแค่เพียงตัวอย่างส่วนหนึ่งเท่านั้นเองนะครับ  ยิ่งเกมส์ฮิตเท่าไหร่ เราอาจจะได้เห็นอุปกรณ์ต่างๆถูกพัฒนาออกมาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆแน่นอนครับ

PokeCase

ภาพที่ 4 : เคสมือถือแบบพิเศษ PokeCase

แล้วใครกันล่ะที่สร้างเกมที่เป็นกระแสเช่นนี้?

John Hanke

ภาพที่ 5 : John Hanke ผู้สร้างเกมส์ โปเกมอน โก

พูดถึงเกมส์กันไปแล้ว ตอนนี้ FINNOMENA ขอพาท่านผู้อ่านไปทำความรู้จักบุคคลสำคัญของเรา  นั่นก็คือ John Hanke” ผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ Pokemon Go ผู้ซึ่งใช้เวลากว่า 20 ปี  ในการพัฒนาองค์ความรู้ต่างๆก่อนที่จะออกมาเป็นเกมส์สุดฮิตให้เราเล่นกันวันนี้ ซึ่งนาย John Hanke ได้เคยกล่าวว่า  เค้าต้องการที่จะสร้าง  “User Generated Meeting Point” หรือการทำให้คนในสังคมซึ่งก็คือผู้เล่นเกมส์นั้นออกมาเจอกันในโลกมากขึ้น  หรือนี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของความสิ้นสุดของสังคมก้มหน้าก็เป็นด้ายยยยยย

UserGeneratedMeetingPoint

ภาพที่ 6 : สังคมก้มหน้าจะหมดไปหรือไม่?

นอกจากสร้างรายได้ให้กับบริษัทผู้ผลิตเกมส์แล้ว  Pokemon Go ยังเป็นที่นิยมจนเกิด ดีลทางธุรกิจ” ที่น่าสนใจอีกด้วย  ล่าสุด McDonald’s ที่ญี่ปุ่นนั้น  มีการจับมือร่วมกับผู้ผลิตเกมส์  เพื่อทำให้ ร้าน McDonald’s 400 สาขา  กลายเป็น “Pokemon Go Gyms” ซึ่งเป็นที่ที่ผู้เล่นแต่ละคนสามารถนำเหล่าตัว Pokemon มาสู้กัน  ซึ่งนั่นก็ถือเป็นการ ดึงดูด” ลูกค้าเข้าร้านมากขึ้นด้วยครับ  นอกจากนี้ อีกกว่า 2,500 สาขาในญี่ปุ่น นั้น  ก็จะกลายเป็น Pokestops” หนึ่งในสถานที่สำคัญของเหล่า Pokemon Trainer เพราะเป็นสถานที่ที่ผู้เล่นจะสามารถเข้าไปเก็บ “PokeBall” ได้แบบฟรีๆเลยครับ นอกจากในญี่ปุ่นแล้ว  ตอนนี้ก็มีข่าวว่า McDonald’s ในประเทศอื่นๆ ก็กำลังวางแผนเพื่อที่จะจับมือกับ Pokemon Go และใช้กลยุทธ์เดียวกันในการดึงดูดลูกค้าเข้าร้านด้วยครับ

PokemonGoMac

ภาพที่ 7 : Pokemon Go จับมือกับ McDonald’s

แล้วหุ้นอย่าง Nintendo เป็นยังไงบ้างงงง 

ตั้งแต่เกมส์ Pokemon Go ออกมาให้คนทั่วไปได้เล่นก็ทำให้ หุ้น Nintendo ปรับตัวขึ้นจากที่มีมูลค่าตลาดประมาณ 700,000 ล้านบาทไปสูงสุดที่เกือบ 1,500,000 ล้านบาท คิดเป็นการเพิ่มขึ้นประมาณ 800,000 ล้านบาท ถ้าจะให้เห็นภาพก็คือ เกมส์นี้ตลาดให้มูลค่ามากกว่าบริษัทปูนซิเมนต์ไทยทั้งบริษัทเลยทีเดียว 

NintendoMarketCap

ภาพที่ 8 : Market Capitalization ของหุ้น Nintendo ในรูป THB

สุดท้ายนี้ ถึงแม้ราคาตลาดของหุ้น Nintendo จะปรับตัวลงมา แต่เกมส์นี้ก็น่าจะทำให้ผู้ผลิตเกมส์รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหลายตื่นตัวกันมากพอสมควร!!

เรียบเรียงโดย : Infiniti Analysis Team