
Highlight
- LHCYBER เมื่อภัยคุกคามกลายเป็นโอกาสลงทุน
- โอกาสเติบโตของ Cybersecurity
- Top 10 Holdings ของ LHCYBER
- LHSPACE อวกาศไม่ไกลเกินลงทุน
- ทำไม ‘ธีมอวกาศ’ ถึงน่าลงทุน
- Top 10 Holdings ของ LHSPACE
LHCYBER เมื่อภัยคุกคามกลายเป็นโอกาสลงทุน
เมื่อโลกเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัว ความปลอดภัยของข้อมูลไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป ทั้งภาคธุรกิจ ภาครัฐ รวมถึงผู้บริโภคต่างก็เผชิญกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ นี่จึงเป็นจังหวะสำคัญที่ทำให้ “Cybersecurity” กลายเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตแรงในระดับโลก
อาชญากรรมไซเบอร์สูงขึ้นทุกปี
ประมาณการค่าความเสียหายจากอาชญากรรมทางไซเบอร์ 2016 – 2027 | Source : Statista National Cyber Security Organizations, FBI, และ IMF
ในปี 2016 ค่าความเสียหายจากอาชญากรรมทางไซเบอร์อยู่ที่ประมาณ 610,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเพิ่มขึ้นทุกปีอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2017 เพิ่มเป็น 700,000 ล้านดอลลาร์ และปี 2018 ขยับขึ้นเป็น 860,000 ล้านดอลลาร์
หลังจากนั้น ความเสียหายเริ่มพุ่งขึ้นแบบก้าวกระโดด
- ปี 2019 16 ล้านล้านดอลลาร์
- ปี 2020 95 ล้านล้านดอลลาร์
- ปี 2021 99 ล้านล้านดอลลาร์
- ปี 2022 44 ล้านล้านดอลลาร์
- ปี 2023 50 ล้านล้านดอลลาร์
- ปี 2024 57 ล้านล้านดอลลาร์
- ปี 2025 65 ล้านล้านดอลลาร์
- ปี 2026 74 ล้านล้านดอลลาร์
- และคาดว่าในปี 2027 จะทะลุ 84 ล้านล้านดอลลาร์
คิดเป็นอัตราการเติบโตต่อปี (CAGR) อยู่ที่ 36.8% สะท้อนถึงความรุนแรงของปัญหาอาชญากรรมทางไซเบอร์ ที่อาจต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน
ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า อาชญากรรมไซเบอร์ไม่ใช่แค่ปัญหาด้านความปลอดภัยเท่านั้น แต่ยังเป็นต้นทุนมหาศาลที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ เศรษฐกิจ และสังคมโดยรวมอย่างมีนัยสำคัญ
ตลาด Cybersecurity กำลังเติบโตต่อเนื่อง
คาดการณ์ขนาดตลาดอุตสาหกรรม Cybersecurity จนถึงปี 2032 | Source : Credit Suisses, P&S Intelligence, Masstlc, Fortune Business Insights
คาดการณ์ว่าขนาดตลาดของอุตสาหกรรม Cybersecurity ทั่วโลกจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มจากมูลค่าราว 193,730 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2024 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะ 562,720 ล้านดอลลาร์ ภายในปี 2032
อัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) อยู่ที่ 14.3% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่อยู่ในระดับสูง แสดงให้เห็นถึงความต้องการโซลูชันด้านความปลอดภัยไซเบอร์ที่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เบื้องหลังการเติบโตนี้มาจากหลายปัจจัยสำคัญ ทั้งการใช้งานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) การทำธุรกรรมผ่านระบบออนไลน์ การเปลี่ยนผ่านสู่ระบบคลาวด์ และภัยคุกคามไซเบอร์ที่ซับซ้อนขึ้น ทำให้องค์กรต่าง ๆ ทั่วโลกต้องเร่งพัฒนาระบบป้องกันข้อมูลของตนเอง
ลงทุนในความปลอดภัยของโลกอนาคต ผ่าน LHCYBER
LHCYBER หรือ กองทุนเปิด แอล เอช โกลบอล ไซเบอร์ ซีเคียวริตี้ เป็นกองทุนที่เปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนเข้าถึงธุรกิจความปลอดภัยทางไซเบอร์ โดยลงทุนผ่านกองทุนหลัก First Trust Nasdaq Cybersecurity UCITS ETF ซึ่งบริหารแบบ Passive Management มุ่งหวังให้ผลตอบแทนเคลื่อนไหวตามดัชนีอ้างอิง
กองทุนหลักนี้รวบรวมบริษัทชั้นนำจากทั่วโลกในอุตสาหกรรม Cybersecurity ไว้ในพอร์ตเดียว เช่น
● CrowdStrike ซอฟต์แวร์ป้องกันมัลแวร์
● Palo Alto Networks ไฟร์วอลล์เครือข่าย
● Cisco Systems โครงสร้างพื้นฐานความปลอดภัย
● Zscaler, Okta, Check Point การปกป้องคลาวด์และยืนยันตัวตนดิจิทัล
บริษัทเหล่านี้ให้บริการทั้ง B2B และ B2C เช่น การปกป้องข้อมูลลูกค้า การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของระบบคลาวด์ และการยืนยันตัวตนดิจิทัล
โอกาสเติบโตอยู่ที่ไหน?
