Soros-9-Jan-15

George Soros บอก “ผมสัมผัสได้ถึงวิกฤตการเงิน 2008 จะกลับมาหลอนอีกครั้ง”

ตลาดโลกกำลังเผชิญกับภาวะวิกฤตอีกครั้ง และจากนี้ไปนักลงทุนคงต้องอยู่ในโหมดระมัดระวังมากขึ้น

นี่คือคำกล่าวของมหาเศรษฐีอย่าง George Soros ที่กล่าวในการงานสัมมนาที่ ศรีลังกา ในวันพฤหัสที่ผ่านมา (7 มกราคม 2559)

จีนกำลังตกที่นั่งลำบากในการพยายามหาโมเดลการเติบโตของเศรษฐกิจใหม่ๆ ส่วนค่าเงินที่อ่อนค่าลงกำลังสร้างปัญหาแพร่กระจายไปทั่วโลก ในขณะที่การกลับไปสู่ภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น หรืออย่างน้อยกลับไปเป็นบวก เป็นประเด็นที่ท้าทายมากสำหรับกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (อย่างสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และ ยุโรป) ทำให้สถานการณ์ในปัจจุบันยิ่งดูคล้ายกับช่วงปี 2008

ค่าเงินของโลก หุ้น และสินค้าโภคภัณฑ์ปั่นป่วนอย่างมากในช่วงเพียงสัปดาห์แรกหลังจากปีใหม่นี้ ค่าเงินหยวนที่อ่อนตัวอย่างรวดเร็ว ยิ่งเพิ่มความกังวลให้กับความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจของจีนเข้าไปอีก ภายหลังจากที่จีน พยายามเปลี่ยนผ่านจาก การขับเคลื่อนด้วยภาคการลงทุนและการผลิต ไปยังการบริโภคและการบริการ มูลค่าของตลาดหุ้นโลกหายไปกว่า 2.5 ล้านล้านเหรียญตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันพุธ และอาการหนักขึ้นในวันต่อมาในเอเชีย จากการทรุดตัวลงของหุ้นจีนจนต้องหยุดการซื้อขายไปเลยตลอดทั้งวัน

“จีนกำลังมีปัญหาในการปรับตัวครั้งใหญ่ และมันใหญ่พอที่จะทำให้เกิดวิกฤตการเงินเลยทีเดียว เมื่อผมลองวิเคราะห์ตลาดดูแล้ว มีบางประเด็นที่ทำให้ผมนึกถึงเหตุการณ์วิกฤตที่ผ่านมาในปี 2008”

ประเด็นคือ เราอาจต้องฟังหูไว้หู เพราะ Soros เคยได้เตือนในลักษณะนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง ในงานเสวนาที่วอชิงตัน ปี 2011 ซึ่งครั้งนั้น เขากล่าวว่า หนี้ในกลุ่มยูโรโซน ที่เกิดจากประเด็นของกรีซนั้น มีแนวโน้มว่าจะมีความรุนแรงกว่าวิกฤตในปี 2008 และผ่านมาถึงตรงนี้ ก็ต้องบอกว่า สิ่งที่เขาคิด มันยังไม่เกิดขึ้นจริง

-1x-1

ประวัติของ Soros คร่าวๆ

เขาเป็นผู้บริหารกองทุน Hedge Fund ที่สร้างผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง 20% ต่อปีในช่วง 1969-2011 และมีทรัพย์สินภายใต้บริหารถึง 27.3 พันล้านเหรียญ จากข้อมูลของ Bloomberg Billionaire index เขาเริ่มต้นอาชีพที่ New York ในปี 1950 และได้รับยกย่องจากการประสบความสำเร็จด้านการลงทุน ตัวอย่างเช่น การทำกำไรสุทธิกว่า 1 พันล้านเหรียญ จากการฟันธงว่า UK จะต้องถูกบีบให้ลดค่าเงินปอนด์ในปี 1992


ความผันผวนของตลาดน่าจะพากันปรับตัวเพิ่มขึ้นมากในปีนี้ เช่น ดัชนี VIX (Chicago Board Options Exchange Volatility Index) ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่า มันคือตัวชี้วัดความกลัวของนักลงทุนในตลาดได้อย่างดี ปรับขึ้นกว่า 13% ในขณะที่ดัชนี VIX ของตลาดญี่ปุ่น ซึ่งเป็นดัชนีที่สะท้อนถึงความมั่นคงของราคาหุ้นญี่ปุ่น ปรับขึ้นถึง 43% ในปี 2016 ส่วนดัชนีในลักษณะเดียวกันของ Merrill Lynch ที่ให้ภาพในส่วนของพันธบัตรภาครัฐ ก็ปรับขึ้นเช่นกันเดียว 5.7%

แม้พรรคคอมมิวนิสต์ของจีนได้ให้คำมั่นว่าจะเพิ่มความคล่องตัวในการแลกเปลี่ยนค่าเงินหยวนให้มากขึ้นในปี 2020 และจะค่อยๆผ่อนคลายมาตรการควบคุมกระแสเงินลงทุนอย่างต่อเนื่อง แต่จุดอ่อนของเศรษฐกิจจีนยังคงเป็นเรื่องที่แม้หลังจากธนาคารกลางจีนได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับต่ำสุดในประวัติศาสตร์ ผสมโรงกับการอัดฉีดเม็ดเงินจากภาครัฐ หลายพันล้านดอลล่าร์เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจแล้ว ตัวเลขภาคการผลิตทีเพิ่งจะประกาศออกมายังคงแสดงถึงการชะลอตัวอยู่ดี

Source : http://www.bloomberg.com/news/articles/2016-01-07/global-markets-at-the-beginning-of-a-crisis-george-soros-says


FINNOMENA OPINION

การแสดงถึงความเห็นต่อตลาดในช่วงปีข้างหน้านี้เป็นเรื่องที่ ค่อนข้างท้าทายมาก เพราะมีประเด็นที่สำคัญๆทยอยออกมาตลอดทั้งปี การแสดงความเห็นของ Soros ก็เป็นเพียงความเห็นหนึ่งจากกนักลงทุนที่มีประสบการณ์สูง แต่อย่างไรก็ดี FINNOMENA เรายืนยันเสมอว่า ไม่มีใครถูกไปทุกครั้งและไม่มีใครผิดไปทุกครั้ง การอ่านความเห็นของกูรูการลงทุน เป็นอีกหนึ่ง Data input ที่เราจะเพิ่มให้ข้อสรุปของเรารอบด้านมากขึ้นเท่านั้น อยู่ที่ว่าเรามีข้อมูลที่มากและตรงประเด็นพอหรือไม่ และเราได้ทำการวิเคราะห์อย่างละเอียดครบถ้วนแล้วหรือเปล่าต่างหาก ที่จะเป็นตัวชี้แนวทางการลงทุนให้กับเรา