
มุมมองการลงทุน
ตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วงเดือนที่ผ่านมา นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับมาตรการภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลังสหรัฐประกาศระงับการเก็บภาษีตอบโต้ชั่วคราวเป็นเวลา 90 วัน เพื่อให้มีการเจรจาการค้า หลังจากประกาศใช้มาตรการภาษีตอบโต้ได้เพียงไม่กี่วันในช่วงต้นเดือนเมษายน ทั้งนี้ การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับนานาประเทศยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดสหรัฐและจีนสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าได้แล้ว ส่งผลให้นักลงทุนคลายความกังวลต่อปัญหาสงครามการค้า นอกจากนี้ คณะทำงานของประธานาธิบดีทรัมป์ได้ส่งสัญญาณว่าจะขยายเวลาในการระงับการเก็บภาษีตอบโต้ออกไปอีก เพื่อการเจรจาการค้าดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงสวนทางกับตลาดหุ้นทั่วโลกจากปัจจัยภายในประเทศ ได้แก่ ความกังวลเกี่ยวความอ่อนแอของเศรษฐกิจภายในประเทศ ปัญหาการเมืองภายในประเทศ ความขัดแย้งกับกัมพูชา ฯลฯ
ทางด้านการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศต่างให้ผลตอบแทนที่ดีเช่นกัน เนื่องจากนักลงทุนมองว่าทิศทางดอกเบี้ยยังคงเป็นขาลง โดย ธปท. ระบุว่าพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนนโยบายดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ในขณะที่เฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม แต่อาจไม่ลดดอกเบี้ยเร็วและมากเท่ากับที่ตลาดคาด
สำหรับการลงทุนในระยะถัดไป ขอเสนอให้เพิ่มการสัดส่วนการลงทุนในกองทุนตราสารทุน เนื่องจากประเมินว่าตลาดได้ตอบรับข่าวเกี่ยวกับมาตรการภาษีของสหรัฐไปแล้ว และการดำเนินมาตรการของสหรัฐในระยะถัดไปอาจไม่ได้รุนแรงมากกว่าที่ตลาดคาด โดยเสนอให้เพิ่มการลงทุนในกองทุนหุ้นโลก KF-WORLD-INDX-A เพื่อกระจายความเสี่ยงจากปัญหาเศรษฐกิจที่อาจส่งผลเฉพาะบางประเทศให้มากขึ้น และเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในกองทุนหุ้นอินเดีย KFINDIA-A หลังตัวเลขเศรษฐกิจอินเดียกลับมาเติบโตแข็งแกร่ง และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจอินเดียจะเติบโตในอัตราที่เร็วขึ้น สำหรับกองทุนหุ้นสหรัฐ KFUSINDX เสนอให้ลดสัดส่วนการลงทุนลงเล็กน้อย เนื่องจากมีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงมาก หลังตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวเริ่มส่งสัญญาณชะลอลง อาทิ การจ้างงาน รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคล ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เป็นต้น อย่างไรก็ดี ทางเรายังคงมองว่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังคงมีแนวโน้มเติบโตดี หลังผลประกอบการของบริษัทในไตรมาสแรกออกมาแข็งแกร่ง และบริษัทส่วนใหญ่ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางผลประกอบการในอนาคต
ทั้งนี้ สัดส่วนการลงทุนที่เพิ่มขึ้นในกองทุนหุ้น ส่งผลให้สัดส่วนการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ลดลง โดยเสนอให้แบ่งสัดส่วนการลงทุนจากกองทุนตราสารหนี้ไทย KFAFIX-A เนื่องจากประเมินว่ากองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ KF-CSINCOME ได้ปรับตัวตอบรับแนวโน้มที่จะเฟดจะไม่รีบลดดอกเบี้ยไปแล้ว และอัตราผลตอบแทนที่คำนวณจากดอกเบี้ยที่จะได้รับเมื่อถือตราสารจนครบอายุ (yield to maturity – YTM) อยู่ในระดับสูงกว่ากองทุนตราสารหนี้ไทยอยู่มาก
ดู Fund Fact Sheet กองทุนที่เพิ่มน้ำหนัก/ปรับเข้า
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต กองทุนที่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน อาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจทำให้ผู้ลงทุนขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ กองทุนที่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน อาจมีต้นทุนสำหรับการทำธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงดังกล่าว โดยทำให้ผลตอบแทนของกองทุนโดยรวมลดลงเล็กน้อยจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น กองทุนอาจลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าอันดับที่สามารถลงทุนได้ (non-investment grade) หรือไม่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (unrated bond) ผู้ลงทุนจึงอาจมีความเสี่ยงสูงขึ้นจากการไม่ได้รับชำระคืนเงินต้น และดอกเบี้ย เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูลแต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือ และความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด โทร 0 2657 5757 | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299