1. Digital Transformation ธุรกิจทั่วโลกเร่งเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล ยิ่งออนไลน์ ยิ่งเสี่ยง ยิ่งต้องใช้ Cybersecurity
2. ภัยคุกคามไซเบอร์พุ่งสูง ข้อมูลลูกค้าและทรัพย์สินดิจิทัลเป็นเป้าหมายโจมตี บริษัทจึงเพิ่มงบลงทุนด้าน Cyber Defense
3. กฎเกณฑ์เข้มงวด (GDPR, Data Laws) ภาครัฐทั่วโลกออกกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทต้องลงทุนระบบป้องกัน
4. AI + Cloud + IoT เทคโนโลยีใหม่สร้างทั้งโอกาสและความเสี่ยง ต้องการโซลูชันที่ล้ำสมัยมากขึ้น
5. องค์กรทุกขนาดต้องใช้ Cybersecurity ไม่ใช่แค่บริษัทยักษ์ใหญ่ ธุรกิจ SME สถาบันการศึกษา โรงพยาบาล ฯลฯ ก็ต้องการระบบป้องกันทางไซเบอร์เช่นกัน
ทำไมไม่ควรมองข้ามธีม Cybersecurity
- ยังมี Upside สูง ตลาดนี้มีการเติบโตเฉลี่ย 11-13% ต่อปี โดยเฉพาะ Cloud Security ที่คาดว่ามีโอกาสเติบโตสูงถึง 20-25% ด้านตลาด Cybersecurity ทั่วโลกคาดว่าจะเติบโต เฉลี่ย 14.3% ต่อปี ในช่วงปี 2024-2032 และคาดว่ามูลค่าตลาดจะสูงถึง 562,720 ล้านดอลลาร์ ภายในปี 2032
- การใช้อินเทอร์เน็ตและข้อมูลขนาดใหญ่ที่เพิ่มขึ้น ความต้องการโซลูชันด้านความปลอดภัยจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว และการเปลี่ยนผ่านสู่ เศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Transformation) ทำให้องค์กรทั่วโลกต้องการความปลอดภัยในการจัดการข้อมูล
- กระจายการลงทุนในหลากหลายธุรกิจ โอกาสในธุรกิจ Cybersecurity ขยายออกไปมากกว่าบริษัทเทคโนโลยีโดยตรง เช่นเดียวกับภาคการเงิน การแพทย์ และอุตสาหกรรมที่มีข้อมูลละเอียดอ่อนจำนวนมาก ซึ่งล้วนต้องการโซลูชันด้านความปลอดภัยขั้นสูง
Top 10 Holdings
*ข้อมูลจาก Financial Times ณ วันที่ 19/05/2025 สัดส่วนอาจมีการเปลี่ยนแปลง
- Broadcom Inc (8.81%)
บริษัทที่นำเสนอโซลูชันความปลอดภัยแบบครบวงจร เช่น CASB, DLP, SASE และ Zero Trust มีจุดแข็งจากการควบรวมกิจการ เช่น Symantec และ VMware
- CrowdStrike Holdings Inc (8.37%)
ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มความปลอดภัยทางไซเบอร์แบบคลาวด์เนทีฟ ป้องกันภัยคุกคามและการละเมิดข้อมูล มีการเติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดความปลอดภัยทางไซเบอร์
- Palo Alto Networks Inc (7.65%)
ผู้นำเสนอโซลูชันความปลอดภัยเครือข่ายและคลาวด์สำหรับองค์กร เป็นผู้นำในตลาดความปลอดภัยทางไซเบอร์ มีการเติบโตต่อเนื่อง
- Cisco Systems Inc (7.57%)
ผู้บุกเบิกด้านเน็ตเวิร์กและความปลอดภัย ให้บริการโซลูชันที่เข้ากันได้กับโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ เช่น Network Detection และ Zero Trust
- Infosys Ltd (7.04%)
ผู้ให้บริการด้าน IT และโซลูชันดิจิทัล รวมถึงบริการที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยทางไซเบอร์สำหรับองค์กรทั่วโลก
- Okta Inc (5.19%)
