
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เดินเกมกดดันพันธมิตร NATO ให้เร่งยุติสงครามยูเครน ด้วยการขู่ใช้มาตรการที่แรงที่สุดครั้งใหม่ โดยประกาศว่า สหรัฐฯ พร้อมคว่ำบาตรรัสเซียอย่าง “เต็มรูปแบบ” หากทุกประเทศสมาชิก NATO ร่วมกันหยุดการซื้อน้ำมันจากมอสโก
ทรัมป์โพสต์บน Truth Social โดยระบุว่า “NATO ยังไม่ได้ทุ่มเท 100% ในการเอาชนะ และการที่บางประเทศยังซื้อน้ำมันจากรัสเซียถือว่าน่าตกใจมาก!” พร้อมย้ำว่า การคว่ำบาตรจะได้ผลจริงก็ต่อเมื่อ NATO ทำพร้อมกันทั้งหมด
ไม่เพียงแค่นั้น ทรัมป์ยังผลักดันแนวคิดที่สะเทือนการค้าโลก โดยเสนอให้ประเทศ NATO เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในอัตรา 50–100% และจะยกเลิกมาตรการนี้เมื่อสงครามรัสเซีย–ยูเครนสิ้นสุดลง เขาอธิบายว่า “จีนมีอิทธิพลเหนือตัวรัสเซีย การใช้ภาษีจะทำลายอำนาจควบคุมนั้น”
ด้าน สก็อต เบสเซนท์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ออกมาเสริมว่า แนวทางของทรัมป์คือ “การรวมพลัง” เพื่อปิดกั้นรายได้ที่หล่อเลี้ยงเครื่องจักรสงครามของปูติน “เราต้องตัดเงินทุนตั้งแต่ต้นทาง จึงจะกดดันได้มากพอให้หยุดการสังหารที่ไร้เหตุผลนี้”
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ถูกจับตาว่ากำลังเปลี่ยนจุดยืน หลังจากก่อนหน้านี้พยายามรักษาช่องทางเจรจาสันติภาพกับวลาดิมีร์ ปูติน แต่การประชุมสุดยอดที่อลาสก้าไม่สามารถหยุดการโจมตีของรัสเซียได้ ล่าสุดยังมีการทิ้งระเบิดถล่มกรุงเคียฟต่อเนื่อง ทำให้ความอดทนของทำเนียบขาวเริ่มหมดไป
ขณะที่ โวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ออกมาเรียกร้องพันธมิตรตะวันตกว่า “หยุดหาข้ออ้างไม่คว่ำบาตร” พร้อมย้ำว่าทุกประเทศต้องลดการบริโภคน้ำมันรัสเซียลงอย่างจริงจัง “ยิ่งรัสเซียขายน้ำมันได้น้อยเท่าไร ความสามารถในการทำสงครามก็ลดลง”
อย่างไรก็ดี ความเป็นจริงทางการเมืองในยุโรปยังซับซ้อน หลายชาติ NATO เช่น ฮังการีและสโลวาเกีย ยังพึ่งพาพลังงานรัสเซีย และคัดค้านมาตรการคว่ำบาตรขั้นเด็ดขาด สัญญาระยะยาวกับ Gazprom ของฮังการี ยังคงเดินหน้าถึงปี 2036 ทำให้เสียงแตกภายใน NATO ยังมีอยู่
สำหรับข้อเสนอภาษีจีน หากเกิดขึ้นจริงย่อมสร้างแรงกระเพื่อมต่อเศรษฐกิจโลก เพราะจีนอาจตอบโต้กลับ และกระทบต่อข้อตกลงการค้าและความพยายามจัดประชุมซัมมิตกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่ทรัมป์กำลังผลักดันอยู่
อ้างอิง: CNBC