Elon Musk Scott Bessent

เกิดเหตุการณ์ปะทะกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือภายในทำเนียบขาว ระหว่าง Elon Musk มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลก กับ Scott Bessent รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ซึ่งรุนแรงจนต้องมีเจ้าหน้าที่เข้ามาห้ามสถานการณ์

ความขัดแย้งระหว่าง Musk และ Bessent เริ่มต้นจากตำแหน่งรักษาการผู้อำนวยการกรมสรรพากร (IRS) ที่ทั้งคู่เสนอชื่อผู้สมัครของตนเองให้ประธานาธิบดี และเหตุการณ์ก็ได้ลุกลามจากการโต้วาทีในห้องทำงานรูปไข่ กลายเป็นการปะทะอย่างดุเดือดที่หลายคนในวอชิงตันยังพูดถึงไม่หยุด

ตามรายงานจาก The Washington Post และข้อมูลจาก Steve Bannon อดีตที่ปรึกษาของ Trump เหตุการณ์บานปลายเมื่อ Bessent ตะโกนด่าทอ Musk ว่าเป็น “พวกหลอกลวง” เพราะล้มเหลวตามเป้าหมายที่ได้รับมอบหมายในฐานะหัวหน้าหน่วยงานพิเศษ DOGE (Department of Government Efficiency) ที่ตั้งขึ้นเพื่อให้ Musk ลดการใช้จ่ายของภาครัฐ 1 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ผลลัพธ์กลับต่ำกว่า 0.5% ของเป้าหมาย

Musk ไม่ยอมรับคำวิจารณ์นี้ โดย Bannon เล่าว่า “Musk พุ่งชน Bessent เต็มแรงอย่างกับนักรักบี้” ก่อนที่จะได้รับหมัดสวนกลับอย่างรวดเร็ว เหตุการณ์ลุกลามจนเจ้าหน้าที่หลายคนต้องเข้ามาห้ามปราม ผู้เห็นเหตุการณ์บางคนบอกว่าสองคนนี้ทะเลาะกันไปจนถึงหน้าห้องที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ

จุดแตกหักของ Musk–Trump

แม้โฆษกทำเนียบขาวจะบอกว่าเป็นแค่ “ความเห็นไม่ลงรอยกันตามปกติ” แต่ในแวดวงการเมือง เหตุการณ์นี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่าง Musk กับ Trump ถึงจุดแตกหัก

ก่อนหน้านี้ Musk ประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้า DOGE อย่างเป็นทางการ ท่ามกลางท่าทีที่ยังดูเป็นมิตร แต่ไม่นานเขาก็เริ่มโจมตีรัฐบาล Trump อย่างหนัก โดยเฉพาะร่างกฎหมาย “One Big Beautiful Bill” ที่ตั้งใจขยายการลดภาษี เพิ่มงบกลาโหม และลดงบสวัสดิการ

Musk ระบุว่ากฎหมายฉบับนี้เป็น “ความอัปยศ” ที่จะทำให้หนี้รัฐบาลสหรัฐฯ พุ่งสูงและกระทบเศรษฐกิจโดยรวม

นอกจากนี้ Musk ยังให้สัมภาษณ์ในเชิงถากถาง บอกว่า Trump จะชนะเลือกตั้งปี 2024 ไม่ได้หากขาดการสนับสนุนทางการเงินจากเขา และแสดงท่าทีว่าชื่อของ Trump อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อมูลลับในคดี Jeffrey Epstein นักธุรกิจที่ถูกจับกุมในคดีค้ามนุษย์และล่วงละเมิดทางเพศเด็ก ก่อนเสียชีวิตในเรือนจำปี 2019

แม้จะไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจน แต่ข้อกล่าวหานี้กลายเป็นชนวนที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่าง Musk และ Trump ตึงเครียดถึงขีดสุด

ทางฝั่ง Trump ก็ไม่ยอมปล่อยผ่าน ตอบโต้ Musk ว่า “บ้าไปแล้ว” และขู่ว่าจะยกเลิกสัญญาของรัฐบาลกับบริษัทในเครือ Musk อย่าง SpaceX และ Tesla พร้อมเตือนว่าถ้า Musk สนับสนุนผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต จะมี “ผลลัพธ์รุนแรงตามมา”

จากมิตรภาพสู่ความขัดแย้ง

แม้จะมีรายงานว่า Musk เริ่มลดท่าทีความโกรธและลบโพสต์บางส่วนที่วิจารณ์ Trump แต่ทำเนียบขาวและ Trump เองยืนยันว่า “ไม่มีทางกลับมาคืนดีอีกแล้ว”

ความขัดแย้งนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องส่วนตัวของมหาเศรษฐีหรือการเมืองเท่านั้น แต่มันยังสะท้อนทิศทางงบประมาณ นโยบายเศรษฐกิจ และแม้แต่ผลการเลือกตั้งในอนาคตด้วย

อย่างไรก็ตาม ต้องไม่ลืมว่า Elon Musk ลงทุนกว่า 300 ล้านดอลลาร์ในแคมเปญของพรรครีพับลิกันเมื่อปี 2024 ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่อาจ “เขย่าดุลอำนาจในรัฐสภา” ได้จริง

คำถามต่อไปคือ Musk จะเดินหน้าจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ตามที่เคยประกาศหรือไม่? และถ้าเขาหันหลังให้กับพรรครีพับลิกันจริง อำนาจของเงินและเทคโนโลยีจะเปลี่ยนแปลงการเมืองอเมริกาไปอย่างไร?


อ้างอิง: The Washington Post, The Times of India, The Times of Israel, Yahoo

ThaiESGX