
จากกรณีที่คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่กรอบเป้าหมายที่ 4.00 – 4.25% ด้วยมติไม่เป็นเอกฉัน คะแนนเสียง 11 ต่อ 1
โดย 1 เสียงที่โหวตสวนทางกรรมการคนอื่น ๆ ก็คือ สตีเฟน มิราน (Stephen Miran) กรรมการ Fed คนใหม่ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2025 ซึ่งอยากให้ปรับลดดอกเบี้ยลงแรงกว่านี้ที่ 0.50% ไปเลย
ขณะที่การคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยของ Fed (Dot plot) เขายังมีจุดยืนที่ต่างจากเสียงส่วนใหญ่ โดยเห็นว่าควรต้องลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมภายในปีนี้อย่างเข้มข้นกว่าเดิม ซึ่งลดเพิ่มอีก 1.25% ภายในสิ้นปีนี้
ชัดเจนว่าตอนนี้ Miran อยู่ฝั่ง Dovish สุดโต่ง แต่ยังโดดเดี่ยวในบอร์ด Fed แม้จะมี คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ (Christopher Waller) และมิเชลล์ โบว์แมน (Michelle Bowman) ซึ่งเป็นคนที่ Trump แต่งตั้งขึ้นมาเหมือนกัน แต่ทั้งคู่กลับเลือกโหวตตามเสียงส่วนใหญ่ แสดงถึงการรักษาความเป็นอิสระเป็นกรรมการ Fed
จุดที่น่าสนใจต่อจากนี้คือในปีนี้ที่ Jerome Powell จะหมดวาระลง และเริ่มมีการพูดถึงตัวเต็งประธาน Fed คนใหม่ โดยก่อนหน้านี้คือ Christopher Waller ทว่าการที่ Stephen Miran หันมาหนุนแนวคิดของ Trump แบบเต็มสุดตัว ก็เริ่มมีความเป็นไปได้เช่นกันที่เก้าอี้อาจหมุนมาหาเขา เพราะฝั่งรัฐบาลพยายามกดดัน Fed อย่างหนักให้รีบลดดอกเบี้ยแรง ๆ
สำหรับสาระสำคัญของการประชุมครั้งนี้อยู่ที่ภาพตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่อ่อนแอจริง ๆ ซึ่งสะท้อนถึงความเปราะบางของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ด้วย แต่ที่โจทย์ยากของ Fed คือต้องสู้ไปพร้อมกับภาวะเงินเฟ้อที่ยังคงสูง จนอาจเรียกได้ว่าเราอยู่สถานการณ์ของ Stagflation ที่เศรษฐกิจชะลอตัว ควบคู่กับเกิดเงินเฟ้อ
สรุปแล้วการลดดอกเบี้ยของ Fed ครั้งนี้ ถือว่าออกมาในโทน Dovish แบบระมัดระวัง (Cautious Dovish) เพราะถึงแม้จะเป็นแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง แต่มาพร้อมความกังวลเรื่องตลาดแรงงานและตัวเลขเงินเฟ้อ