ผู้ให้บริการโซลูชันการยืนยันตัวตนดิจิทัลและการจัดการการเข้าถึง ช่วยองค์กรปกป้องข้อมูลในระบบคลาวด์
- Zscaler Inc (4.73%)
ผู้พัฒนาความปลอดภัยทางคลาวด์และเอดจ์ เปลี่ยนโครงสร้าง IT สู่ Zero Trust มีการเติบโตสูงในตลาด Secure Web Gateways
- Booz Allen Hamilton Holding Corp (4.55%)
ผู้ให้คำปรึกษาและนำเสนอโซลูชันด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ มุ่งเน้นการป้องกันภัยคุกคามสำหรับหน่วยงานรัฐและเอกชน
- Gen Digital Inc (4.00%)
ผู้ให้บริการโซลูชันความปลอดภัยสำหรับผู้บริโภคและองค์กร เน้นการปกป้องข้อมูลส่วนตัวและป้องกันภัยคุกคามดิจิทัล
- Cloudflare Inc (3.97%)
ผู้ส่งมอบโซลูชันความปลอดภัยและประสิทธิภาพทางคลาวด์ ช่วยปกป้องและเพิ่มความเร็วให้เว็บไซต์และแอปพลิเคชัน
กองทุน LHCYBER อาจเหมาะกับผู้ลงทุนที่…
1. ผู้ลงทุนที่มองหาโอกาสในเทรนด์ “Digital Defense”
เหมาะสำหรับผู้ที่เชื่อว่า Cybersecurity จะกลายเป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของโลกดิจิทัล ซึ่งเติบโตควบคู่ไปกับ AI, Cloud และการใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ โดยเฉพาะในโลกที่ภัยคุกคามไซเบอร์เพิ่มขึ้นทุกปี และมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
2. ผู้ที่ต้องการลงทุนในธีมระยะยาวที่มีแนวโน้มเติบโตชัดเจน
ข้อมูลจาก Statista National Cyber Security Organizations คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรม Cybersecurity จะเติบโตเฉลี่ย 14.3% ต่อปี จนถึงปี 2032 ถือเป็นอุตสาหกรรมที่ขยายตัวเร็วกว่าหลายภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ Cloud Security ที่มีแนวโน้มโตเฉลี่ยถึง 20-25% ต่อปี
3. ผู้ที่ต้องการกระจายการลงทุนไปยังบริษัทชั้นนำระดับโลก
กองทุนนี้ลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรม Cybersecurity เช่น CrowdStrike, Palo Alto Networks, Cisco, Okta, Zscaler และ Broadcom ซึ่งมีจุดแข็งด้านเทคโนโลยี ความปลอดภัย และรายได้แบบ Recurring (ซื้อซ้ำ ๆ)
4. ผู้ที่สนใจลงทุนในธีมใหม่ที่ไปไกลกว่าแค่ “เทคโนโลยี”
Cybersecurity ไม่ใช่แค่เรื่องของ IT หรือโปรแกรมเมอร์อีกต่อไป แต่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลของทั้งองค์กร สถาบันการเงิน โรงพยาบาล สถาบันการศึกษา และธุรกิจ SME ต่าง ๆ ซึ่งต่างมีความต้องการระบบความปลอดภัยทางดิจิทัลที่เชื่อถือได้
รายละเอียดอื่น ๆ
- ความเสี่ยงระดับ 6 (กองทุนรวมตราสารทุน)
- นโยบายปันผล มีทั้งแบบจ่ายปันผล (LHCYBER-D) และไม่จ่ายปันผล (LHCYBER-A)
- ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนบางส่วน
- ลงทุนขั้นต่ำครั้งแรก 1,000 บาท
- ลงทุนขั้นต่ำครั้งถัดไป 100 บาท
- ค่าธรรมเนียมขาย (Front-end Fee) 1.50%
- ค่าธรรมเนียมรับซื้อคืน (Back-end Fee) ยกเว้น
- ค่าธรรมเนียมการจัดการ (Management Fee) 1.4445% ต่อปี
- รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 1.9827% ต่อปี
- ข้อมูลจากหนังสือชี้ชวนส่วนสรุปข้อมูลสำคัญ ณ วันที่ 30/04/2025
ศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ Finnomena Funds
สรุป
LHCYBER เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มองหาโอกาสในธีม Cybersecurity ซึ่งถือเป็น “โครงสร้างพื้นฐาน” ที่ขาดไม่ได้ในโลกยุคดิจิทัล ด้วยโมเดลธุรกิจที่มีโอกาสสร้างรายได้สม่ำเสมอ และได้รับแรงหนุนจากเมกะเทรนด์อย่าง AI, Cloud และ Big Data กองทุนนี้จึงเป็นหนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับโอกาสลงทุนในอนาคตของโลกดิจิทัล
LHSPACE อวกาศไม่ไกลเกินลงทุน
ในขณะที่โลกกำลังเร่งพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ สู่อนาคต หนึ่งในธีมที่ได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ คือ “เศรษฐกิจอวกาศ” หรือ Space Economy ซึ่งกำลังเปลี่ยนภาพลักษณ์ของ “อวกาศ” จากพื้นที่ทางวิทยาศาสตร์ ให้กลายเป็นเวทีใหม่ของการเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับโลก
ธีมอวกาศยังอยู่ในระยะเริ่มต้น แต่ศักยภาพขยายตัวชัดเจน
การเติบโตของอุตสาหกรรมอวกาศต่าง ๆ จากปี 2023 ถึงปี 2035 | Source: World Economic Forum 2024 Research
อุตสาหกรรมอวกาศอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเติบโต โดยคาดว่าขนาดตลาดของ Space Economy ทั่วโลกจะเติบโตเฉลี่ย 9–10% ต่อปี จากประมาณ 630,000 ล้านดอลลาร์ ในปี 2023 สู่ระดับ 1.79 ล้านล้านดอลลาร์ ภายในปี 2035 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ย 9% ต่อปี
โดยมีแรงหนุนจากหลายปัจจัย เช่น
- ต้นทุนปล่อยดาวเทียมลดลง เพราะเทคโนโลยีพัฒนาเร็วขึ้น
- ภาครัฐและเอกชนเพิ่มงบลงทุน ทั้งในด้านความมั่นคง การสื่อสาร และการสำรวจโลก
- ผู้เล่นรายใหญ่ระดับโลกเข้ามา เช่น SpaceX, Amazon, Apple, MDA, Rocket Lab
- เทคโนโลยีเชื่อมโยงกับ AI, 5G, IoT และ ESG ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องขยายได้หลากหลายมากขึ้น
ซึ่งแสดงถึงโอกาสขยายตัวอย่างต่อเนื่องในอนาคต ทำให้เป็นโอกาสสำคัญสำหรับการลงทุนในกองทุนที่เน้นธีมอวกาศอย่าง LHSPACE
LHSPACE เข้าถึงศักยภาพเติบโตของธุรกิจอวกาศยุคใหม่
LHSPACE หรือ กองทุนเปิด แอล เอช สเปซ อีโคโนมี ฟันด์ เปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนเข้าถึงการเติบโตของภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีอวกาศ โดยลงทุนในกองทุนหลัก Neuberger Berman Next Generation Space Economy Fund ซึ่งคัดเลือกบริษัทที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอวกาศยุคใหม่ (New Space Economy) ทั้งภาคการสำรวจ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และนำข้อมูลอวกาศมาใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์
LHSPACE ลงทุนในอะไร?
