แหล่งข่าวจาก Bloomberg รายงานว่า Apple หันมาให้ความสำคัญกับห่วงโซ่อุปทานการผลิต iPhone ในประเทศอินเดียมากยิ่งขึ้น เพื่อสนับสนุนการเร่งย้ายฐานผลิตออกจากประเทศจีน สำหรับลูกค้าในสหรัฐอเมริกา
โดยการเปิดเผยข้อมูล ณ เดือนมีนาคม 2025 พบว่ายอดการประกอบ iPhone ในอินเดีย มีมูลค่าสูงถึง 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นกว่า 60% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา และคิดเป็นสัดส่วนถึง 20% หรือ 1 ใน 5 ของการผลิต iPhone ทั่วโลก (ตัวเลขประเมินมูลค่าหน้าโรงงาน ไม่ใช่ราคาขายปลีกที่บวกกำไรแล้ว)
การย้ายฐานผลิตบางส่วนไปยังอินเดีย เริ่มชัดเจนขึ้นตั้งแต่ช่วงล็อกดาวน์โควิดในจีน ทำให้ Apple จำเป็นต้องหันไปใช้โรงงาน Foxconn Technology Group ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของอินเดีย เป็นศูนย์กลางการประกอบ iPhone แห่งใหม่ และเกิดการเร่งย้ายฐานการผลิตจากจีนมายังอินเดียมากขึ้น เมื่อ Donald Trump ประกาศแผนภาษีตอบโต้ ‘Reciprocal Tariffs’ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ที่มุ่งเน้นเป้าหมายหลักคือจีน
อย่างไรก็ตาม จีนยังถือเป็นฐานการผลิตที่มีความสำคัญต่อ Apple ด้วยซัพพลายเออร์เกือบ 200 ราย และบริษัทยังคงพึ่งพาการผลิต iPhone จากโรงงานจีนเป็นหลักกว่า 80-90%
Tim Cook ซีอีโอของ Apple เคยให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg Intelligence ในปี 2022 ว่าเราต้องใช้เวลาถึง 8 ปี เพื่อย้ายเพียง 10% ของกำลังการผลิตของ Apple ออกจากจีน
อีกทั้งในเดือนมีนาคม 2024 ตอนเยือนเซี่ยงไฮ้ เขายังกล่าวชื่นชมทักษะระดับสูงของคนจีน พร้อมบอกว่าไม่มีซัพพลายเชนใดในโลกที่สำคัญต่อ Apple มากไปกว่าจีนแล้ว แถมโรงงานจีนก็ยังมีความทันสมัยมาก
ถึงอย่างนั้น การกระจายฐานการผลิตออกไปยังประเทศอื่น ๆ เช่น อินเดีย และเวียดนาม ก็เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาจีนเพียงประเทศเดียว ซึ่งยังคงมีความไม่แน่นอนสูงในด้านสงครามการเมือง
Source: Bloomberg, China Daily HK