เคยถามตัวเองไหมว่าทำไมพอร์ทหุ้นของเรามันไม่โต? ซื้อหุ้นเท่าไหร่ก็ไม่เคยกำไร? เคยคิดบ้างไหมว่าทำไมยิ่งเทรดยิ่งขาดทุน? ยิ่งถัวยิ่งล่มจม? ถ้าคุณคิดว่าคุณกำลังทำสิ่งที่ถูกต้อง สิ่งที่ดีคุณอาจจะกำลังคิดผิด ….. หลายๆ ครั้งความโลภจะผลักดันให้คุณต้องทำ “บาป” ของการลงทุนเข้าโดยที่คุณไม่รู้ตัว

ลองสังเกตตัวเองดูว่าคุณมีพฤติกรรม “บาป” การลงทุนทั้ง 5 ข้อนี้หรือไม่ ความคิดแบบนี้หรือเปล่าที่กำลังยื้อคุณให้จมอยู่กับความล้มเหลว พังพินาศ และถ้ามันเกิดขึ้นแล้วคุณจะต้องแก้ไขมันอย่างไร?

บาปข้อที่ 1 การพูดปด หลอกหลวงแม้แต่ตัวเอง

การพูดปดหรือการโกหกนั้นแน่นอนไม่ใช่เรื่องดี แต่ก็เป็นเรื่องที่คนทั่วๆไปทำกันในชีวิตประจำวันจนติดเป็นนิสัย การโกหกในเรื่องที่ไม่ร้ายแรงอาจทำให้คุณคิดว่ามันโอเคที่จะโกหก แต่สำหรับการลงทุนนั้น การโกหกคือบาปหนักที่สุดข้อหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณ “โกหกตัวเอง”

อาการโกหกตัวเองมักจะเกิดขึ้นจากการลงทุนที่ไม่สมหวัง คุณอาจจะซื้อหุ้นโดยที่คิดว่าราคาหุ้นจะวิ่งขึ้นไปเท่านั้นเท่านี้ด้วยสาเหตุต่างๆ มากมาย แต่แล้วเมื่อความจริงปรากฏ หุ้นไม่ขึ้นไปอย่างที่คุณคาด หุ้นตกลงมาอย่างรุนแรง คุณเลือกที่จะ “โกหกตัวเอง” ว่านี่เป็นเรื่องชั่วคราว หุ้นของฉันยังดีเดี๋ยวมันต้องกลับขึ้นไป คุณเลือกที่จะปิดหู ปิดตาตนเองไม่ยอมรับกับความจริงที่อยู่ตรงหน้า ไม่อยากยอมรับว่าคุณ “คิดผิด” ซํ้าร้ายกว่าบางครั้งยังเอาความคิดผิดๆ ของคุณไปใส่หูเพื่อนๆ นักลงทุนคนอื่นจนต้องเผชิญหายนะติดดอยด้วยกันไปกับคุณ

จริงอยู่ที่การลงทุนนั้นต้องใช้จินตนาการในการคาดการณ์ว่าราคาหุ้นควรขึ้นหรือลงไปแค่ไหนอย่างไร? แต่จงอย่าลืมว่าการจินตนาการโดยขาดความรู้และข้อมูลที่แท้จริงนั้น ไม่ต่างอะไรกับการ “มโน” ไปวันๆ และยิ่งต้องห้ามลืมว่าเบื้องหลังของหุ้นก็คือธุรกิจที่มีโอกาสเปลี่ยนแปลงไปได้ตลอดเวลา นักลงทุนที่ดีควรคาดการณ์ราคาหุ้นอยู่บนความจริงและข้อมูลที่อยู่ในมือ คาดหวังแต่ก็พร้อมที่จะรับความผิดหวังและพร้อมที่จะปรับมุมมองใหม่ในเวลาเดียวกันเมื่อสิ่งที่คาดการณ์ไว้มันไม่เกิด ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย แต่ถ้ายังลงทุนอยู่ในฝันอาจทำให้คุณตายได้โดยไม่รู้ตัวในโลกของความเป็นจริง