พอร์ตของกองทุนหลักแบ่งบริษัทออกเป็น 4 หมวดธุรกิจหลัก ได้แก่
- Launch Enablers ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการยิงจรวดและส่งดาวเทียม เช่น Rocket Lab, BAE Systems
- Communication & Connectivity ดาวเทียม อินเทอร์เน็ต 5G และ IoT เช่น AST SpaceMobile, Qualcomm
- Defense & Security เทคโนโลยีด้านความมั่นคง อวกาศกลาโหม เช่น MDA, Motorola Solutions
- Tech Components & Imaging อุปกรณ์ เซ็นเซอร์ กล้อง AI บนอวกาศ เช่น Amphenol, Teledyne, Planet Labs
ทำไม ‘ธีมอวกาศ’ ถึงน่าลงทุน
ตลาดโลกกำลังก้าวเข้าสู่ “Space Supercycle” ในปี 2025 ซึ่งสะท้อนถึงการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของอุตสาหกรรมอวกาศ ด้วยการลงทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดทั้งจากภาครัฐและเอกชน
ด้านรัฐบาล สหรัฐฯ ยุโรป และอิตาลี ต่างทุ่มงบประมาณหลายพันล้านดอลลาร์ในโครงการด้านดาวเทียมกลาโหม เรดาร์ และการเฝ้าระวัง
ขณะที่ภาคเอกชน บริษัทชั้นนำอย่าง Rocket Lab, MDA, SpaceX, Amazon และ Apple กำลังผลักดันนวัตกรรมในเทคโนโลยีดาวเทียม อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IoT) 5G และการท่องเที่ยวอวกาศ
นอกจากนี้ กระแสความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ (Geo-Politics) ยังผลักดันให้งบประมาณกลาโหมและความมั่นคงทางอวกาศเติบโต โดยการควบคุมข้อมูลจากอวกาศกลายเป็นกลยุทธ์สำคัญ เช่น โครงการ Golden Dome ของสหรัฐฯ ที่ใช้เรดาร์และระบบสกัดจรวดบนอวกาศ
Top 10 Holdings
*ข้อมูลจาก Financial Times ณ วันที่ 19/05/2025 สัดส่วนอาจมีการเปลี่ยนแปลง
- Rocket Lab USA Inc (6.62%)
บริษัทเทคโนโลยีอวกาศจากสหรัฐฯ ที่เชี่ยวชาญการปล่อยดาวเทียมและสร้างยานอวกาศครบวงจร เป็นผู้นำในตลาดจรวดขนาดเล็ก เติบโตแรงจากดีมานด์ภาคเอกชน - Amphenol Corp (3.52%)
ผู้ผลิตขั้วต่อไฟฟ้าและสายสัญญาณที่จำเป็นต่อระบบอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งในอุตสาหกรรมการบิน อวกาศ และการสื่อสาร - Teledyne Technologies Inc (3.43%)
ผู้เชี่ยวชาญด้านเซ็นเซอร์และระบบภาพถ่ายจากดาวเทียม ใช้ในภารกิจอวกาศและการสำรวจจากระยะไกล - Motorola Solutions Inc (2.96%)
ผู้ให้บริการระบบสื่อสารที่ปลอดภัยสำหรับองค์กร หน่วยงานรัฐ และภารกิจความมั่นคงในหลายประเทศ - Singapore Technologies Engineering Ltd (2.82%)
บริษัทวิศวกรรมข้ามชาติจากสิงคโปร์ ครอบคลุมงานด้านอวกาศ กลาโหม และเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติ - Airbus SE (2.79%)
หนึ่งในผู้ผลิตอากาศยานและระบบอวกาศรายใหญ่ของยุโรป มีบทบาทสำคัญในโครงการอวกาศระดับชาติและข้ามชาติ - BAE Systems PLC (2.77%)
บริษัทด้านความมั่นคงและการป้องกันประเทศจากสหราชอาณาจักร มีธุรกิจเกี่ยวข้องกับดาวเทียมและระบบควบคุมอวกาศ - Keysight Technologies Inc (2.68%)
ผู้พัฒนาโซลูชันการวัดและทดสอบอิเล็กทรอนิกส์สำหรับเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น การสื่อสารไร้สายและระบบอวกาศ - Qualcomm Inc (2.68%)
ผู้นำด้านเซมิคอนดักเตอร์และเทคโนโลยีไร้สาย แม้ราคาหุ้นจะปรับลง แต่ยังคงมีบทบาทสำคัญในระบบเชื่อมต่ออวกาศ - AST SpaceMobile Inc (2.52%)
