03_WORLD_GURU_Template-(1)

จอห์น พอลสัน (John Paulson) คือผู้จัดการเฮดจ์ฟันที่เคยทำกำไรหลายพันล้านดอลลาร์จากช่วงที่เกิดภาวะฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ในปี 2007

แต่… ปัจจุบันกลับอยู่ในภาวะคับขัน ร้อนเงินอย่างรุนแรง!!

ในช่วงที่ผ่านมา พอลสันได้ใช้เงินส่วนตัวในการค้ำประกันเครดิตของบริษัทของเขา Paulson & Co กับ HSBC ตั้งแต่ปี 2010 ตามรายงานของ Bloomberg ถือเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยเห็นเกิดขึ้นสักเท่าไหร่สำหรับกองทุนที่จะเลือกค้ำประกันในลักษณะนี้ ซึ่งโดยปกติ เงินในส่วนนี้จะนำไปใช้สำหรับพวก เงินเดือนพนักงาน ค่าใช้จ่ายทั่วๆไป และเพื่อเป็นการรับประกันว่า บริษัทยังคงมีเงินสดเหลือมากพอที่จะใช้ตอบโจทย์เหล่านี้ โดยเดิมที บริษัทของพอลสันมีเงินจากค่าธรรมเนียมบริหารจัดการและส่วนแบ่งผลตอบแทนในแต่ละปี เพื่อรับประเงินวงเงินสำหรับค่าใช้จ่ายดังกล่าว

แต่ บริษัทของพอลสันเริ่มขาดเม็ดเงินในส่วนของค่าธรรมเนียม ที่เดิมทีเคยได้รับมาอย่างต่อเนื่อง จากเหตุที่สินทรัพย์ภายใต้การบริหารของกองทุนได้ลดลงกว่าครึ่ง เหลือเพียงแค่ 18,000 ล้านเหรียญในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา บริษัทขึ้นสู่จุดสูงสุดในปี 2011 ด้วยทรัพย์สินกว่า 38,000 ล้านเหรียญ ซึ่งหลังจากนั้น นักลงทุนต่างพากันถอนเงินออกเรื่อยมา จากประมาณการของ Forbes ปัจจุบันพอลสันได้ใช้เงินส่วนตัวไปแล้วกว่า 11,500 ล้านเหรียญ  เพื่อจะรับมือกับภาวะขาดทุนและเพื่อพยุงให้บริษัทยังคงมีเงินสดมากพอสำหรับค่าใช้จ่ายในช่วงสั้นๆได้

พอลสันสร้างความมั่งคั่งให้ตัวเองได้อย่างมหาศาล (แต่ในทางที่มวลชนไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่) จากเหตุการณ์ที่ภาคเศรษฐกิจ และภาคตลาดทุนพังย่อยยับในช่วงปี 2006 ซึ่งตอนนั้นตลาดบ้านที่ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่มั่นคงและห่างไกลจากหายนะมากที่สุดนั้น พอลสันกลับเลือกกลยุทธ์ที่สวนกับความเชื่อของตลาดด้วยการลงทุนใน CDS ที่ผูกสินเชื่อบ้านในวงเงินจำนวนมาก ซึ่งสรุปเงื่อนไข CDS ง่ายๆคือ หากคนที่กู้เงินมาซื้อบ้านเริ่มผิดนัดชำระจนถึงขั้นโดนยึดทรัพย์สินทุกอย่างไปเมื่อไหร่ พอลสันก็จะทำกำไรร่ำรวยได้อย่างมหาศาล

จนถึงวันนึงในปี 2007 ฟองสบู่ก็แตกจนได้ บริษัทเขาทำกำไรได้กว่า 15,000 ล้านเหรียญจาก CDS ดังกล่าว ส่วนตัวเขาก็ได้กำไรกว่า 4,000 ล้านเหรียญเช่นกัน ซึ่งถือว่าเป็นวันที่มีเหตุการณ์ใหญ่ที่สุดเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของตลาด Wall  Street เลยทีเดียว ส่วนในปัจจุบัน ภาวะเศรษฐกิจเริ่มกลับมามีความระส่ำระสายอีกครั้ง หรือนี่จะเป็นโอกาสให้กับพอลสันในการทำกำไรครั้งใหญ่เพื่อต่อชีวิตบริษัทของเขาได้หรือไม่ ซึ่งคงเป็นอีกครั้งที่ไม่มีใครอาจจะคาดการณ์ได้เช่นกัน

Source : http://www.vanityfair.com/news/2016/01/hedge-funder-john-paulson-puts-up-own-fortune-to-save-firm

FINNOMENA Opinion

การลงทุนบางครั้ง ก็มีหลายปัจจัยมาผสมผสานกันมากจนเกินไป เสียจนทำให้การลงทุน ไม่ใช่การลงทุนอีกต่อไป ส่วนประกอบที่สำคัญที่ทำให้ “การลงทุน” แตกต่างไปจาก “การพนัน” ง่ายๆ ก็คือนักลงทุนจะมีเหตุผล มีความเชื่อบนข้อมูลและสมมติฐาน ไม่ใช่การเดา ฟังและเชื่อต่อกันมา หรือพึ่งโชคลาภ แต่ประการใด การลงทุนในลักษณะ เฮดจ์ฟันด์ ส่วนใหญ่เป็นการทุ่มแบบสุดตัว ไม่ได้มาก ก็เสียมาก ซึ่งไม่แปลกที่ผลประโยชน์มหาศาลจะทำให้ใครบางคนกล้าพอที่จะสวนตลาดกับนักลงทุนกลุ่มใหญ่ เพียงแต่เขาคนนั้นกำลังทำบนความเชื่อและเหตุผลที่มากพอหรือเปล่า