บาปข้อที่ 2 เบียดเบียนคนอื่น เอาเปรียบเพื่อนมนุษย์

การลงทุนที่ดีควรจะต้องมีความ “พอดี” อยู่ในตัว นักลงทุนหลายคนชอบลงทุนเกินตัว คิดถึงแต่ผลตอบแทนที่จะได้รับ หลายคนจัดหนักจัดเต็มจนไม่เหลือเงินกินข้าว หลายคนเอาบ้านเอารถไปคำ้ประกันเงินกู้ หลายคนกู้ Margin จากโบรกเกอร์มาลงทุน ทีนี้พอหุ้นไม่ขึ้นไปตามหวังแถมยังตกลงมาอย่างรุนแรง ทำยังไงล่ะ? สุดท้ายความเดือดร้อนก็ไปตกอยู่ที่คนรอบข้าง สามี ภรรยา ลูก พ่อ แม่ พี่ น้อง ต้องหันมาช่วยเหลือคนคนหนึ่งที่ไม่มีความรับผิดชอบ เบียดเบียนตัวเองไม่สบายใจคนเดียวยังไม่พอ ยังมาเบียดเบียนคนอื่น เอาความทุกข์ร้อนมาให้คนอื่นอีกด้วย แบบนี้ถือเป็น “บาปหนัก”

ทุกครั้งที่จะทำการลงทุนใดๆ การเผื่อเหลือเผื่อขาดเป็นสิ่งที่ต้องเตรียมไว้เสมอ ถ้าหุ้นตกจะยังมีค่าเทอมลูกไหม? ถ้าหุ้นตกจะผ่อนบ้านได้มั้ย? การลงทุนที่ดีไม่ใช่มีแค่การทำกำไร แต่เป็นการทำกำไรแต่พอดีที่ควบคุมความเสี่ยงไว้อย่างเหมาะสมในกรณีเลวร้ายที่สุด การลงทุนที่มีโอกาสได้เงินมากแต่ก็มีโอกาสหมดตัวมากเช่นกัน แบบนี้ไม่เรียกว่าการลงทุนแต่เรียกว่าการ “พนัน”

บาปข้อที่ 3 ขาดสติ ถูกครอบงำด้วยความโลภ

ความโลภเป็นสิ่งที่ติดตัวมนุษย์ทุกคนตั้งแต่เกิด ถ้าจะบอกว่าไม่โลภเลยก็คงไม่มีใครมาลงทุนอีกเลย ดังนั้นความโลภคือสิ่งจำเป็นที่ทำให้ชีวิตมนุษย์ก้าวหน้าไปได้ แต่การถูก “ครอบงำ” ด้วยความโลภเป็นสิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยงเป็นอย่างยิ่ง เมื่อใดก็ตามที่คุณปล่อยให้ความโลภเข้าครอบงำ เมื่อนั้นคุณจะขาดสติ และเมื่อใดที่คุณขาดสติในการลงทุนเมื่อนั้นคือช่วงเวลาที่คุณต้องเสียเงินแน่นอน จงอย่าลืมว่าตลาดหุ้นก็คือ Zero-Sum-Game อย่างหนึ่งที่คนหนึ่งได้เงิน จะต้องมีบางคนเสียเงิน การใช้สติยับยั้งความโลภภายในใจของคุณเองให้ไม่ตามไปไล่ซื้อเมื่อหุ้นวิ่งขึ้นไปแรงๆ จะช่วยให้คุณปลอดภัยไม่ขาดทุน อยู่รอโอกาสทำกำไรครั้งต่อไป ตลาดหุ้นเป็นที่ที่ให้โอกาสคนเสมอ อย่าโลภเพราะกลัวตกรถ อย่าโลภเพราะกลัวขายหมู จงยอมทำสองสิ่งที่กล่าวมาดีกว่าเพราะจะดีกว่า “ติดดอย” เป็นไหนๆ อย่างแน่นอน

บาปข้อที่ 4 ขาดอุตสาหะ หวังสบายชาตินี้ ก็ไปรวยชาติหน้าเถอะนะ

ด้วยสังคมปัจจุบันที่ให้คุณค่ากับ “ความเร็ว” ทุกอย่างที่เร็วจึงได้รับการยกย่อง ไม่ว่าจะเป็น รถที่เร็ว เครื่องบินที่เร็ว การทำงานที่รวดเร็ว การเกษียณก่อนกำหนดเร็ว รวมไปถึงการ “รวยเร็ว” “รวยฟ้าผ่า” และ “รวยชั่วข้ามคืน” เรามักจะเห็นเรื่องราวรวยเร็วเหล่านี้เสมอๆ ในทีวี ร้านหนังสือและเฟสบุ๊ค สื่อฯ เอามานำเสนอกันอย่างเมามันส์เพราะมันเป็นเรื่องที่คนให้ความสนใจ ลองนึกดูว่าถ้าชื่อหนังสือบอกว่า “รวยช้าๆ อีก 10 ปีรวย” คงขายไม่ได้แน่นอนทั้งๆ ที่มันเป็นความจริง!

