ภาษี ยา ชิป

ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยว่าสหรัฐฯ เตรียมเริ่มเก็บภาษีนำเข้าสินค้ากลุ่มยาและเซมิคอนดักเตอร์ภายในสิ้นเดือนกรกฎาคม โดยจะเริ่มจากอัตราต่ำ และค่อย ๆ ปรับเพิ่มขึ้นในช่วงปีถัดไป เพื่อเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนย้ายฐานการผลิตกลับมายังประเทศ ซึ่งในอนาคตอัตราภาษีอาจสูงถึง 200%

พร้อมกันนี้ สหรัฐฯ ยังจะเริ่มใช้ “ภาษีตอบโต้” กับสินค้านำเข้าหลายรายการในวันที่ 1 สิงหาคม ตามแนวทาง “America First” ที่มุ่งส่งเสริมการผลิตภายในและลดการพึ่งพาต่างประเทศ โดยตั้งเป้าให้อัตราภาษีสะท้อนความเป็นธรรมในการค้าระหว่างประเทศ

มาตรการดังกล่าวอาจส่งผลต่อต้นทุนของบริษัทข้ามชาติที่มีสายการผลิตในต่างแดน เช่น Pfizer, Merck, Apple และ Samsung ซึ่งอาจทำให้ราคาสินค้าในประเทศปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย

อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ได้เริ่มเจรจากับหลายประเทศเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากภาษี โดยกรณีของอินโดนีเซียเป็นตัวอย่างที่เห็นผลชัดเจน หลังจากสามารถตกลง ลดอัตราจาก 32% เหลือ 19% โดยแลกกับการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ มูลค่ากว่า 19,000 ล้านดอลลาร์

แม้จะเปิดรับการเจรจา แต่ผู้นำสหรัฐฯ ยืนยันว่าพร้อมเดินหน้ากำหนดภาษีฝ่ายเดียว หากการพูดคุยไม่คืบหน้า โดยประเทศที่ไม่ได้รับเงื่อนไขพิเศษอาจเผชิญอัตราภาษีทั่วไปที่มากกว่า 10% และยังมีแนวโน้มจะขยายมาตรการไปยังคู่ค้าที่มีความเชื่อมโยงกับรัสเซีย หากสถานการณ์ในยูเครนยังไม่เปลี่ยนแปลง

ท่าทีล่าสุดของทรัมป์สะท้อนแนวทางที่เน้นใช้นโยบายการค้าขับเคลื่อนความมั่นคงทางเศรษฐกิจภายในประเทศ แม้จะเพิ่มอำนาจต่อรองของสหรัฐฯ แต่ก็อาจสร้างแรงกดดันใหม่ต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก และเพิ่มความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อในระยะถัดไป


อ้างอิง: Bloomberg

 

Tax Cal