หรือ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ กำลังใกล้จะขาลง?

เหตุการณ์เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่มีการโพสต์กันในโลกโซเชียลว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐได้เสียชีวิต จนติดเทรนด์ของ X และ Tiktok กว่า 1 แสนโพสต์ ถึงกระทั่งมีการวิเคราะห์ข่าวลือดังกล่าวใน CNN ว่าเพราะเหตุใด ถึงมีการลือเรื่องดังกล่าว โดยทรัมป์ได้ออกมาเล่นกอล์ฟในช่วงค่ำวันอาทิตย์ตามเวลาในบ้านเรา พร้อมย้ำปฏิเสธข่าวลือนี้ พร้อมกับย้ำว่าเขารู้สึกดีมากที่สุด ตอนนี้

ผมจะไม่ขอพูดถึงประเด็นนี้ว่าเป็นมาอย่างไร ทว่าสิ่งหนึ่งที่ผมมองว่าน่าจะเป็นควันหลงของข่าวลือดังกล่าวที่ทรัมป์ไม่ได้ออกโรงมาปฏิเสธแบบชัดเจนเหมือนเรื่องอื่น ๆ คือ ประเด็นข่าวปัญหาสุขภาพที่อาจจะกลับมาเป็นพักๆ 

นอกจากนี้ ผมอยากให้ตั้งข้อสังเกตว่า ตอนนี้ เหมือนจะมีหลายเหตุการณ์ท่ีอาจเป็นสัญญาณว่าโดนัลด์ ทรัมป์กำลังใกล้จะเป็นช่วงขาลง แม้ว่าอาจจะเป็นแค่ช่วงระยะสั้นก็ตามที ดังนี้

หนึ่ง ประเทศใหญ่อย่างจีน อินเดีย รัสเซีย เกาหลีเหนือ แม้กระทั่งปากีสถานที่จะเสนอชื่อโดนัลด์ ทรัมป์ รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ มารวมตัวกันในการประชุม Shanghai Cooperation Organization (SCO) ที่เมืองเทียนจิน และการเดินออกมาร่วมกันของ สี จิ้น ผิง, วลาดิเมียร์ ปูติน และ คิม จอง อึน ในงานสวนสนามโชว์แสนยานุภาพอาวุธแบบล้ำหน้านับตั้งแต่มีมา ล้วนแต่ส่งผลต่อทรัมป์ให้เกิดความโดดเดี่ยวในมิติทางการเมืองระหว่างประเทศ ถึงขนาดที่มีการประเมินว่า นี่คือการรวมตัวของบุคคลทั้งหมดที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับทรัมป์มาในงานนี้ นับเป็นการท้าทายทรัมป์ที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ทรัมป์ขึ้นมาเป็นผู้นำ โดยทรัมป์ได้แสดงความเห็นทางโซเชียลมีเดียว่าจีนสามารถมีวันนี้ได้ ก็เพราะการเสียสละของทหารสหรัฐในอดีตที่ผ่านมาช่วยเหลือจีนให้พ้นภัยมาหลายครั้ง

ทั้งนี้ มิตรประเทศของสหรัฐในตอนนี้ ดูเหมือนจะเหลือเพียงญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ซึ่งถูกมองว่าเป็นประเทศที่อยู่ภายใต้เงาสหรัฐมากกว่าประเทศที่เป็นมิตรแบบเทียบเคียงกัน โดยยุโรป ตอนนี้ ดูจะมีความห่างเหินจากสหรัฐมากขึ้นไปเรื่อยๆ ซึ่งตรงนี้ จากความนิยมของจีนต่อกลุ่มประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Global South ทำให้ดูเหมือนว่าองค์กรระดับโลกอย่าง NATO จะเอียงไปทางจีนมากขึ้นเรื่อย ๆ 