ใครๆ ก็อยากรวยเร็ว แต่ในความเป็นจริงแล้วคนที่รวยเร็วๆ แบบนั้นมักจะมีน้อยมาก อาจจะไม่ถึง 1% ของคนรวยทั้งหมด คนที่รวยส่วนใหญ่นั้นมักจะต้องมาจากความอุตสาหะ มานะ บากบั่น ฝ่าฟันอุปสรรคชีวิตด้วยตัวเองอย่างไม่ย่อท้อมาหลายปี สุดท้ายเลยรวย ในตลาดหุ้นก็เช่นกันคนที่รวยจนเรียกได้ว่าเป็นเศรษฐีหุ้นหรือเซียนหุ้นได้นั้น เบื้องหลังพวกเขาเหล่านั้นต้องใช้ความอุตสาหะอย่างสูง เรียกได้ว่าแทบจะกินนอนอยู่กับหุ้น หายใจเข้าออกเป็นหุ้น ชีวิตของพวกเขาคือหุ้น เซียนเหล่านี้ยอมสละการใช้ชีวิตในวันนี้เพื่อชีวิตที่สบายในวันข้างหน้า พวกเขายอมลำบากเพื่อที่วันหนึ่งพวกเขาจะได้สบาย จากประสบการณ์ของตัวผมเอง รู้จักใกล้ชิดกับเซียนหุ้นหลายๆ คน ผมบอกได้เลยว่าทางลัดของการรวยหุ้นมันไม่มีอยู่จริง

บาปข้อที่ 5 จิตอกุศล โทษแต่คนอื่น

เหตุผลยอดฮิตของคนติดดอยมักจะเป็นประมาณว่า “ก็เขาบอกมา” “ฟังเค้ามา” “เค้าว่าจะปั่นไป xxx บาท” หรือบางคนอาจจะฟังเพื่อนมาว่าหุ้นตัวนี้ดียังงั้นยังงี้ แต่พอสถานการณ์เปลี่ยนเพื่อนคนนั้นเข้าใจดีและได้ขายหุ้นออกไป ปล่อยคนคนนั้นไว้ติดดอย ก็มักจะหันมาโทษเพื่อนว่าไม่ดี ไม่มีนํ้าใจ หลอกลวง บลาๆ หลายๆ คนคงลืมไปว่าเมื่อตอนที่ “เค้า” หรือเพื่อนคนนั้นเล่าเรื่องหุ้นให้ฟัง คุณมีโอกาสที่จะตัดสินใจว่าจะเชื่อหรือไม่ จะซื้อหรือขายหรืออยู่เฉยๆ ไม่มีใครจับมือคุณเปิดแอพสตรีมมิ่งซื้อหุ้น และแน่นอนว่าไม่มีใครตัดสินใจซื้อหุ้นตัวนั้นนอกจากตัวคุณเองนั่นแหละ ตัวคุณตัดสินใจด้วยตัวคุณเอง ถ้าหุ้นตัวนั้นทำกำไรมันเป็นของคุณ ขาดทุนก็ควรจะต้องเป็นของคุณด้วยจริงไหม? เพราะมันคือการตัดสินใจของตัวคุณเอง ถ้าจะมีใครให้โทษก็จงโทษตัวเอง

เลิกโทษคนอื่น แก้ไขความผิดพลาดของคุณด้วยตัวเอง เรียนรู้ที่จะวิเคราะห์ ศึกษา ซื้อและขายหุ้นด้วยตัวเอง อย่าคิดว่าความสำเร็จจะมาโดยไม่ต้องทำอะไรเลย ถ้าคุณยังขี้เกียจทำแปลว่าคุณคงยังไม่มีความ “อยาก” ที่จะสำเร็จมากพอ จงมีสติตลอดเวลาเพราะสติจะทำให้คุณไม่เจ๊งหุ้นหนักๆ เล่นหุ้นแต่พอดีอย่าทำให้ครอบครัวต้องเดือดร้อน และสุดท้ายเลิกโกหกซะทีโดยเฉพาะการโกหกตัวคุณเอง

iran-israel-war