สตาร์ทอัพเทคโนโลยีดาวเทียม ที่พัฒนาเครือข่ายมือถือที่เชื่อมต่อโดยตรงกับสมาร์ตโฟนจากอวกาศ ถือเป็นบริษัทที่เติบโตเร็วที่สุดในพอร์ต
กองทุน LHSPACE อาจเหมาะกับผู้ลงทุนที่…
1. ผู้ลงทุนที่มองหาโอกาสในเทรนด์ “Space Economy”
เหมาะสำหรับผู้ที่เล็งเห็นศักยภาพของอุตสาหกรรมอวกาศในฐานะแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกยุคใหม่ ซึ่งเติบโตควบคู่กับเทคโนโลยี เช่น ดาวเทียม 5G IoT และการท่องเที่ยวอวกาศ โดยเฉพาะในยุคที่การแข่งขันด้านอวกาศและความมั่นคงเพิ่มสูงขึ้น
2. ผู้ที่มุ่งหวังโอกาสเติบโตระยะยาวจากเทรนด์ในอนาคต
อุตสาหกรรมอวกาศคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 9% ต่อปี จาก 630,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2023 สู่ 1.79 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2035 ถือเป็นธีมที่มีศักยภาพสูง โดยเฉพาะในด้านการสื่อสารและความมั่นคงทางอวกาศ
3. ผู้ที่ต้องการเข้าถึงโอกาสการลงทุนในเทคโนโลยีล้ำสมัย
กองทุน LHSPACE เปิดโอกาสให้เข้าถึงการลงทุนในเทคโนโลยีอวกาศแห่งอนาคต เช่น การพัฒนาดาวเทียมเพื่อการสื่อสารขั้นสูง ระบบกลาโหมบนอวกาศ และโครงสร้างพื้นฐานที่ขับเคลื่อนด้วย AI และ IoT ซึ่งกำลังปฏิวัติการดำเนินธุรกิจในยุคใหม่
รายละเอียดอื่น ๆ
- ความเสี่ยงระดับ 6 (กองทุนรวมตราสารทุน)
- นโยบายปันผล มีทั้งแบบจ่ายปันผล (LHSPACE-D) และไม่จ่ายปันผล (LHSPACE-A)
- ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนบางส่วน
- ลงทุนขั้นต่ำครั้งแรก 1,000 บาท
- ลงทุนขั้นต่ำครั้งถัดไป 100 บาท
- ค่าธรรมเนียมขาย (Front-end Fee) 1.50%
- ค่าธรรมเนียมรับซื้อคืน (Back-end Fee) ยกเว้น
- ค่าธรรมเนียมการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน (Switching Fee) อัตราเดียวกับค่าธรรมเนียมขายและรับซื้อคืน
- ค่าธรรมเนียมการจัดการ (Management Fee) 1.0700% ต่อปี
- รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 1.5702% ต่อปี
- ข้อมูลจากหนังสือชี้ชวนส่วนสรุปข้อมูลสำคัญ ณ วันที่ 30/04/2025
ศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ Finnomena Funds
สรุป
LHSPACE เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มองหาโอกาสในธีมเศรษฐกิจอวกาศ (Space Economy) ซึ่งกำลังขยายตัวจากเวทีวิทยาศาสตร์สู่โอกาสเชิงธุรกิจจริงในระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นดาวเทียม การสื่อสาร เทคโนโลยีความมั่นคง หรือระบบขนส่งอวกาศ ด้วยการเติบโตเฉลี่ยที่น่าสนใจ และการเข้ามาของบริษัทนวัตกรรมทั้งรายใหญ่และรายใหม่ กองทุนนี้จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการกระจายพอร์ตสู่ธุรกิจแห่งอนาคต และมองหา “ธีมใหม่” ที่ยังมีศักยภาพและโอกาสเติบโตในระยะยาว
อ้างอิง: LHCYBER Fund Factsheet, LHSPACE Fund Factsheet, Financial Times
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนนี้ลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศและความมั่นคง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FINNOMENAPORT | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299