สอง ศาลอุทธรณ์สหรัฐตัดสินให้การตั้งกำแพงภาษีต่อสินค้านำเข้าของประเทศต่างๆ หรือที่เรียกกันว่า Reciprocal Tariff ว่าผิดกฎหมาย โดยต้องหันมาใช้เป็น tariff ตามเซกเตอร์สินค้า หากว่าศาลฎีกาตัดสินคำอุทธรณ์แบบเป็นเชิงลบต่อทรัมป์ โดยเริ่มต้นเร็วที่สุดในวันที่ 14 ตุลาคมนี้ ตรงนี้ ถือว่าทำให้ตลาดบอนด์สหรัฐมียิลด์ที่พุ่งสูงขึ้น เนื่องจากมองว่า Tariff ที่เก็บจากการนำเข้าอาจจะนำมาใช้ไม่ได้ ทำให้ต้องออกพันธบัตรสหรัฐมากขึ้นเป็นการแทนที่ จนส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงเกือบ 2% หลังวันหยุด Labor day ของสหรัฐ แม้ว่าจะมองว่าเป็นเรื่องที่ทรัมป์น่าจะสามารถโน้มน้าวศาลให้เปลี่ยนผลลัพธ์คำตัดสินได้ในชั้นศาลฎีกา ทว่าคำตัดสินของศาลอุทธรณ์ในเรื่องดังกล่าว ถือว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างคาดไม่ถึงและส่งผลกระทบต่อความมั่นใจในนโยบาย Tariff ของสหรัฐแบบเต็ม ๆ

สาม ศาลระดับชาติสหรัฐเพิ่งตัดสินว่าคำสั่งการส่งทหารเข้าไปปราบปรามการประท้วงนโยบายผู้อพยพออกจากสหรัฐในแคลิฟอร์เนียของทรัมป์เป็นเรื่องผิดกฎหมาย โดยศาลมองว่าทรัมป์ออกคำสั่งดังกล่าว ดูจะเป็นเรื่องเกินกว่าเหตุ เนื่องจากยังไม่ได้เกิดการจลาจลแบบเต็มรูปแบบ ซึ่งการใช้กำลังตำรวจก็น่าจะเพียงพอต่อระดับความรุนแรงดังกล่าวแล้ว ตรงนี้ ถือว่าส่งผลเชิงลบต่อมาตรการนโยบายผู้อพยพในอนาคตอย่างชัดเจน

สี่ การรอผลการตัดสินของศาลฎีกากรณีที่ ลิซ่า คุก กรรมการบอร์ดธนาคารกลางสหรัฐ ร้องเรียนว่าคำสั่งของทรัมป์ที่ปลดเธอไม่ชอบด้วยกฎหมาย

แม้ว่า ลิซ่า คุก น่าจะทำผิดตามข้อกล่าวหาของทีมงานทรัมป์เกี่ยวกับสินเชื่อบ้านจริง แต่เธอมองว่า ทรัมป์ไม่มีอำนาจในการปลดเธอ โดยข้อกล่าวหาทรัมป์ของคุกที่ฟ้องร้องต่อศาลได้อ้างว่าทรัมป์สร้างเรื่องราวต่าง ๆ กล่าวหาเธอเพื่อให้ต้องออกจากตำแหน่งกรรมการบอร์ดเฟด อันนำไปสู่การบั่นทอนความเป็นอิสระของธนาคารกลางสหรัฐ

ล่าสุด คริสติน ลาการ์ด ประธานแบงก์ชาติยุโรป และ แอนดริว ไบลีย์ ผู้ว่าแบงก์ชาติอังกฤษ ต่างประสานเสียงกันว่า ขณะนี้ เฟดกำลังมีความเสี่ยงเป็นอย่างสูงที่จะสูญเสียความเป็นอิสระในการดำเนินนโยบายการเงิน

ท้ายสุด ราคาเหรียญคริปโทฯ WLFI Financial Token ที่ออกโดย บริษัท World Liberty Financial Group หรือ WLFI ซึ่ง backup โดยโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา ไม่ได้มีราคาที่ขึ้นอย่างที่คาดกัน มิหนำซ้ำยังลดลง 25% อีกต่างหาก ทำให้หลายคนเริ่มคลางแคลงใจในความขลังของทรัมป์

ทั้งนี้ โดยทาง WLFI ได้ออก Token จำนวน 1 แสนพันล้านเหรียญ และนำมาจำหน่ายในตลาดเริ่มต้นจำนวน 2.47 หมื่นล้านเหรียญ ส่วนอีก 7.8 พันเหรียญ ส่งให้กับบริษัท American Bitcoin ซึ่งเป็นบริษัท crypto treasury ของลูกชายทรัมป์ อีริค ทรัมป์ ที่เพิ่ง IPO ในตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อวานนี้ โดยทรัมป์ถือครอง WLFI Token จำนวน 1.575 หมื่นล้านเหรียญ ปลายปีที่แล้ว ด้วยมูลค่า 3.6 พันล้านดอลลาร์ วันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา 

ดร. บุญธรรม รจิตภิญโญเลิศ, CFP

MacroView, macroviewblog.com